ThaiPublica > ประเด็นร้อน > เลือกตั้งอย่างรับผิดชอบ 2566 > “ส้มโอ ธันยธร” คนรุ่นใหม่ อาสาทำงานเมือง เปลี่ยน “บวร” บ้าน- วัด-โรงเรียน เป็น “Cotemple Space”

“ส้มโอ ธันยธร” คนรุ่นใหม่ อาสาทำงานเมือง เปลี่ยน “บวร” บ้าน- วัด-โรงเรียน เป็น “Cotemple Space”

4 เมษายน 2023


เปิดแนวคิด “ส้มโอ ธันยธร” คนรุ่นใหม่ อาสาทำงานเมือง ใช้แนวคิด “พุทธศาสนาร่วมสมัย” ฟื้นศรัทธา ใช้พื้นที่วัด เป็น Cotemple Space พื้นที่สาธารณะที่ทุกคนใช้ประโยชน์และสร้างสรรค์ได้

“ส้มโอ ธันยธร กิจบำรุงสาสน์” พรรคถิ่นกาขาวชาววิไล

ความน่าสนใจในสนามเลือกตั้งปี 2566 นอกจากการเสนอนโยบายของพรรคต่างๆ ที่มุ่งประชานิยม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังมีพรรคการเมืองที่มุ่งจุดยืนเฉพาะทาง เป็นพรรคทางเลือกที่เสนอตัวเข้าสู่การเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคถิ่นกาขาวชาววิไล เป็นอีกหนึ่งพรรคหน้าใหม่ที่มีวิธีคิดและจุดยืนทางการเมืองที่แตกต่างออกไป โดยการนำเอาแนวคิดเรื่องพุทธศาสนาเข้ามาเป็นนโยบายของพรรค และนำเอาคนรุ่นใหม่อย่าง “ส้มโอ ธันยธร” ซึ่งทำงานด้านการตลาด เป็นผู้นำเสนอแนวคิดของพรรค

สำนักข่าวออนไลน์ไทยพับลิก้า ได้พูดคุยกับ ส้มโอ ธันยธร กิจบำรุงสาสน์ พรรคถิ่นกาขาวชาววิไล ถึงการตัดสินใจลงมทำงานการเมืองด้านพุทธศาสนา ขณะที่คนรุ่นใหม่จำนวนมากหันหลัง และประกาศตัวเองว่าไม่มีศาสนาเพิ่มมากขึ้น

“ส้มโอ ธันยธร” บอกว่า ทำงานด้านมาร์เกตติงในบริษัทมเอกชนมาตลอด และไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านศาสนา เป็นพุทธศาสนิกชนคนธรรมดาคนหนึ่ง ที่นำเอาหลักคิดด้านศาสนามาปรับใช้ในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว

เธอเห็นว่าปัจจุบันมีมุมมองบางอย่าง ที่ทำให้พุทธศาสนาถูกด้อยค่าลงไปจากการนำเสนอข่าวบางมุมด้านลบ จนทำให้กลายเป็นเรื่องดราม่า แต่อยากให้มองโลกตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น พระสงฆ์ที่ประพฤติไม่ดีมี แต่ยังมีพระสงฆ์ที่เป็นนักนักพัฒนา พระปฏิบัติดีอีกจำนวนมาก จึงอยากให้สังคมได้มองและแยกให้ออก

“ส้มโอ ธันยธร” ในฐานะพุทศาสนิกชน ตัดสินใจ อาสาเข้ามาทำงานเมืองร่วมกับ “พรรคถิ่นกาขาวชาววิไล” ซึ่งมีแนวคิดในเรื่องของการดูแลพุทธศาสนาเช่นเดียวกัน

เพียงแต่เธอเห็นว่าการนำเสนอหลักคำสอนของพุทธศาสนาต้องไม่ใช่วิธีเดิมๆ ที่ไม่ใช้วิธีสั่งสอนความดีอย่างเดียว แต่ต้องมีความร่วมสมัยไปกับคนทุกรุ่น ให้หันมาสนใจหลักธรรมของศาสนาที่เป็นแก่นแท้

“อยากเข้ามาทำงานเมือง ไม่ใช่มาเล่นการเมืองเพราะไม่ใช่นักการเมือง เป็นเพียงพุทธศาสนิกชนธรรมดา ที่อยากอาสามาทำงานด้านนี้ด้วยประสบการณ์ที่มีด้านการตลาดการสื่อสาร และการสร้างแบรนด์ จะช่วยให้การสื่อสารเรื่องของพุทธศาสนาร่วมสมัยกับคนทุกรุ่น ไม่เป็นการสั่งสอนความดีอย่างเดียว”

