“ดิษทัต ปันยารชุน” ซีอีโอโออาร์คนใหม่ โชว์วิสัยทัศน์ ชูแนวคิด “RISE OR” พาพันธมิตรติดปีกเติบโตธุรกิจอย่างยั่งยืน ตั้งเป้าหมายเป็นผู้นำEV สร้างสถานี 7,000 แห่งในปี 2030 พร้อมให้หนุนทุกรัฐบาล และยกระดับคุณภาพชีวิต 15,000 ชุมชนรอบปั้มน้ำมัน
นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.นํ้ามันและการค้าปลีก จํากัด (มหาชน)หรือ OR เปิดวิสัยทัศน์ในโอกาสที่ได้เข้ารับตําแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ว่า มาเพื่อสานต่อวิสัยทัศน์ Empowering All toward Inclusive Growth เติมเต็มทุกโอกาสการเติบโตร่วมกัน มุ่งผลักดันการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน ด้วยแนวคิด “RISE” ที่สะท้อนถึงบทบาทความเป็นผู้นำที่จำเป็นต่อการขับเคลื่อนองค์กร ไม่ว่าจะเป็นการมุ่งสร้างผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม, การตัดสินใจที่ฉลาดบนพื้นฐานของข้อมูลข่าวสารที่มีประสิทธิภาพ, การผนึกกำลังของธุรกิจทั้งภายในและภายนอกกลุ่ม ปตท. และการทุ่มเทในบทบาทหน้าที่ด้วยจิตวิญญาณของผู้ประกอบการ
“ผมจะสานต่อวิสัยทัศน์โออาร์ให้เป็นธุรกิจที่มีความแข็งแกร่งและทำให้เป็นธุรกิจในอนาคตที่มีความก้าวไกล สิ่งที่ผมอยากบอกคือจะทำให้ โออาร์ประสบความสำเร็จในระยะสั้น แต่เติบโตในระยะยาวมีเป้าหมายในปี 2030 ในการสร้างความยั่งยืน”
นายดิษทัตย้ำว่าการเดินไปสู่ความสำเร็จตามเป้าหมายโดยให้ความสำคัญกับการลงมือทำที่ชัดเจนทั้ง 3 ด้านคือ
1.Synchronization for Ecosystem การประสานธุรกิจพลังงานและไลฟ์สไตล์ให้เป็นหนึ่ง เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบนิเวศของ OR ผ่านการใช้ประโยชน์จากข้อได้เปรียบของแต่ละธุรกิจ ในการเสริมความเข้มแข็งซึ่งกันและกัน ให้สามารถตอบโจทย์วิถีชีวิตแห่งอนาคต ทั้งด้าน offline และ online
2.Synergy for Impact การผนึกกำลังของธุรกิจทั้งภายในและภายนอกกลุ่ม ปตท. เพื่อ ยกระดับผลกระทบเชิงบวกต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดแบบครบวงจร พร้อมเปิดประตูความร่วมมือสู่การเติบโตร่วมกัน
“แนวคิดของเราในการทำงานเป็น ONE เราต้องคิดเป็นหนึ่งเพื่อให้เข้าสู่ระบบ Ecosystem ที่ดีที่สุด คือความได้เปรียบของโออาร์ เรามีความพร้อมในการแข่งขันด้านไลฟ์สไตล์ มีพอร์ตใหญ่ สามารถสร้างความพร้อมในการแข่งขันในอนาคตได้ รวมไปถึงการแสวงหาโอกาสใหม่ ๆ ว่าธุรกิจจะเปลี่ยนไปอย่างไร”
นายดิษทัตกล่าวด้วยว่าเขาให้ความสำคัญในเรื่องของ synergy เพราะหมายถึงพลังทั้งการ synergyในเครือ ปตท. ของเราเอง และการ synergyกับพาร์ตเนอร์และคู่ค้า โดยเราจะลงทุนกับคู่ค้าโดยให้ความสำคัญในการเติบโตไปด้วยกัน มานั่งวางกลยุทธด้วยกัน และมีความเข้มแข็งไปด้วยกัน
