ThaiPublica > ประเด็นร้อน > Research Reports > ttb analytics > ttb analytics คาดเศรษฐกิจจีน หนุนเศรษฐกิจไทย เห็นผลชัดครึ่งหลังปี 2566

ttb analytics คาดเศรษฐกิจจีน หนุนเศรษฐกิจไทย เห็นผลชัดครึ่งหลังปี 2566

20 เมษายน 2023


ttb analytics ประเมินการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน หนุนเศรษฐกิจไทยโตต่อเนื่อง การท่องเที่ยวและการส่งออกสินค้าไทย จะเห็นผลชัดเจนในช่วงครึ่งหลังของปี 2566

เทศกาล S2O Songkran Music Festiva ปี 2566 เป็นเทศกาลที่นักท่องเที่ยวรอคอยมาเที่ยวทุกปี ที่มาภาพ : เฟชบุ๊ก S2O Songkran Music Festiva

นับตั้งแต่จีนเปิดประเทศในช่วงต้นปี 2566 จำนวนนักท่องเที่ยวจีนและความต้องการสินค้าจากประเทศจีนมีสัญญาณดีขึ้น โดยคาดว่านักท่องเที่ยวจีนจะกลับมาเที่ยวไทยในปี 2566 สูงถึง 5.3 ล้านคน โดยครึ่งปีแรกกำลังซื้อยังเป็นไปอย่างจำกัด และจะเริ่มดีขึ้นชัดเจนในช่วงครึ่งปีหลัง เช่นเดียวกับการส่งออกสินค้าจากไทยไปจีนซึ่งจะทยอยหดตัวน้อยลงในครึ่งแรกของปี ก่อนจะพลิกกลับมาเป็นบวกได้ในช่วงครึ่งปีหลัง ทำให้การส่งออกสินค้าของไทยไปจีนขยายตัวร้อยละ 0.2 ในปีนี้

เศรษฐกิจจีนเริ่มส่งสัญญาณดีขึ้นหลังจีนทยอยเปิดเมืองในช่วงกลางปี 2565 และโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังการเปิดประเทศอย่างเป็นทางการของจีนนับแต่ต้นปี 2566 ที่ผ่านมา ทำให้เศรษฐกิจจีนมีทิศทางฟื้นตัวชัดเจนขึ้นจากแรงส่งของภาคบริการเป็นหลัก ซึ่งภาพรวมการฟื้นตัวยังไม่เต็มที่เนื่องจากรายได้ที่แท้จริงของชาวจีนยังไม่เข้มแข็ง อย่างไรก็ตาม ภาคอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นปัจจัยฉุดรั้งเศรษฐกิจจีนมาอย่างต่อเนื่อง ก็เริ่มมีสัญญาณดีขึ้นค่อนข้างเร็วนับแต่เดือนมกราคม 2566 เช่นกัน โดยเฉพาะการลงทุนในโครงการที่อยู่อาศัย สะท้อนจากมูลค่าการลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ และการนำเข้าสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทโลหะจากตลาดโลกที่เพิ่มขึ้น คาดว่าปี 2566 นี้ กิจกรรมภาคอสังหาริมทรัพย์ในจีนจะยังอยู่ในระดับต่ำกว่าปกติ โดยจะยังหดตัวในครึ่งแรกของปี 2566 ก่อนจะกลับมาขยายตัวได้ในครึ่งปีหลัง และจะกลับเข้าสู่ระดับปกติได้ในปี 2567

การเข้าสู่ทิศทางขาขึ้นดังกล่าวของเศรษฐกิจจีนจึงถือเป็นข่าวดีสำหรับเศรษฐกิจโลกโดยรวม โดยเฉพาะเศรษฐกิจไทยที่มีความเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจจีนในระดับสูงก็ย่อมได้รับผลดีทั้งทางตรงและทางอ้อม ทั้งจากภาคการท่องเที่ยวและการส่งออกสินค้าที่ทยอยฟื้นตัวต่อเนื่อง ประกอบกับการฟื้นตัวพร้อมๆ กันของคู่ค้าสำคัญของไทยในอาเซียนก็เป็นผลดีทางอ้อมที่จะช่วยเสริมโมเมนตัมต่อภาคการผลิตและการส่งออกสินค้าของไทย

ด้านภาคการท่องเที่ยว ในช่วงก่อนวิกฤติโควิด-19 (ปี 2560-2562) จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาเที่ยวในประเทศไทยเฉลี่ยอยู่ที่เดือนละ 9 แสนคน หรือทั้งปีอยู่ที่ราว 10 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 28 ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติขาเข้าทั้งหมด สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวให้ประเทศไทยเฉลี่ยเดือนละ 44,000 ล้านบาท หรือราว 528,000 ล้านบาทต่อปี คิดเป็นร้อยละ 29 ของรายได้จากการท่องเที่ยวของไทยทั้งหมด แม้ในช่วงหลังวิกฤตโควิด-19 ไทยยังคงเป็นเป้าหมายท่องเที่ยวหลักของชาวจีน สะท้อนได้จาก 3 อันดับแรกของประเทศที่นักท่องเที่ยวชาวจีนนิยมเดินทางไปในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 คือ ฮ่องกง สหรัฐอเมริกา และไทย ตามลำดับ ล่าสุดในสองเดือนแรกของปี 2566 มีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาท่องเที่ยวในไทยราว 247,000 คน จาก 8,000 คนในระยะเวลาเดียวกันของปี 2565 และดีขึ้นจาก 127,000 คนในไตรมาส 4/2565