เธอบอกว่า อยากทำให้คนที่ขาดความเชื่อมันเรื่องศาสนาไปแล้วกลับมาฟังและเห็นว่ายังมีมุมมองแบบนี้ ที่มีความร่วมสมัยมาใช้ในชีวิตประจำวัน เราไม่ได้เสนอในมุมมองการสอนศาสนา หลักธรรม แต่อยากบอกถึงสิ่งที่จะนำมาใช้ในชีวิตอย่างไร

“อยากให้มีการปรับใช้มากกว่า อยากให้มีสิ่งยึดเหนี่ยวที่ทำให้จิตใจฟูได้เวลาจิตตก เพราะส่วนตัวเองก็ไม่สามารถท่องคติธรรมของศาสนาได้ทั้งหมด แค่รู้ว่า หลักอะไรเอามาใช้เวลาเจอปัญหา ซึ่งจะได้เสนอมุมมองเหล่านี้ออกไป”

Cotemple Space วัดเป็นพื้นที่สร้างสรรค์

“ส้มโอ ธันยธร” และ “พรรคถิ่นกาขาวชาววิไล” จึงนำเสนอให้ฟื้นแนวคิดดั้งเดิม “บวร” หรือ “บ้าน- วัด-โรงเรียน” กลับมาปัดฝุ่นใหม่ แต่ใช้มุมมองใหม่ และคำร่วมสมัยมากขึ้น คือ Cotemple Space เพื่อใช้พื้นที่วัดเป็นพื้นที่ใช้สอยส่วนกลาง ในการจัดกิจกรรม การทำงานสร้างสรรค์ ที่คนในชุนชน คนในสังคม เข้าไปใช้ประโยชน์ได้ ทำให้วัดเป็นทั้งที่พึ่งทางใจและที่พึ่งทางกาย

“ชุมชนอยากจะมีพื้นที่กิจกรรมและพื้นที่ศิลปะเราใช้วัดเป็นศูนย์กลาง เราไม่ได้จำกัดพื้นที่เป็นรายชั่วโมง แต่ทุกคนสามารถเข้ามาใช้พื้นที่ในทางสร้างสรรค์ได้ โดยไม่ได้จำกัดว่าจะนับถือศาสนาอะไรก็สามารถเข้ามาใช้พื้นที่วัดได้ ซึ่งก็คือการโปรโมตสิ่งเก่าที่มีอยู่แล้ว นำเสนอในมุมมองใหม่”

“ส้มโอ ธันยธร” พรรคถิ่นกาขาวชาววิไล

แก้ปัญหา “หมา-แมว” ถูกทิ้ง

นอกจากนี้ยังเห็นว่า พื้นที่ส่วนกลางวัดควรจะใช้เป็นแหล่งพักพิงของหมาแมวจรจัด ที่ปัจจุบันก็มีคนนำมาทิ้งที่วัด หากสามารถปรับให้พื้นที่วัดเป็นแหล่งพักพิงโดยการเข้าไปช่วยวัดบริหารจัดการ จะช่วยแก้ปัญหากหมา แมว จรจัดได้

“ส้มโอ ธันยธร” บอกว่า ส่วนตัวเป็นคนรับเลี้ยงหมาจรจัด 10 ตัวและเห็นปัญหาหมาถูกทิ้งในเมือง จึงอยากให้วัดเป็นพื้นที่นัดพบ คือเป็นแหล่งพักพิงหมา ใครอยากเลี้ยงหมาสามารถไปลองเลี้ยงที่วัด และถ้าถูกชะตาสามารถรับกลับไปเลี้ยงที่บ้านได้ และหากใครมีปัญหาไม่สามารถเลี้ยงได้ ก็นำไปฝากที่วัดเพื่อรอคนที่มีศักยภาพในการเลี้ยงได้ ซึ่งแนวทางนี้จะช่วยแบ่งเบาภาระพระสงฆ์ และช่วยแก้ไขปัญหาหมา แมว จรจัด

พรรคฯ ยังเสนอแนวทางในการดูแลการดูแลพระสงฆ์อาพาธในโรงพยาบาลสงฆ์ และจะมีการตั้งทนายความพุทธศาสนา เพื่อเข้าไปดูแลวัดที่มีปัญหาคดีข้อพิพาทเรื่องพื้นที่สงฆ์ ปัญหาที่ดิน เป็นต้น

