ThaiPublica > เกาะกระแส > “ดิษทัต ปันยารชุน” ซีอีโอใหม่ ‘โออาร์’ ตั้งเป้าผู้นำสถานีEV 7,000 แห่งปี 2030 พร้อมหนุนทุกรัฐบาล

“ดิษทัต ปันยารชุน” ซีอีโอใหม่ ‘โออาร์’ ตั้งเป้าผู้นำสถานีEV 7,000 แห่งปี 2030 พร้อมหนุนทุกรัฐบาล

19 มกราคม 2023


“ดิษทัต ปันยารชุน” ซีอีโอโออาร์คนใหม่ โชว์วิสัยทัศน์ ชูแนวคิด “RISE OR”  พาพันธมิตรติดปีกเติบโตธุรกิจอย่างยั่งยืน ตั้งเป้าหมายเป็นผู้นำEV สร้างสถานี 7,000 แห่งในปี 2030 พร้อมให้หนุนทุกรัฐบาล และยกระดับคุณภาพชีวิต 15,000 ชุมชนรอบปั้มน้ำมัน

นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.นํ้ามันและการค้าปลีก จํากัด (มหาชน)หรือ OR เปิดวิสัยทัศน์ในโอกาสที่ได้เข้ารับตําแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ว่า มาเพื่อสานต่อวิสัยทัศน์ Empowering All toward Inclusive Growth เติมเต็มทุกโอกาสการเติบโตร่วมกัน มุ่งผลักดันการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน ด้วยแนวคิด “RISE” ที่สะท้อนถึงบทบาทความเป็นผู้นำที่จำเป็นต่อการขับเคลื่อนองค์กร ไม่ว่าจะเป็นการมุ่งสร้างผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม, การตัดสินใจที่ฉลาดบนพื้นฐานของข้อมูลข่าวสารที่มีประสิทธิภาพ, การผนึกกำลังของธุรกิจทั้งภายในและภายนอกกลุ่ม ปตท. และการทุ่มเทในบทบาทหน้าที่ด้วยจิตวิญญาณของผู้ประกอบการ

“ผมจะสานต่อวิสัยทัศน์โออาร์ให้เป็นธุรกิจที่มีความแข็งแกร่งและทำให้เป็นธุรกิจในอนาคตที่มีความก้าวไกล สิ่งที่ผมอยากบอกคือจะทำให้ โออาร์ประสบความสำเร็จในระยะสั้น แต่เติบโตในระยะยาวมีเป้าหมายในปี 2030 ในการสร้างความยั่งยืน”

นายดิษทัตย้ำว่าการเดินไปสู่ความสำเร็จตามเป้าหมายโดยให้ความสำคัญกับการลงมือทำที่ชัดเจนทั้ง 3 ด้านคือ

1.Synchronization for Ecosystem การประสานธุรกิจพลังงานและไลฟ์สไตล์ให้เป็นหนึ่ง เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบนิเวศของ OR ผ่านการใช้ประโยชน์จากข้อได้เปรียบของแต่ละธุรกิจ ในการเสริมความเข้มแข็งซึ่งกันและกัน ให้สามารถตอบโจทย์วิถีชีวิตแห่งอนาคต ทั้งด้าน offline และ online

2.Synergy for Impact การผนึกกำลังของธุรกิจทั้งภายในและภายนอกกลุ่ม ปตท. เพื่อ ยกระดับผลกระทบเชิงบวกต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดแบบครบวงจร พร้อมเปิดประตูความร่วมมือสู่การเติบโตร่วมกัน

“แนวคิดของเราในการทำงานเป็น ONE  เราต้องคิดเป็นหนึ่งเพื่อให้เข้าสู่ระบบ Ecosystem  ที่ดีที่สุด คือความได้เปรียบของโออาร์  เรามีความพร้อมในการแข่งขันด้านไลฟ์สไตล์ มีพอร์ตใหญ่ สามารถสร้างความพร้อมในการแข่งขันในอนาคตได้ รวมไปถึงการแสวงหาโอกาสใหม่ ๆ ว่าธุรกิจจะเปลี่ยนไปอย่างไร”

