ThaiPublica > คอลัมน์ > SILENT HILL f งามหยดสยดสยอง

SILENT HILL f งามหยดสยดสยอง

24 ธันวาคม 2022


1721955

ส่งท้ายปีคอลัมน์นี้ด้วยการแกะร่องรอยงานอาร์ตที่ปรากฏในเกมโหดสุดสยองที่รุ่มรวยด้วยปรัชญาล้ำลึก SILENT HILL f อันเป็นโปรเจกต์เกมสุดอลังการเท่าที่ปรากฎมาในปีนี้ ที่ทางค่ายโคนามิ ประกาศออกมาทีเดียว 5 โปรเจกต์ และนี่คือหนึ่งในนั้น เป็นหนึ่งที่แตกต่างที่สุด ที่เรียกว่าพลิกโฉมไอเดียตั้งต้นของเกมสุดคลาสสิก SILENT HILL ที่ตั้งแต่เริ่มเมื่อปี 1999 มันถือกำเนิดมาจากไอเดียที่ว่าค่ายเกมในญี่ปุ่นอย่างโคนามิ อยากจะยกระดับตัวเองให้เกมเป็นที่นิยมไปทั่วโลก มีความสากล จึงจงใจให้ SILENT HILL มีมุมมองและวิธีการเล่าแบบหนังฮอลลีวูด ดูเป็นฝรั่ง เข้าถึงกันได้ทั่วโลก ทว่าผ่านไปกว่าสองทศวรรษ SILENT HILL f กลับเลือกจะพลิกไปอีกทาง คือเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดในญี่ปุ่น ด้วยสิ่งเดียวที่เหมือนกันคือเมืองที่ปกคลุมไปด้วยหมอก ที่ทันทีที่ตัวอย่างสุดงามหยดนี่ปรากฏออกมา มันก็สร้างความสยดสยองจนคอเกมต่างตั้งตารอว่ามันจะมีออกมาให้เล่นกันเมื่อไร

FYI: SILENT HILL ภาคอื่น ๆ ที่ประกาศออกมาในเวลาเดียวกัน

Return to SILENT HILL เป็นฉบับหนังภาคต่อ ฉบับหนัง Silent Hill (2006) โดยได้ผู้กำกับคนเดิมจากภาคนั้น คริฟตอฟ กันส์ ที่เขาว่า “นี่จะเป็นการกลับไปสู่โลกใบนั้นของผมด้วย จักรวาลแห่งนั้นที่ผมได้สัมผัสมันเมื่อ 15 ปีก่อน อันเป็นฉบับภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง และเราตัดสินใจจะกลับไปสู่เรื่องราวยอดเยี่ยมเหล่านั้น ที่คราวนี้จะเป็นเรื่องราวของชายหนุ่มที่กลับมายัง SILENT HILL ที่ซึ่งเขาได้รู้จักกับความรักอันยิ่งใหญ่ และสิ่งที่เขาพบเจอคือฝันร้ายล้วน ๆ แก่นของเรื่องจะรวมเอาไอเดียเกี่ยวกับตำนานออร์เฟอุส กับอะไรก็ตามที่ชายคนหนึ่งพยายามจะไปในหลุมลึกแห่งนรกเพื่อทวงวิญญาณคนที่เขารักที่สุดในชีวิตกลับคืนมา มันจะมีความเป็นหนังเขย่าขวัญเชิงจิตวิทยามากขึ้น ซึ่งจะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับตัวเกม มีแผนจะฉายโรงวันที่ 27 ตุลาคม 2023

ภาพแบบร่างล่าสุดจาก Return to SILENT HILL

กันส์ทิ้งท้ายว่า “แต่การกลับมาในคราวนี้มันต้องตามมาด้วยความประหลาดใจ มันคือจักรวาลใหม่ ที่เต็มไปด้วยความท้าทายใหม่ ๆ นี่เป็นส่วนสำคัญที่สุดในการกลับมาหาเรื่องราวอันเป็นที่จดจำนี้ เราจะมีดีไซน์ใหม่ ๆ ของผีแปลก ๆ อีกมากมาย”

ภาพวาดออร์เฟอุสกับนางไม้ยูรีไดซ์

FYI: ตำนานออร์เฟอุส เป็นเรื่องราวของหนุ่มหล่อที่มีแม่เป็นมิวส์(เทพีแห่งศิลปะวิทยาการ) ชื่อ แคลลิโอเป ส่วนพ่อเป็นกษัตริย์เมืองเทรซ นามว่า โอเอกรัส (บางตำนานว่าพ่อของ โอเฟอุสคือ เทพอะพอลโล่) เขาจึงมีพรสวรรค์ด้านดนตรี และได้รับพิณจากอะพอลโล่ ออร์เฟอุสพบรักกับนางไม้ ยูรีไดซ์ แต่แล้ววันแต่งงานเธอกลับถูกงูกัดตาย เทพซุสจึงแนะนำให้ลงไปยังยมโลกเพื่อทวงคนรักคืนมาจากเจ้านรกเฮเดส ซึ่งหลังจากบรรเลงพิณเกลี้ยกล่อม เฮเดสก็ยอมคืนนางยูรีไดซ์ให้ โดยมีข้อแม้ว่าตลอดการเดินออกไปหากยังไม่พ้นแดนคนตาย ห้ามหันหลังกลับมามองหน้านางเด็ดขาด แต่แล้วออร์เฟอุสก็เผลอเหลียวกับไปมองขณะนางกำลังจะก้าวพ้นเอลิเซียมทุ่งคนตาย ทันใดนั้นนางก็กลับเป็นวิญญาณ เขาคว้าได้เพียงความว่างเปล่า แล้วยูรีไดซ์ก็ไม่มีวันหวนคืนมาอีกเลย

ความหมดอาลัยตายอยากพาออร์เฟอุสเดินไปถึงแท่นบูชาเทพแห่งไวน์ ไดโอนีซุส ที่นั่นมีพวกเมแนดส์นางสาวกที่กำลังเมามาย ความคลั่งของพวกนางทำให้เงื้อมดาบสังหารออร์เฟอุส แล้วฉีกร่างเขาออกเป็นหลายส่วนนำไปลอยน้ำ ส่วนหัวลอยไปติดพิณทองไหลไปตามแม่น้ำเฮบรัส และยังคงส่งเสียงบรรณเลงเพลงแห่งความเศร้าไม่รู้จบ สุดท้ายเหล่าเทพีมิวส์ก็รวบรวมชิ้นศพนำไปฝังไว้เชิงเขาโอลิมปัส ก็ปรากฎเป็นนกไนติงเกลส่งเสียงไพเราะ แล้วก็นำพิณของเขาไปประดับบนฟากฟ้ากลายเป็นกลุ่มดาวพิณ (Lyra)