“พรรคฯ เห็นว่าควรจะมีทนายพุทธศาสนา เหมือนที่มีทนายประชาชน เพื่อมาช่วยข้อพิพาทการอยู่ร่วมกันแล้ว เพราะบางวัดไปติดกับพื้นที่อาศัย ทำอย่างไรให้อยู่ร่วมกันได้ จึงต้องมีทนายศาสนาซึ่งหมายถึงผู้เชี่ยวชาญกฎหมายและผู้ศรัทธามาร่วมกันทำงานตรงนี้”

พรรคฯ ยังมีนโยบายในการอำนวยความสะดวกในการเดินทางของพุทธศาสนิกชน ที่ต้องการเดินทางไปปูชนียสถานที่อินเดียกับเนปาล เพื่อให้สามารถไปจาริกแสวงบุญได้

“ส้มโอ ธันยธร” พรรคถิ่นกาขาวชาววิไล

Buddhism Power กระตุ้น ศก. ชุมชน-ตั้งกระทรวงศาสนา

ในช่วงที่แนวคิด Soft Power ในการกระตุ้นเศรษฐกิจกำลังมาแรง “ส้มโอ ธันยธร” บอกว่า เรามี Buddhism Power ซึ่งก็ถือเป็น Soft Power อย่างหนึ่ง เพราะเป็นเรื่องของการผลักดันศิลปวัฒนธรรม ศาสนา ซึ่งเชื่อว่าสามารถนำมาสร้างรายได้ให้กับชุมชนรอบวัดได้ นำสินค้าชุมชนมาขาย หรือการจัดกิจกรรมในวัด ผลักดันให้เกิดการท่องเที่ยววัด ก็จะทำให้ชุมชนรอบวัดมีรายได้มากขึ้น

“ไม่ใช่พุทธพาณิชย์ ไม่ใช่การขายเครื่องราง แต่เป็นการทำให้ชุมชนรอบวัดมีพื้นที่ทำมาหากิน ช่วยสร้างรายได้ให้กับชุมชนรากหญ้าได้”

นอกจากนี้ ยังเสนอให้มีกระทรวงศาสนาเพื่อแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้าง ทำให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมา แม้จะมีกรมศาสนาและมีสำนักพุทธ แต่การแก้ไขปัญหายังไม่ได้ครอบคลุม แต่การตั้งเป็นกระทรวงจะทำให้สามารถดูแลและแก้ไขปัญหาได้มากขึ้น เพราะมีความชัดเจน มีรัฐมนตรีที่ดูแลด้านนี้โดยตรงในการกำกับดูแล

พุทธศาสนาร่วมสมัยในการศึกษา

ส่วนนโยบายทางด้านการศึกษา “ส้มโอ ธันยธร” เห็นว่า ต้องมีการสื่อสารศาสนาในการเรียนรู้ในโรงเรียนแบบใหม่ ที่พุทธศาสนาร่วมสมัยมากขึ้น มีการสื่อสารที่ฉีกออกไปจากเดิม เป็นการสื่อสารที่เข้าใจง่าย แต่คงหลัก ศีล สมาธิ ปัญญา โดยนำเอาสิ่งเหล่าทำเป็นหลักสูตรการเรียนรู้แบบ active learning โดยต้องเข้าไปลงพื้นที่ในวัด ใช้พื้นที่วัดเพื่อทำกิจกรรม ทำให้การศึกษาศาสนาเกิดขึ้นจากการปฏิบัติจริง

“ส้มโอ ธันยธร” เห็นว่า สถานการณ์ในปัจจุบัน ประชาชนเสื่อมศรัทธาต่อศาสนาจึงต้องเร่งแก้ไขเพื่อนำเอาศรัทธกลับมาอีกครั้ง ซึ่งเธอมองเห็นโอกาสและอาสาเข้ามาทำงานเมืองเพื่อเสนอมุมมองศาสนาใหม่ ที่ร่วมสมัยและนำไปปรับใช้กับชีวิตประจำวันได้มากขึ้น

เธอเห็นว่า การนับถือศาสนายังเป็นเรื่องจำเป็น เพราะว่าปัญหาในโลกนี้มีจำนวนมากจำเป็นต้องมีที่พึ่งทางใจ แม้จะเห็นว่าคนที่บอกว่าไม่มีศาสนา จะไม่ผิดอะไร แต่เห็นว่า หากเข้าใจหลักพุทธศาสนาจะเข้าใจความเป็นธรรมดา และควมเป็นธรรมชาติที่นำมาปรับใช้กับชีวิตประจำวันได้