นายดิษทัตกล่าวด้วยว่าเขาให้ความสำคัญในเรื่องของ synergy เพราะหมายถึงพลังทั้งการ synergyในเครือ ปตท. ของเราเอง และการ synergyกับพาร์ตเนอร์และคู่ค้า  โดยเราจะลงทุนกับคู่ค้าโดยให้ความสำคัญในการเติบโตไปด้วยกัน มานั่งวางกลยุทธด้วยกัน และมีความเข้มแข็งไปด้วยกัน

“ในมุมของผมการ synergy เริ่มจากภายในของเราเอง  เราจะทำให้ ปตท . สามารถก้าวไปอย่างเข้มแข็ง และมีความเชี่ยวชาญพลังงานทั้งระบบ เพราะฉะนั้นโออาร์คือ gateway ที่ทำให้ความเชี่ยวชาญของ ปตท.ออกไปสู่สังคมและผู้บริโภค คือความได้เปรียบที่พลังของเราจะลุยต่อไปแบบบทวีคูณ ทั้ง synergy กับพาร์ตเนอร์ของเราทั้งในและต่างประเทศ”

3.Sustainability for Future ด้วยความได้เปรียบจากความแข็งแกร่งของ Ecosystem ของกลู่ม ปตท. ทำให้ โออาร์ สามารถสานต่อไปสู่การสร้างอนาคตที่ยั่งยืนผ่าน SDG ในแบบฉบับของโออาร์ที่จะตอบโจทย์เป้าหมาย ได้อย่างมีประสิทธิภาพในปี 2030

นายดิษทัตบอกว่า โออาร์มี SDG ในแบบของตัวเองที่ไปสู่เป้าหมาย 2030 ได้อย่างสมาร์ทและไปสู่เป้าหมายอย่างยั่งยืนคือ

S – SMALL โอกาสเพื่อคนตัวเล็ก  หรือ Opportunities for Communities) ผ่านการดำเนิน ธุรกิจควบคู่ไปกับการยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของชุมชน

D – DIVERSIFIED โอกาสเพื่อการเติบโตทุกรูปแบบ More Partners, Products and Services  ผ่านศักยภาพของ OR ที่จะเป็น Platform ในการกระจายโอกาสทางธุรกิจที่หลากหลายและครอบคลุม พร้อมเติบโตไปด้วยกัน

G – GREEN โอกาสเพื่อสังคมสะอาด  Low Carbon Business Areas ผ่านการส่งเสริม ธุรกิจทุกประเภทของ OR ให้เป็นธุรกิจสีเขียว เพื่อสนับสนุนให้เกิดสังคมคาร์บอนต่ำ อย่างยั่งยืน และบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน Carbon Neutrality ภายในปี 2030 ตลอดจนมุ่งสู่การบรรลุการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero Carbon ภายในปี 2050

นายดิษทัตบอกว่าการจะเดินไปสู่หมายนั้นได้ จะต้องการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนชุมชน โดยโออาร์มีเป้าหมาย  15,000 ชุมชนที่จะนำพาเขาไปชีวิตที่มีคุณภาพที่ดีขึ้น และการกระจายรายได้ให้ชุนประชาชนเข้าถึงรายได้มากขึ้น

“เราจะทำสิ่งเหล่านี้ได้อย่างไร ผมจะทำให้ชุมชนในระยะ 5 กิโลเมตรที่รอบสถานีโออาร์ทำให้เขาเหล่านั้นมีความสุข  และชุมชนเหล่านั้นต้องให้การต้อนรับเรา และทุกคนมีความสุขคือ commitment ที่ผมจะทำให้ได้  เราทำธุรกิจใหญ่ต้องดูแลชุมชนด้วยไม่ใช่ทำธุรกิจของตัวเองอย่างเดียว”

ส่วนเรื่อง health และ environment การดำเนินธุรกิจของเราต้องคำนึงถึงสภาพแวดล้อม เช่น เรื่องการบริหารจัดการขยะ การเลือกใช้วัสดุผลิตภัณฑ์ที่ดูแลสิ่งแวดล้อมในธุรกิจของเรา