ภาพวาดออร์เฟอุสกับนางไม้ยูรีไดซ์

SILENT HILL: Ascension ซีรีส์แบบอินเตอร์แอ็คทีฟที่ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลอะไรมากนัก สายเกมส์เข้าใจว่าน่าจะเป็นอีเวนต์พิเศษให้ผู้ชมร่วมกันตัดสินใจแบบเรียลไทม์สตรีมมิ่ง ด้วยการไลฟ์สดทั่วโลกในเซสชั่นเดียวกัน ที่จะมีการออนไลน์เพียงครั้งเดียวให้ผู้ชมร่วมกันลุ้นฉากจบไปพร้อมกัน ภายใต้ แบด โรบอท เกม ของพ่อมดแนวไซ-ไฟ เจเจ เอบรัมส์ ผู้กุมบังเหียนแต่โปรเจ็คต์ดัง ๆ อย่าง Cloverfield (2008), Star Trek Into Darkness (2013), Star Wars: The Force Awakens (2015)

จาค็อบ นาวอค ซีอีโอของเก็นวิด ผู้ร่วมสร้างเกมเล่าว่า “ผมสนุกกับความหลอกหลอนของ SILENT HILL และสนุกที่สุดตอนเล่นเกมนี้กับเพื่อน ๆ หรือแฟนเกมคอเดียวกัน ได้หลอนสะดุ้งด้วยกัน ทำให้เราเกิดไอเดียจะสร้างบรรยากาศนี้ขึ้นมาด้วยกลุ่มคนจำนวนมหาศาลมาเล่นด้วยกัน มันจะเป็นซีรีส์ไลฟ์สดแบบเรียลไทม์ และอินเตอร์แอ็คทีฟโต้ตอบกับผู้ชมได้ ด้วยจำนวนแฟนเป็นล้าน ๆ คนมาร่วมกันในคราวเดียว คุณสามารถเปลี่ยนจุดจบของมัน หรือแม้แต่ไปอยู่ร่วมในบางฉาก และไม่มีปุ่มรีเซ็ต ความเป็นความตายของคุณจะตกแต่งเรื่องราวของมันไปตลอดกาล”

SILENT HILL 2 (remake) เกมรีเมคฉบับปี 2001 อันเป็นภาคที่แฟนเกมชื่นชอบที่สุด และเป็นต้นกำเนิดปีศาจตัวไอคอนอย่างพิระมิดเฮด โดยจะได้หนึ่งในทีมไซเลนท์ดั้งเดิมกลับมาออกแบบให้ คือ มาซาฮิโระ อิโตะ และคนทำต้นฉบับดนตรีเดิมก็จะกลับมาด้วย คือ อากิระ ยามาโอกะ ที่ทางค่ายตั้งใจให้การรีเมคครั้งนี้จะยกระดับเกมส์ให้ทันสมัยยิ่งขึ้นด้วย Unreal Engine ที่จะออกมาเป็นเกมเพลย์สเตชั่น 5 และสตรีม

SILENT HILL: Townfall เป็นเกมส์ภาคแยกที่ร่วมกับสตูดิโอ No Code ที่เคยทำ Stories Untold กับ Observation มาพัฒนาร่วมกัน ซึ่งถ้าดูตัวอย่างก็บอกเป็นนัยว่า อาจมีวิธีเล่นแบบเดียวกับ Observation เกมไซ-ไฟสุดสยองที่แม้จะไม่เห็นผีเลย แต่กลับทำให้คนดูขนลุก และคล้าย Stories Untold ที่อาจไม่ใช่มุมมองบุคคลที่สามแบบเดิม แต่เป็นการสื่อสารระยะไกลกับใครอีกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ ซึ่งคล้ายกับเกม P.T. ที่ค่ายเคยพับโปรเจ็คต์ไป หรือมีแนวทางในแบบที่เรียกว่า แอนาล็อก เฮอร์เร่อร์

ภาพจาก Local58

FYI: แอนาล็อก เฮอร์เร่อร์

โลกทุกวันนี้เราอยู่ในยุคดิจิตอลมาตั้งแต่หลังปี 2000 นั่นแปลว่าตั้งแต่แรกมีทีวีในช่วงยุค50s มาจนถึงครึ่งศตวรรษในปี2000 ระบบอิเล็คทรอนิคส์ต่าง ๆ เป็นรูปแบบที่เรียกว่าแอนาล็อก ทีนี้ในหมู่นักเล่าเรื่องที่ช่างสรรหาแนวทางใหม่ ๆ มาเล่นกับคนดู ก็ทำคลิปวิดีโอขึ้นมาชุดนึง ทำช่องบนยูทูบขึ้นมา แล้วปลอมบอกคนดูว่า ข้อมูลที่คนดูได้เห็นเหล่านี้ คือของจริงที่ดึงเอามาจากช่วงยุคแอนาล็อก เช่น ช่อง Local58 ที่ทำตัวเสมือนว่าเก็บรวบรวมฐานข้อมูลลี้ลับสำคัญบางอย่างเอาไว้ ที่เคยใช้ถ่ายทอดในสถานีท้องถิ่นสมมติที่ชื่อว่า Local58 ทั้งที่มันมีแค่ 9 คลิป แต่กลับมียอดวิวรวมกันสูงถึงยี่สิบล้านวิว เพราะมันเป็นไวรัส เล่าลืออาถรรพ์กันไปปากต่อปาก เช่น มีคลิปที่เราไม่เห็นตัวประหลาดใดใดปรากฏบนจอเลย แต่เราจะรู้ว่ามันมีการต่อสู้กันระหว่าง คน กับสิ่งมีชีวิตลี้ลับ เนื่องจากข้อความบนจอภาพ ส่อเป็นนัยว่าคนที่กำลังทำหน้าที่ออกอากาศสดอยู่นั้น ถูกสิงหรือถูกควบคุมด้วยบางสิ่งอยู่ ทำให้ทีวีมีอาการผีเข้าผีออก หรือไม่ก็ไวรัลที่ดังมากคือเป็นภาพปรากฎประกาศเตือนว่าสหรัฐได้ถูกศัตรูไม่ทราบฝ่ายควบคุมไว้แล้ว แล้วขอให้ผู้ชมออกนอกบ้านเอาปืนไปยิงใครก็ตามที่เจอตามท้องถนน แล้วยิงตัวตาย ไวรัลนี้ส่งผลกระเทือนลือกันไปต่าง ๆ ว่ามีคนทำตามจริง ทั้งที่ไม่เคยพิสูจน์ได้ว่าจริง ตัวอย่างคล้าย ๆ กันนี้ ลองเสิร์ชช่องอื่น ๆ อีกเช่น Mandela Catalogue, Gemini Home Entertainment, The Monument Mythos, The Walten Files, The Smile Tapes ฯลฯ

ภาพจาก P.T.