“ในมุมของผมการ synergy เริ่มจากภายในของเราเอง เราจะทำให้ ปตท . สามารถก้าวไปอย่างเข้มแข็ง และมีความเชี่ยวชาญพลังงานทั้งระบบ เพราะฉะนั้นโออาร์คือ gateway ที่ทำให้ความเชี่ยวชาญของ ปตท.ออกไปสู่สังคมและผู้บริโภค คือความได้เปรียบที่พลังของเราจะลุยต่อไปแบบบทวีคูณ ทั้ง synergy กับพาร์ตเนอร์ของเราทั้งในและต่างประเทศ”
3.Sustainability for Future ด้วยความได้เปรียบจากความแข็งแกร่งของ Ecosystem ของกลู่ม ปตท. ทำให้ โออาร์ สามารถสานต่อไปสู่การสร้างอนาคตที่ยั่งยืนผ่าน SDG ในแบบฉบับของโออาร์ที่จะตอบโจทย์เป้าหมาย ได้อย่างมีประสิทธิภาพในปี 2030
นายดิษทัตบอกว่า โออาร์มี SDG ในแบบของตัวเองที่ไปสู่เป้าหมาย 2030 ได้อย่างสมาร์ทและไปสู่เป้าหมายอย่างยั่งยืนคือ
S – SMALL โอกาสเพื่อคนตัวเล็ก หรือ Opportunities for Communities) ผ่านการดำเนิน ธุรกิจควบคู่ไปกับการยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของชุมชน
D – DIVERSIFIED โอกาสเพื่อการเติบโตทุกรูปแบบ More Partners, Products and Services ผ่านศักยภาพของ OR ที่จะเป็น Platform ในการกระจายโอกาสทางธุรกิจที่หลากหลายและครอบคลุม พร้อมเติบโตไปด้วยกัน
G – GREEN โอกาสเพื่อสังคมสะอาด Low Carbon Business Areas ผ่านการส่งเสริม ธุรกิจทุกประเภทของ OR ให้เป็นธุรกิจสีเขียว เพื่อสนับสนุนให้เกิดสังคมคาร์บอนต่ำ อย่างยั่งยืน และบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน Carbon Neutrality ภายในปี 2030 ตลอดจนมุ่งสู่การบรรลุการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero Carbon ภายในปี 2050
นายดิษทัตบอกว่าการจะเดินไปสู่หมายนั้นได้ จะต้องการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนชุมชน โดยโออาร์มีเป้าหมาย 15,000 ชุมชนที่จะนำพาเขาไปชีวิตที่มีคุณภาพที่ดีขึ้น และการกระจายรายได้ให้ชุนประชาชนเข้าถึงรายได้มากขึ้น
“เราจะทำสิ่งเหล่านี้ได้อย่างไร ผมจะทำให้ชุมชนในระยะ 5 กิโลเมตรที่รอบสถานีโออาร์ทำให้เขาเหล่านั้นมีความสุข และชุมชนเหล่านั้นต้องให้การต้อนรับเรา และทุกคนมีความสุขคือ commitment ที่ผมจะทำให้ได้ เราทำธุรกิจใหญ่ต้องดูแลชุมชนด้วยไม่ใช่ทำธุรกิจของตัวเองอย่างเดียว”
ส่วนเรื่อง health และ environment การดำเนินธุรกิจของเราต้องคำนึงถึงสภาพแวดล้อม เช่น เรื่องการบริหารจัดการขยะ การเลือกใช้วัสดุผลิตภัณฑ์ที่ดูแลสิ่งแวดล้อมในธุรกิจของเรา
นอกจากนี้เพื่อให้เข้าสู่สังคมในปี 2030 และ 2050 เราต้องเริ่มต้องมีกฎเกณฑ์ เพื่อไปสู่ความยั่งยืนโดยจะขอความร่วมมือกับ พาร์ตเนอร์ธุรกิจของเราในการกำหนดกฎเกณฑ์ในเรื่องความยั่งยืน