นอกจากนี้เพื่อให้เข้าสู่สังคมในปี 2030 และ 2050  เราต้องเริ่มต้องมีกฎเกณฑ์ เพื่อไปสู่ความยั่งยืนโดยจะขอความร่วมมือกับ พาร์ตเนอร์ธุรกิจของเราในการกำหนดกฎเกณฑ์ในเรื่องความยั่งยืน

นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โออาร์

ทั้งนี้โออาร์จะเป็นผู้นำทางด้าน EV  โดย Ecosystem Design หรือ การออกแบบระบบนิเวศสำหรับธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อรองรับกระแสการเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคตอย่างครบวงจร จะมีการเพิ่มจุดชาร์จตามสถานีบริการเพิ่มมากขึ้นให้ครอบคลุมทั่วประเทศกว่า 7,000 เครื่อง รวมถึงการผลักดันให้เกิดความร่วมมือในธุรกิจ EV ของกลุ่มปตท. อย่างเป็นระบบ และนำข้อมูลจากลูกค้าที่มาใช้บริการเพื่อออกแบบระบบนิเวศน์ที่เหมาะสม

นอกจากนี้ โออาร์จะเป็น Professional Management หรือ การพัฒนาบุคลากรภายในควบคู่กับการสรรหาพันธมิตร ที่มีความเชี่ยวชาญจากภายนอก  รวมไปถึง strategic Alliance หรือ การสร้างพันธมิตรทั้งภายในและภายนอกเพื่อหาโอกาสขยายธุรกิจและสร้างมูลค่าเพิ่มทั้งภายในและต่างประเทศ และสร้าง Sustainability Criteria หรือการกำหนดหลักเกณฑ์ด้าน People & Planet ในการทำธุรกิจเพื่อความยั่งยืน

นายดิษทัตกล่าวถึงการลงทุนประมาณ 50% จะลงทุนร่วมพาร์ตเนอร์เพื่อเจริญเติบโตไปด้วยกัน โดยจะดำเนินการตามกลไกใหม่ในการบริหารงานเพื่อขับเคลื่อนองค์กรตามพันธกิจทั้ง 4 ด้าน  คือ Seamless Mobility, All Lifestyles, Global Market และ OR Innovation

ในส่วนการลงทุนของโออาร์ ในปี 2023 คาดว่าตลอดทั้งปีจะใช้เงินลงทุนประมาณ 100,000 ล้านบาท จะเน้นไปที่การขยายธุรกิจในด้านไลฟ์สไตล์  45 % เพื่อเน้นการเข้าถึงความต้องการของผู้มาใช้บริการเป็นหลัก โดย โออาร์ จะเลือกลงทุนที่หลากหลายมีคุณภาพต่อ Value Chain เป็นหลัก ส่วนสัดส่วนการลงทุน Mobility 22%, Innovation 17% และ Global 16%

“ผมจะทำให้ โออาร์เป็นโออาร์ที่ติดปีก และมีการเจริญเติบโตในระบบสั้น ที่สามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยจะเป็นการเติบโตผ่านการร่วมมือกับธุรกิจทั้งภายในและภายนอกกลุ่ม ปตท. เพื่อสนับสนุนกันและกันผ่านการใช้ Asset ของ OR ที่มี ตลอดจนความสามารถในการขยายธุรกิจ ในขณะที่ยังคงเติมเต็มทุกความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างครบครัน” นายดิษทัตกล่าว

ส่วนกรณีบางจากซื้อเอสโซ่  นายดิษทัต  กล่าวว่าในมุมของโออาร์ เราเชื่อว่ามีธุรกิจที่เข้มแข็ง เรามีพันธกิจที่เด่นชัดในเรื่อง Mobility , Lifestyles,  Innovation  และการผนึกกำลังการทำงานร่วมกันเป็น synergy  และทำงานเป็นหนึ่งเดียวทำให้เราเชื่อสามารถแข่งขันในตลาดได้

ส่วนกลยุทธ์ในการป้องกันการแทรกแซงทางการเมืองนายดิษทัตบอกว่า “พร้อมให้ความร่วมมือกับทุกรัฐบาล เพราะคงไม่สามารถเอนเอียงไปในรัฐบาลใดรัฐบาลหนึ่งได้  เราพร้อมจะสนับสนุนทุกรัฐบาล”