FYI: P.T. เกมในตำนาน

P.T. มีคำอธิบายว่า P.T. ย่อมาจาก Playable teaser หรือทีเซอร์เกมที่เล่นได้ โดยปล่อยให้เล่นฟรีเมื่อปี2014 ที่ทางโคนามิออกมาบอกว่าเป็นรูปแบบใหม่ของการเล่นเกมที่จะออกมาใช้ในภาคใหม่ที่ชื่อว่า Silent Hills ภาคใหม่ โดยพัฒนาร่วมกันระหว่าง 7780s studio (นามแฝงของ ฮิเดโอะ โคจิมะ แห่งเกม Metal Gear) กับ กีร์เยโม เดล โตโร จาก Pan’s Labyrinth (2006), Pacific Rim (2013) และจะมีนักแสดงนำหลักคือ นอร์แมน รีดส์ จากซีรีส์ The Walking Dead แต่สุดท้ายโคนามิตัดสินใจพับกระดาน ดึงเกมนี้ออกจากระบบ ส่วนโคจิมะลาออกไปตั้งบริษัทเอง แล้วทำเกมที่ล้ำมาก ๆ ให้นอร์แมน รีดส์ แสดงในชื่อ Death Stranding (2019) ตัวเกม P.T. ผู้เล่นจะตื่นขึ้นมาในบ้านหลังหนึ่งที่มีร่องรอยเหตุการณ์ไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้น ที่คาดว่าอาจมีการฆาตกรรม ไปจนถึงขั้นคนที่ถูกฆ่ากลายเป็นผีสิงบ้านนี้ โดยเราไม่รู้ว่าตัวเราเป็นใคร เราต้องค่อย ๆ แกะปริศนาที่วางซ่อนอยู่ตามทางเดินในบ้าน แต่ระหว่างเดินไปเรื่อย ๆ เราจะลูปวนกลับมาที่เดิม หรือถ้าเราไขปริศนาบางอย่างออกทางเดินที่เราเคยเดิน อาจพาเราไปที่แห่งใหม่ แต่เป้าประสงค์ของเราคือต้องออกไปจากบ้านหลังนี้

ปกเกม 4 ภาคแรก

กำเนิดตำนานดั้งเดิม

จุดกำเนิดของ SILENT HILL เป็นผลงานเด็กหลังห้องไม่เอาไหนโดยแท้ อากิระ ยามาโอกะ ผู้แต่งเพลงประกอบเกมนี้เล่าว่า “เกมนี้ถูกพัฒนาภายใต้ชื่อทีมไซเลนท์ ที่รับผิดชอบ 4 เกมแรกในแฟรนไชส์นี้ ที่โคนามิจัดจำหน่ายในช่วง 1999-2004 (ก่อนที่ต่อมาจะได้รับการพัฒนาโดยบริษัทที่ไม่ใช่ของญี่ปุ่น เช่น Climax Studios , Double Helix Games และVatra Games) ทีมไซเรนท์เป็นการรวมตัวกันของพนักงานที่ล้มเหลวถูกพับกระดานมาจากโครงการอื่น ๆ ในค่าย และเดิมทีตั้งใจจะลาออกจากบริษัท ก่อนที่จะกลายเป็นว่า SILENT HILL ภาคแรกของพวกเขาประสบความสำเร็จอย่างกว้างขวาง แต่ในที่สุดทีมไซเรนท์ก็ถูกยุบในปี 2005 เพราะโคนามิต้องการให้ชาวตะวันตกเข้ามาพัฒนาเกม

ภาพจาก Slitter Head

โคอิจิโร โทยามะ ผู้กำกับและนักออกแบบเกมเจ้าของตำนาน SILENT HILL ดั้งเดิมที่ออกจากบริษัทเป็นคนแรกตั้งแต่ภาคแรก เพื่อไปทำเกมซีรีส์ชุด Siren และ Gravity Rush ล่าสุดในปี 2021 เขาได้เปิดเผยว่ากำลังทำเกมที่ได้ฉากบรรยากาศแบบหนังฮ่องกงแบบในหนังหว่องกาไวในชื่อ Slitterhead

อิกิระ ยามะโอกะ โปรดิวเซอร์เพลงประกอบเกมที่อยู่กับ SILENT HILL นานที่สุด แม้จะประกาศลาออกไปเมื่อปี 2009 แต่ก็ยังกลับมาร่วมงานกับภาคใหม่ ๆ ของ SILENT HILL เป็นระยะ ๆ ล่าสุดเขาจะทำให้เกมฉบับรีเมคของ SILENT HILL 2 ที่จะออกในปีหน้า รวมถึง Slitterhead ของโทยามะเพื่อนเก่าด้วย

ฮิโรยูกิ โอวาคุ ในภาคแรกเขาอยู่ตำแหน่งโปรแกรมเมอร์เหตุการณ์และโปรแกรมเมอร์ฝ่ายศัตรู หลังจากนั้นก็อยู่ในฐานะผู้เขียนบท ที่ภาคสองได้รับการชื่นชมอย่างมาก แต่ก็ลาออกไปหลังจากยุบทีมในภาค 4

มาซาฮิโระ อิโตะ ผู้ออกแบบฉากหลัง และสิ่งมีชีวิตในภาคแรก ก่อนจะก้าวขึ้นมาเป็นฝ่ายกำกับศิลป์และออกแบบสิ่งมีชีวิตในภาค2-3 มาวาดภาพประกอบให้กับ Silent Hill: Cage of Cradle มังงะฉบับออนไลน์ในญี่ปุ่น ก่อนจะไปออกแบบตัวประหลาดใน Night Cry (2016) Metal Gear Survive (2018) World of Tanks (2020) และล่าสุดกลับมาทำให้เกมรีเมคของ SILENT HILL 2
ทาคาโยชิ ซาโตะ ผู้กำกับCGI ในสองภาคแรก และรับผิดชอบในฉากคัทซีน ปัจจุบันย้ายไปทำให้ค่ายนินเทนโด

นอกจากนั้นก็มี มาซาชิ สึโบะยามะ ผู้ออกแบบฉาก, คาซูฮิเดะ นากาซาวะ โปรดิวเซอร์ภาค 3 ปัจจุบันย้ายไปอยู่โคจิมะ โปรดัคชั่นส์ ของฮิเดโอะ โคจิมะ, สุกูรุ มาราโคชิ ผู้กำกับภาค2 และกำกับกับเขียนบทภาค4 ก่อนจะย้ายไป โคจิมะ เช่นกัน, แล้วก็ โกโซ คิตาโอะ กับ อากิฮิโระ อิมามูระ