ทั้งนี้โออาร์จะเป็นผู้นำทางด้าน EV โดย Ecosystem Design หรือ การออกแบบระบบนิเวศสำหรับธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อรองรับกระแสการเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคตอย่างครบวงจร จะมีการเพิ่มจุดชาร์จตามสถานีบริการเพิ่มมากขึ้นให้ครอบคลุมทั่วประเทศกว่า 7,000 เครื่อง รวมถึงการผลักดันให้เกิดความร่วมมือในธุรกิจ EV ของกลุ่มปตท. อย่างเป็นระบบ และนำข้อมูลจากลูกค้าที่มาใช้บริการเพื่อออกแบบระบบนิเวศน์ที่เหมาะสม
นอกจากนี้ โออาร์จะเป็น Professional Management หรือ การพัฒนาบุคลากรภายในควบคู่กับการสรรหาพันธมิตร ที่มีความเชี่ยวชาญจากภายนอก รวมไปถึง strategic Alliance หรือ การสร้างพันธมิตรทั้งภายในและภายนอกเพื่อหาโอกาสขยายธุรกิจและสร้างมูลค่าเพิ่มทั้งภายในและต่างประเทศ และสร้าง Sustainability Criteria หรือการกำหนดหลักเกณฑ์ด้าน People & Planet ในการทำธุรกิจเพื่อความยั่งยืน
นายดิษทัตกล่าวถึงการลงทุนประมาณ 50% จะลงทุนร่วมพาร์ตเนอร์เพื่อเจริญเติบโตไปด้วยกัน โดยจะดำเนินการตามกลไกใหม่ในการบริหารงานเพื่อขับเคลื่อนองค์กรตามพันธกิจทั้ง 4 ด้าน คือ Seamless Mobility, All Lifestyles, Global Market และ OR Innovation
ในส่วนการลงทุนของโออาร์ ในปี 2023 คาดว่าตลอดทั้งปีจะใช้เงินลงทุนประมาณ 100,000 ล้านบาท จะเน้นไปที่การขยายธุรกิจในด้านไลฟ์สไตล์ 45 % เพื่อเน้นการเข้าถึงความต้องการของผู้มาใช้บริการเป็นหลัก โดย โออาร์ จะเลือกลงทุนที่หลากหลายมีคุณภาพต่อ Value Chain เป็นหลัก ส่วนสัดส่วนการลงทุน Mobility 22%, Innovation 17% และ Global 16%
“ผมจะทำให้ โออาร์เป็นโออาร์ที่ติดปีก และมีการเจริญเติบโตในระบบสั้น ที่สามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยจะเป็นการเติบโตผ่านการร่วมมือกับธุรกิจทั้งภายในและภายนอกกลุ่ม ปตท. เพื่อสนับสนุนกันและกันผ่านการใช้ Asset ของ OR ที่มี ตลอดจนความสามารถในการขยายธุรกิจ ในขณะที่ยังคงเติมเต็มทุกความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างครบครัน” นายดิษทัตกล่าว
ส่วนกรณีบางจากซื้อเอสโซ่ นายดิษทัต กล่าวว่าในมุมของโออาร์ เราเชื่อว่ามีธุรกิจที่เข้มแข็ง เรามีพันธกิจที่เด่นชัดในเรื่อง Mobility , Lifestyles, Innovation และการผนึกกำลังการทำงานร่วมกันเป็น synergy และทำงานเป็นหนึ่งเดียวทำให้เราเชื่อสามารถแข่งขันในตลาดได้
ส่วนกลยุทธ์ในการป้องกันการแทรกแซงทางการเมืองนายดิษทัตบอกว่า “พร้อมให้ความร่วมมือกับทุกรัฐบาล เพราะคงไม่สามารถเอนเอียงไปในรัฐบาลใดรัฐบาลหนึ่งได้ เราพร้อมจะสนับสนุนทุกรัฐบาล”