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากจีนเพิ่งอยู่ในระยะแรกของการเปิดประเทศและสิ้นสุดนโยบายโควิดเป็นศูนย์ ทำให้กำลังซื้อและยอดการใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวของชาวจีนยังไม่กลับสู่ระดับปกติ โดยข้อมูลยอดการใช้จ่ายท่องเที่ยวภายในประเทศของชาวจีนในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2565 ยังอยู่ที่ราวร้อยละ 80 ของยอดใช้จ่ายช่วงก่อนการเกิดวิกฤตโควิด-19 ด้วยปัจจัยข้างต้น ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ ttb analytics จึงคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวชาวจีนมาเที่ยวไทยทั้งปี 2566 อยู่ที่ 5.3 ล้านคน เพิ่มขึ้นเร็วจากปีก่อนซึ่งมีอยู่เพียง 2 แสนคน และคาดว่าจะสร้างรายได้ภาคการท่องเที่ยวให้ไทยในปีนี้ประมาณ 446,000 ล้านบาท

สำหรับด้านการส่งออกสินค้าของไทย จีนถือเป็นตลาดส่งออกอันดับที่สองของไทย รองจากตลาดสหรัฐฯ โดยในช่วงปี 2564-2565 ยอดการส่งออกสินค้าจากไทยไปจีนเฉลี่ยอยู่ที่ปีละ 35,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ร้อยละ 12 ของมูลค่าส่งออกสินค้าของไทยทั้งหมด) เพิ่มขึ้นจากเฉลี่ยปีละ 29,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงก่อนวิกฤตโควิด-19 สำหรับประเภทสินค้าที่ไทยส่งออกไปจีนมากที่สุด 4 อันดับในช่วงสองปีที่ผ่านมา คือ ผลิตภัณฑ์ยาง ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ผลไม้ (ผลไม้สดแห้ง แช่เย็น และแช่แข็ง) และเม็ดพลาสติก

เมื่อพิจารณาจากข้อมูลล่าสุด ปริมาณการนำเข้าสินค้าของประเทศจีนจากทั่วโลกที่เริ่มกลับมาขยายตัวได้เล็กน้อยนับตั้งแต่ช่วงปลายปี 2565 ล่าสุดในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ยอดนำเข้าสินค้าของจีนจากทั่วโลกกลับมาเป็นบวกที่ร้อยละ 5.6 โดยเฉพาะการนำเข้าจากกลุ่มประเทศอาเซียนที่ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วและกำลังฟื้นตัวต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลดีทางอ้อมให้การผลิตและการส่งออกสินค้าไทยฟื้นตัวได้เข้มแข็งขึ้นสอดคล้องกับการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นสะท้อนความต้องการสินค้าภายในประเทศจีนที่กำลังฟื้นตัวต่อเนื่อง ทั้งจากภาคธุรกิจที่นำไปผลิตสินค้าเพื่อส่งออกตามผลสำรวจภาวะภาคการผลิต (NBS) โดยภาวะคำสั่งซื้อสำหรับส่งออกและการสะสมสินค้าคงคลังของจีนเริ่มกลับมาขยายตัว และความต้องการสินค้าเพื่ออุปโภคบริโภคจากครัวเรือนจีนที่ฟื้นตัวต่อเนื่องเช่นกัน สะท้อนได้จากยอดค้าปลีกในเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคมของปี 2566 นี้ ที่กลับมาขยายตัวร้อยละ 3.5 และ 10.6 ตามลำดับ

จากปัจจัยข้างต้น ttb analytics มองว่าความต้องการสินค้าของไทยจากประเทศจีนจะทยอยปรับตัวดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปนับแต่ต้นปี 2566 นี้ แม้ครึ่งปีแรกจะยังหดตัวอยู่ที่ร้อยละ 10.8 แต่จะพลิกกลับมาขยายตัวได้ที่ร้อยละ 12.9 ในครึ่งปีหลัง ทำให้ทั้งปี 2566 มูลค่าส่งออกไปจีนจะอยู่ในระดับทรงตัวจากปีก่อนซึ่งหดตัวร้อยละ 7.7 ในด้านรายสินค้าที่ส่งออกไปจีน มูลค่าการส่งออกผลิตภัณฑ์ยางจะขยายตัวดีต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 6 สำหรับมูลค่าการส่งออกมันสำปะหลังจะขยายร้อยละ 4 อย่างไรก็ตาม การส่งออกสินค้าหมวดผลไม้ และเม็ดพลาสติกมีทิศทางชะลอตัวจากผลของฐานราคาที่สูงในปีก่อน แต่ในแง่ปริมาณมีแนวโน้มจะปรับตัวดีขึ้นตามการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจแต่ยังต้องใช้เวลา

โดยสรุปการเปิดประเทศของจีนในต้นปี 2566 นี้ ถือเป็นข่าวดีต่อความเชื่อมั่นทั่วโลกและช่วยส่งเสริมโมเมนตัมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกท่ามกลางการชะลอตัวลงของกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลัก (สหรัฐฯ ยุโรป และอังกฤษ) แต่ด้วยปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจมหภาคของจีน โดยเฉพาะรายได้ที่แท้จริงที่ยังไม่เข้มแข็งมากนัก จึงอาจต้องรอเวลาถึงครึ่งหลังของปี 2566 จึงจะได้เห็นผลที่ชัดเจนขึ้น ทั้งต่อการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวจีนและการส่งออกสินค้าของไทย