ในปี 2017 เมื่อถูกถามว่า Team Silent จะกลับมารวมตัวกันอีกครั้งหรือไม่ ยามะโอกะ กล่าวว่าเขาไม่ได้ต่อต้านแนวคิดนี้ แต่ก็ยังกล่าวด้วยว่า “มันยากที่จะพูด เพราะทุกคนมีพัฒนาการ และบางทีความคิดก็เปลี่ยนไปแล้วเช่นกัน นอกจากนี้ เทคโนโลยี และอุตสาหกรรมเกมโดยรวมก็เปลี่ยนไปด้วย แม้ว่าเราจะกลับมารวมกันอีกครั้ง ผมก็ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าเราจะทำสิ่งที่ยอดเยี่ยมแบบนี้ได้อีก มันจึงยากที่จะพูดในตอนนี้”

ภาพจาก SILENT HILL f โดย KERA

ตำนานบทล่าสุด

จะเห็นได้ว่าโปรเจ็คต์ทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้น แม้จะมีวิธีเล่าวิธีเล่นแตกต่างกันออกไป แต่ยังคงใช้โลเคชั่นคล้าย ๆ เดิม คือเรื่องแบบฝรั่ง ๆ ยกเว้นเพียง SILENT HILL f ที่สดใหม่ แปลกหูแปลกตา ยกเครื่องใหม่หมด ด้วยเหตุการณ์ที่จะเริ่มในชนบทห่างไกลในยุคโชวะปี1960 ของญี่ปุ่น พัฒนาโดยสตูดิโอ NeoBards ที่เรียกได้ว่าเป็นดรีมทีมอย่างแท้ทรู เพราะจะกำกับโดย อ้ายหยาง นักพัฒนาเกมชาวไต้หวัน ที่เคยมีผลงานร่วมกำกับในเกม Resident Evil: Resistance (2020) และเคยโปรดิวซ์ Shards of War (2014) โดยเรื่องจะถูกประพันธ์โดยนักเขียนในนามแฝงว่า Ryukishi07 เจ้าของแฟรนไชส์โดจินอันลือลั่น When They Cry (ยามเมื่อเหล่าจักจั่นกรีดร้อง หรือ แว่วเสียงเรไร) ตามด้วยผู้ออกแบบตัวละครสุดสะพรึง “kera” (ที่เดี๋ยวเราจะเขียนถึงเธอต่อไปด้านล่าง ๆ) และโปรดิวเซอร์ โมโตอิ โอกาโมโตะ ที่เคยมีผลงานเด่นอย่าง เกม New Super Mario Bros. (2006), Super Mario 64 DS (2004) ส่วนคนทำวิช่วลเอ็ฟเฟ็คต์และควบคุมอาร์ตไดฯทั้งหมดคือ โยชิฮิโระ โคโมริ เคยกำกับแอนิเมะ Air Bound (2015), เคยทำCGI ให้เกม Resident Evil Zero (2002), Clock Tower 3 (2002) และ Mario & Sonic at the Olympic Games: Tokyo (2019)

(จากซ้าย) เฉพาะฉบับไลฟ์แอ็คชั่น คือ หนัง When They Cry (2008), Shrill Cries: Reshuffle (2009)และซีรีส์ When They Cry (2016 มี 2 ซีซั่นฉายต่อกัน ซีซั่นแรก 6 ตอนจบ ซีซั่นหลัง 4 ตอนจบ)

FYI: When They Cry แว่วเสียงเรไร

ผลงานแฟรนไชส์วิช่วลโนเวลซีรีส์สุดลือลั่น(และรุนแรง)ของผู้เขียนชาวญี่ปุ่นนามปากการิวคิชิ07 หนึ่งในทีมขี้แพ้ไม่แพ้เด็กหลังห้องอย่างทีมไซเลนท์เลย เพราะตั้งแต่แรกริวคิชิก็ตกรอบในการส่งประกวดนิยายเรื่องแรก Hinamizawa Bus Stop (2002) พอหวังจะไปสมัครเป็นผู้เขียนบทสำหรับเกม ก็ถูกตะเพิดใส่ สุดท้ายลงเอยเป็นพนักงานขายเสื้อผ้าผู้ชายในร้านต๊อกต๋อย ก่อนที่น้องชายเขาจะแนะนำให้ลองปรับนิยายประกวดเรื่องแรกนั่นมาเป็นนิยายเสียง ริวคิชิ เอามาปรับโฉมใหม่กลายเป็น ซีรีส์นิยายเกมประกอบภาพตอน Higurashi When They Cry (2004) ก่อนจะมีภาคต่อ ๆ มาคือ Umineko When They Cry (2007) และ Ciconia When They Cry (2019) ที่แตกหน่อกลายเป็นฉบับเกม ฉบับนิยายภาพ ซีรีส์แอนิเมะทางทีวี มังงะ หนังฉบับคนแสดง เป็นซีรีส์ฉบับคนแสดง รวม ๆ แล้วเท่าที่นับได้ตอนนี้คือ ฉบับซีรีส์ทีวีคนแสดงมี 2 ซีซั่น, ฉบับหนังใหญ่คนแสดงมี 2 เรื่อง และฉบับอื่น ๆ ที่ทั้งมีแปลเป็นภาษาอื่นและมีเฉพาะในภาษาญี่ปุ่นรวมแล้วอีก 27 เวอร์ชั่น!!

ริวคิชิเคยให้สัมภาษณ์ว่า “เริ่มแรก ผู้ชมของฉันคือโอตาคุที่เข้าร่วมงานคอมิคส์เล็ก ๆ คนอ่านของฉันคือกลุ่มโอตาคุชายขอบของกลุ่มโอตาคุอีกทีหนึ่ง คือน้อยมาก ฉันไม่เคยคิดเลยแม้แต่วินาทีเดียวว่าผลงานของฉันจะได้รับการอ่าน เผยแพร่ ตัดต่อ ดัดแปลงไปสู่อีกฟากหนึ่งของโลกเช่นในฝรั่งเศส… ไม่เคยนึกเลยสักครั้งว่าจะมีคนอ่านนอกญี่ปุ่นสนใจผลงานแบบนี้ด้วย โดยเฉพาะภาค Umineko ที่ใช้ภาษาในการเขียนในแบบที่แม้แต่คนญี่ปุ่นอ่านก็ยังยากจะเข้าใจ ดังนั้นการจินตนาการว่าชาวต่างชาติพยายามอ่าน ทำความเข้าใจ และแปลมันออกมาให้คนอื่นอ่านต่อ ๆ ไป นับเป็นความสุขที่อธิบายไม่ได้สำหรับฉันจริง ๆ”

ภาพรวมของ When They Cry ทุกเวอร์ชั่น มีฉากหลังเป็นชนบทย้อนไปยุคโชวะ สมัยตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ไปจนถึงช่วงต้นยุค60s มักเป็นช่วงฤดูร้อน อากาศอุ่น สดใส ผู้คนอยู่กันอย่างสุขสงบ แต่เรื่องก็จะค่อย ๆ หม่นมืดลง ธีมหลักเป็นเหตุฆาตกรรมปริศนาที่มีลักษณะรุนแรง คำสาปโบราณ เรื่องเหนือธรรมชาติ ไปจนถึงการวนลูปเวลา การเกิดใหม่ซ้ำซาก กับจุดหักมุมที่คาดไม่ถึง และด้วยความที่มีฉากรุนแรงอย่างหนักทำให้ไม่สามารถเผยแพร่ได้ในบางประเทศ

ภาพจาก SILENT HILL f โดย KERA

แกะรอยเรื่องราวจากทีเซอร์แรก

เท่าที่เผยแพร่ข้อมูลของ SHf มีกล่าวถึงน้อยมาก คือเรื่องเกิดขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี 1960 ต่อไปนี้คือการรวบรวมข้อมูลจากเหล่านักสืบหลายแหล่งบนโลกออนไลน์ รวมถึงการตีความจากตัวผู้เขียนเองที่ต้องย้ำก่อนว่า อาจไม่ตรงกับความเป็นจริง เพราะยังเป็นเพียงความคาดเดาล้วน ๆ

ฮิโรยูกิ โอวะคุ ผู้มีส่วนร่วมกับ SH ดั้งเดิมใน 3 ภาคแรกเคยกล่าวไว้ว่า “SILENT HILL ไม่ใช่สถานที่ แต่เป็นคำอุปมา” แดเนียล เรนเดีย หนึ่งใน 3 นักรีวิวเกมประจำเว็บ Polygon เคยให้ความเห็นว่า “สองธีมหลักจากของแฟรนไชส์ SILENT HILL คือความรู้สึกของคนในครอบครัวที่ได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างรุนแรง และความเป็นคู่ขนานของ ‘โลกแห่งความจริง’ กับโลกแห่งความฝันร้าย”

ดังนั้นเราสามารถตีความได้ว่า จริง ๆ แล้ว SILENT HILL ไม่ได้ถูกตั้งอยู่อย่างเจาะจงในโลกตะวันตก แต่มันคือคำอุปมาถึงเมืองที่เกิดโศกนาฎกรรมใหญ่หลวงขึ้น และความหลอกหลอนที่กลายสภาพของผู้คนในเมืองกลายเป็นผีห่าต่าง ๆ นั้น เกิดจากผลกระทบกระเทือนทางจิตอย่างรุนแรง เช่นถูกทำร้ายอย่างหนัก

ภาพชุมนุมประท้วงอันโป

การระบุปีโชวะ ที่ค.ศ.1960 เท่าที่ค้นมาพบว่าเป็นปีที่มีการต่อสู้ทางการเมืองหนักมาก เนื่องจากตั้งแต่หลังสงครามโลกที่ญี่ปุ่นโดนนิวเคลียร์ถล่ม สหรัฐก็เข้าควบคุมบงการญี่ปุ่นให้เสียเปรียบอยู่เสมอ โดยเฉพาะปี1960 เป็นปีที่ชาวนา ชาวเหมือง นักศึกษา นักเคลื่อนไหวฝ่ายซ้ายออกมาประท้วงรัฐบาลครั้งใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อกรณีที่เรียกว่าการประท้วงอันโปที่เกิดขึ้นในปี 1959-1960 และอีกครั้งในปี 1970 เพื่อต่อต้านสนธิสัญญาความมั่นคงสหรัฐ-ญี่ปุ่นซึ่งเป็น สนธิสัญญาที่อนุญาตให้สหรัฐอเมริกาคงฐานทัพบนแผ่นดินญี่ปุ่น

อย่างไรก็ตามจริง ๆ แล้วในช่วงทศวรรษที่60 ญี่ปุ่นมีความเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ด้วยการชักจูงของสหรัฐในการพยายามเปลี่ยนประเทศเกษตรกรรมของญี่ปุ่นให้ไปทำอุตสาหกรรมหนักแทน ตั้งแต่เหมืองถ่านหิน ไปจนถึงบริษัทประกอบรถยนต์ และพัฒนาความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี อันเป็นส่วนที่อเมริกาเองก็หวังจะตักตวงผลประโยชน์ในภายหลัง การปรับสภาพสิ่งนี้ทำให้สังคมชนบทกลายเป็นเมืองร้าง เพราะคนหนุ่มสาวต้องเข้าเมืองหลวงไปทำงาน เหลือไว้แต่เด็กและคนแก่ ไปจนถึงโครงการอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่ผลักดันคนบ้านนอกออกห่างไกลไปอีก ไปจนถึงภัยพิบัติต่าง ๆ ที่ญี่ปุ่นได้รับเป็นประจำไม่ว่าแผ่นดินไหว น้ำท่วม ไปจนถึงพายุถล่ม ซึ่งตอนนี้ก็ยังคาดเดาไม่ได้ว่า SHf จะหยิบเหตุการณ์ใดมาดำเนินเรื่อง

หุ่นไล่กาในชุดนักเรียน

ในเกม SHf เราจะสังเกตุเห็นนาข้าวที่มีหุ่นไล่กาใส่ชุดนักเรียน ก็ไม่รู้ว่าที่เห็นไกล ๆ นั่นจะเป็นแค่หุ่น หรือเป็นร่างมนุษย์จริง ๆ อย่างไรก็ตามในความเชื่อแบบชินโต หุ่นไล่กาเป็นคามิ (เทพแห่งภูมิปัญญาชาวบ้าน) ในฐานะที่มันเดินไม่ได้ อยู่ตรงนั้นตลอดเวลา มันจึงเป็นตัวแทนความหยั่งรู้ มันถูกเรียกว่า คูบิโกะ หรือ คุเอบิโกะ หรือ คาคาชิ อันมีความหมายถึงผู้เฒ่าคามิ อย่างไรก็ตามในยุคสองพันมีตำนานเมืองที่เรียกว่า คุเนะคุเนะ อันแปลว่าร่างกายบิดเบี้ยว ปรากฎบนเว็บไซต์ในปี2001 เล่าถึงร่างกลางทุ่งที่มองเหมือนจะเป็นหุ่นไล่กา แต่ปรากฎว่าแขนขาของพวกมันกระดิกได้ ต่อมากลายเป็นไวรัลที่คนบิดเบือนเรื่องราวไปต่าง ๆ นานา รวมถึงกรณีหมู่บ้านนากาโระ บนเกาะชิโกกุ ชาวบ้านย้ายไปเมืองใหญ่เกือบยกหมู่บ้าน กระทั่งวันหนึ่งเมื่อสึคินิ อายาโนะ ผู้เคยอาศัยอยู่ที่นี่แต่ย้ายไปโอซาก้า ในช่วงบั้นปลายชีวิตเธอย้ายกลับมาอยู่นากาโระ ที่ทุกวันนี้กิจวัตรของเธอคือการทำตุ๊กตาหุ่นไล่กา แทนชาวเมืองที่เธอเคยจำได้ เอาไปตั้งตามถนนหนทางต่าง ๆ เพื่อแทนความอ้างว้างร้างไร้ผู้คน

สองภาพแรกจาก SILENT HILL f ภาพที่สามคือ โอคิคุตัวจริง

ตุ๊กตาโอคิคุ

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงปี1918 หรืออาจจะ1919 พี่ชายอายุ 17 นามว่าอิชิกิ ซูซุกิ แวะซื้อตุ๊กตานิงเงียว (ส่วนหัวเป็นกระเบื้องเคลือบ) ตัวหนึ่งจากซัปโปโรไปฝากคิคุโกะ น้องสาวอายุ 3 ขวบของเขา เด็กน้อยชอบตุ๊กตาตัวนั้นมาก แต่ในช่วงปีนั้นเกิดไข้หวัดสเปนระบาดหนักไปทั่วโลกนานกว่าหนึ่งปีแล้ว ฤดูหนาวปีนั้นคิคุโกะคือหนึ่งในผู้เสียชีวิตจากการระบาดนี้ที่คร่าชีวิตชาวญี่ปุ่นไปกว่าสี่ล้านคน ในวันที่ 24 มกราคม 1920 หลังพิธีศพของคิคุโกะ อิชิกิพบว่าตุ๊กตาตัวนั้นผมยาวขึ้น คนในบ้านก็เชื่อว่ามีวิญญาณของคิคุโกะสิงอยู่ จึงตั้งชื่อมันว่า โอคิคุ (คิคุแปลว่าดอกเบญจมาส) กระทั่งในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ในปี1938 ครอบครัวของเขาก็ฝากเถ้ากระดูกและตุ๊กตาตัวนี้ไว้กับวัดมันเนนจิ ที่ฮอกไกโด ซึ่งปัจจุบันตุ๊กตาตัวนี้ก็ยังคงอยู่ ในเกม SHf เราจะเห็นตุ๊กตาตัวนี้ในแบบผมสั้น ที่ตัดมาอีกทีดูเหมือนว่าผมของมันจะยาวขึ้นได้เอง

ภาพจาก SILENT HILL f โดย KERA

รูปสลักพระจิโซ

ในตัวอย่างจะเห็นตุ๊กตาหักอยู่ริมทาง ตุ๊กตานี้เรียกว่าจิโซ่ หรือ โอจิโซซามะ (คนไทยเรียกพระมาลัย) เป็นหนึ่งในเทพเจ้าอันเป็นที่รักมากที่สุดในบรรดาเทพญี่ปุ่น พบเห็นได้ทั่วไปตามข้างถนนและในสุสาน มันคือตุ๊กตาตามตำนานปรภพของเด็ก ๆ ในประเพณีทั่วไปที่เกี่ยวข้องกับ ไซโนะ คาวาระ หรือริมฝั่งแม่น้ำซันซุ (แม่น้ำสมมติในแดนคนตาย เหมือนตำนานแม่น้ำสแต็กซ์ของกรีก ที่เป็นทางผ่านไปยังสัมปรายภพ) จิโซ่ ได้รับการอธิบายว่าเป็นผู้พิทักษ์วิญญาณเด็ก ๆ

ภาพจาก SILENT HILL f โดย KERA

ซุ้มประตูโทริอิ

หลายคนน่าจะเคยเห็นซุ้มประตูใหญ่ ๆ สีแดง ๆ ในญี่ปุ่น มันคือหมุดระบุเขตทางเข้าศาลเจ้าชินโต อันเป็นสัญลักษณ์ถึงการเปลี่ยนผ่านจากโลกมนุษย์ หรือโลกียะวิสัยไปสู่ดินแดนแห่งความศักดิ์สิทธิ์ คำว่าโทริอิ มีความเป็นไปได้ว่ามาจาก Torana อันหมายถึงซุ้มประตูของชาวอินเดีย

ผลงานของ KERA

ใครคือ KERA?

ทันทีที่ทีเซอร์ของ SHf ปรากฏขึ้น ที่จบลงด้วยชื่อผู้วาดผลงานทั้งหมด สิ่งที่หลายคนต่างแห่กันเสิร์ชหาคือ ใครคือ KERA ผู้เทคเครดิตวิช่วลทั้งหมดในเกมนี้ ซึ่งต้องยอมรับว่าคนญี่ปุ่นนั้นรักษาความเป็นส่วนตัวอย่างมาก อย่างกรณีผู้เขียนบท ริวคิชิ07 ที่ใช้นามปากกาเช่นกัน อย่างน้อยเราก็ยังได้รู้ตัวตนของเขา เพราะเขาเคยถูกสัมภาษณ์มาก่อน แต่สำหรับกรณี KERA เราไม่รู้เลยว่าเขา(หรือเธอ)คือใครกันแน่ เป็นชายหรือหญิงก็ยังไม่รู้ แต่หลายฝ่ายคาดเดาว่าเธอน่าจะเป็นผู้หญิง ถึงกระนั้นก็ต้องยอมรับด้วยว่า เป็นความใจเด็ดของโคนามิโดยแท้ ที่คว้านักออกแบบชื่อไม่ดัง แต่เลือกที่ตัวผลงานอย่างแท้จริง

ผลงานของ KERA

ผลงานที่ผ่านมาของเธอ คือเคยทำวิช่วลให้กับ Legend of Monsters, Celestial Crystalia, Romancing SaGa, Spirit Hunter: NG (ทุกเวอร์ชั่น), Servant of Thrones, Black Rose Suspects, Lord of Vermillion, Last Chronicle, Great War Sangokushi Battle, Stranger of Sword Town, Guardian Cruz, Soul Reverse, Age of Discovery, ​​Duel Masters Place, ​​Black Horizon ภาพประกอบ VALISAnimation, Kafu Incomprehensible 2 Q2LIVE, ​World emotional video ภาพประกอบการ์ดเกม Magic the Gathering ปกซีดีเพลง EVE อัลบัม Smile ฯลฯ

ภาพจาก SILENT HILL f โดย KERA

ร่างรูพรุน-เมื่อความสยองกลายเป็นความงาม

นักจิตวิทยายุคหนึ่งเคยบรรจุอาการกลัวรูพรุน ๆ ว่าเป็นโฟเบีย หรือหวาดระแวงทางประสาทชนิดหนึ่ง แล้วเรียกมันว่า Trypophobia บรรจุมันเอาไว้กับกลุ่มที่เรียกว่า Specific Phobia ความหวาดกลัวเฉพาะกลุ่ม หมายความว่า ไม่ใช่ทุกคนที่จะกลัวรูพรุนเล็ก ๆ พวกนี้ มีเฉพาะคนบางจำพวกที่กลัวมัน มันก็เหมือนกับพวกที่มีอาการ กลัวแมงมุม (arachnophobia) ​​แมลง (entomophobia) ​​สุนัข (cynophobia) ​​งู (ophidiophobia) รวมถึงโรคกลัวน้ำ (aquaphobia) ความสูง (acrophobia) ฝนฟ้าคะนอง (astraphobia) หรือความชรา (gerascophobia) กลัวพื้นที่แคบ ๆ (claustrophobia) ความมืด (nyctophobia) กลัวการฉีดยา (trypanophobia) ​​กลัวเลือด (hemophobia) ​​และกลัวการบาดเจ็บ (traumatophobia) แต่ปัจจุบันได้มีการพิสูจน์แล้วว่า มันไม่จริง

เอาล่ะ ทีนี้มาดูกันใหม่ รูปที่แปะให้ดูนี้ คุณรู้สึกอย่างไร? ขยะแขยง อี๋ ขนลุกซู่ น่ากลัวฉิบ! ถูกไหม? แปลว่าอาการนี้คืออาการของคนส่วนใหญ่ และน่าจะมีแค่ส่วนน้อยเท่านั้นที่ไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับมันเลย ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้วหากเพ่งสามรูปนี้ดีดี บางรูปเป็นแค่การหยดบางอย่างเป็นจุด ๆ ไปไว้บนมือ แค่นั้นด้วยซ้ำ อีกรูปคือการเอาเพรียงไปแปะไว้บนส้นเท้า และอีกรูปก็ชัดเจนว่าเป็นภาพตัดต่อ แต่ทำไมเราถึงกลัว
ที่เราพยายามจะบอกคือ สิ่งนี้ปัจจุบันไม่ได้บรรจุอยู่ในอาการโฟเบียอีกต่อไปแล้ว กล่าวคือ มันไม่ใช่อาการทางประสาท วิตกจริต หวาดกลัว ทำให้คุณจิตตกไม่เป็นอันทำอะไร ไม่ใช่เลย แต่มันเป็นสัญชาติญาณจ้า เป็นสิ่งที่ทุกคนพึงจะรู้สึกขนลุกต่อสิ่งเหล่านี้ เป็นปกติ เป็นธรรมชาติ ถูกต้องแล้ว เพราะมันดูผิดปกติ เราถึงขนลุกใส่มันไง ไม่เหมือนอาการโฟเบียอื่น ๆ ที่ล้วนเป็นเรื่องปกติ เช่น ปกติคนเราไม่ได้กลัวน้ำ ไม่ได้กลัวหมา ไม่ได้เกิดความกังวลหรือหวาดวิตกแต่อย่างใด เรื่องนี้เพิ่งถูกเปิดเผยเมื่อปี 2017 นี้เอง ในนิตยสารดิสเคิฟเวอร์รี่

ผลงานของ โคลิน คริสเตียน

ในSHf มีบางฉากเล่นกับความหวาดกลัวร่างรูพรุนนี้ด้วย เมื่อมีดอกไม้งอกออกมาจากรูพรุนเหล่านี้ ทำให้เราพบว่าจริง ๆ แล้วมีศิลปินบางคนเคยใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้มาแล้ว อาทิ (ภาพบน) โคลิน คริสเตียน ผลงานในปี 2015 ชุด Trypophobia ค่อนข้างจะแตกต่างจากงานก่อน ๆ ของเขาที่ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงเซ็กซี่ ดูล้ำยุค ไซ-ไฟ แต่คราวนี้เป็นผลงานที่ดูเหมือนอาการติดเชื้อ เนื้อเน่า หนอนไช แล้วไม่น่าเชื่อว่าผลงานคราวนี้ของเขา ขายเกลี้ยงแผงหมดอย่างรวดเร็ว โคลินอธิบายว่า “อาการกลัวรูพรุน เป็นความรู้สึกล้วน ๆ ขับเคลื่อนด้วยความตื่นตระหนก ขณะเดียวกันมันก็มีรูปลักษณ์ที่ท้าทายสายตาผู้ชมด้วย ในแง่การรับรู้ด้านความงาม และความหวาดกลัวก็เป็นความงามในอีกแง่หนึ่ง ที่ไม่ใช่ทุกคนที่จะยอมรับมันได้”

ผลงานของ อดัม เพรียสเตอร์

อดัม เพรียสเตอร์ ศิลปินดิจิตอลอาร์ตชาวเบอร์ลินเนอร์ (ภาพบน) กับผลงานชื่อ Thoughts (2020) เขานำความหวาดกลัวนี้มารวมเข้ากับอาการเฟติช คือการหลงใหลมีอารมณ์ใคร่เพศกับบางส่วนของมนุษย์ เช่น ช่วงคอ เรียวขา เนินอก รูสะดือ ช่องปาก ฟันเรียงขาว หรือบ้างก็มีกับสิ่งของ เช่น รองเท้าส้นสูง ถุงน่อง ชุดคอร์เส็ตรัดช่วงเอว เครื่องหนัง โลหะสีเงิน ชุดยางอิลลาสติก แปลง่าย ๆ ว่าเติมสัญชาติญาณความน่าขนลุก ลงไปในสัญชาติญาณทางกามารมณ์ ที่เขาอธิบายว่า “งานส่วนใหญ่ของผม เกี่ยวข้องกับความเย้ายวนใจของส่วนต่าง ๆ ในร่างมนุษย์ ศิลปะดิจิทัลชุดนี้ผมทำมันเพื่อแสดงขนและตุ่ม ภาพเหล่านี้เต็มไปด้วยสีสันและเกือบจะเป็นการนำเสนอวิธีการมองร่างกายมนุษย์ในแบบนอกรีต”

ภาพจาก SILENT HILL f โดย KERA

สาวดวงดอกไม้-เมื่อความงามกลายเป็นสยองขวัญ

กรณีที่ว่าทำไมภาคนี้จึงชื่อภาค f ก็เพราะมันเป็นโปรเจ็คต์ที่ 5 (Fifth) ที่ประกาศออกมาในคราวนี้ และจุดเด่นที่สุดในภาคนี้คือ ดอกไม้ (Flower) อันเป็นไอเดียที่น่าสนใจมากในการหยิบเอาของสวย ๆ งาม ๆ มากลายเป็นของชวนขนหัวลุก เมื่อรากไม้ของดอกไม้เหล่านี้เลื้อยพันไปตามร่างกาย

ดอกพลับพลึงแดง

FYI: ดอกไม้แดงสุดสยองที่ปรากฏในทีเซอร์ มันมีชื่อว่า ดอกฮิกันบานะ (Red Spider Lily) คนไทยเราเรียก พลับพลึงแดง หรือพลับพลึงแมงมุม คนญี่ปุ่นเชื่อกันว่าดอกไม้นี้มีความหมายถึงความตาย หรือแดนคนตาย เพราะดอกไม้นี้จะเบ่งบานเต็มที่ในช่วงวันวสันตวิษุวัต (วันที่กลางวันเท่ากับกลางคือ อยู่ในช่วงระหว่างวันที่ 20-23 ของเดือนมีนาคม) และวันศารทวิษุวัตของฤดูใบไม้ร่วง (วันที่ 22 หรือ 23 ในเดือนกันยายน) ที่มีการเฉลิมฉลองวันหยุดทางศาสนาพุทธของชาวญี่ปุ่นเป็นเวลา 7 วันหรือที่เรียกกันว่า ฮิกัน (Equinox)
นอกจากนี้มันยังมีชื่อเรียกอื่นอีกเช่น “มันจูชาเงะ” ในพุทธถือว่าเป็นดอกไม้สวรรค์ เพราะเชื่อว่าหากมีเรื่องมงคลเกิดขึ้น ดอกไม้สีแดงนี้จะโปรยปรายลงมาจากฟากฟ้า แต่มันยังมีชื่อน่ากลัว ๆ อื่นด้วย เช่น ชิบิโตะบานะ (ดอกไม้คนตาย), จิโกคุบานะ (ดอกไม้นรก), ยูเรบานะ (ดอกไม้วิญญาณ), คิทสึเนะบานะ (ดอกไม้จิ้งจอก), สุเตโกะบานะ (ดอกไม้เด็กกำพร้า), คามิโซริบานะ (ดอกใบมีดโกน)
เหตุที่ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่ามันเป็นดอกไม้ความตายเพราะ

    1. เป็นดอกไม้มีพิษ ส่วนหัวใต้ดินและกระเปาะดอกจะมีสารพิษที่เรียกว่า แอลคาลอยด์ สมัยก่อนคนนิยมจะนำไปทำอาหารในช่วงสงคราม แต่ต้องล้างพิษนี้ออกเสียก่อน ซึ่งพิษนั้นทำให้ปวดท้อง อาเจียน ท้องร่วง ตัวสั่น หรือในรายที่แพ้มาก ๆ อาจถึงขั้นอัมพาตเสียชีวิตก็มี

    2.เป็นดอกไม้ที่คนนิยมปลูกรอบ ๆ หลุมฝังศพ เพื่อป้องกันสัตว์อื่นเข้ามาทำลายหลุมศพด้วย

    3.บางคนเชื่อว่าที่มันสีแดงเพราะดูดเลือดขึ้นมาจากศพ

    4.ดอกฮิกันบานะ เป็นสัญญะที่สื่อความหมายว่า จะไม่มีวันได้พบเจอกันอีก เพราะใบของมันจะงอกออกมาให้เห็นก็ต่อเมื่อดอกของมันเหี่ยวร่วงไปหมดแล้ว นอกจากจะหมายถึงการจากลาแล้ว ชาวพุทธโบราณยังเชื่อด้วยว่ามันจะนำทางวิญญาณผู้ล่วงลับไปสู่วัฏจักรแห่งการเวียนว่ายตายเกิด

ผลงานของ Ai Shinohara

ไอ ชิโนะฮาระ เธอเกิดในเมืองคาโกชิมะ ผลิตผลงานมาตั้งแต่ปี 2007 ซึ่งใช้หญิงสาวประกอบกับพืชพรรณ ดอกไม้ สัตว์ต่าง ๆ นก ปลา กระต่าย หรือแม้แต่ซากต่าง ๆ เช่น ก้างปลา เนื้อเน่ากลายเป็นภาพเซอร์เรียลของหญิงสาวสุดสะพรึง ผลงานของเธอเคยแสดงเดี่ยวมาแล้วทั้งในโตเกียว และนิวยอร์ก

งานศิลปะที่ละเอียดอ่อนของเธอส่วนใหญ่เป็นหญิงสาวที่มีดอกไม้และปลาทอง แต่ก็มีแก่นแท้ของความมืดด้วยเช่นกัน เธอผสมผสานความงามตามธรรมชาติเข้ากับบรรยากาศที่ซับซ้อนมากขึ้น เธอนำโลกที่เหนือจริง ชวนฝัน และน่าพิศวงมาให้เรา ภาพวาดของเธอสวยงามและอ่อนช้อย และแสดงถึงความสัมพันธ์ที่ดำมืดระหว่างคนกับธรรมชาติ

เธอเล่าว่า “ตอน 2-7 ขวบ ฉันเคยอยู่ที่อะมามิโอชิมะ เพราะพ่อกับแม่ย้ายที่ทำงาน ความทรงจำช่วงนั้นเลือนรางมาก สิ่งที่นึกออกได้ทันทีคือสีฟ้าของน้ำทะเลที่มองเห็นได้จากทุกที่บนเกาะ เป็นความรู้สึกหวาดกลัวของการถูกโอบกอดอย่างอ่อนโยน เมื่อสัมผัสกับต้นกาจูมารุ และต้นเดอิโกะ กลิ่นของดิน หญ้า และฝน ฉันคุ้นเคยกับพวกมันอย่างรวดเร็ว และรสชาติของดินแดนแห่งนั้นก็ฝังแน่นอยู่ในสายเลือดของฉัน” นี่คือส่วนหนึ่งที่เธอนำมาใช้ในการสร้างผลงาน

ผลงานของ Fuco Ueda

ฟุโกะ อุเอดะ ศิลปินอีกรายที่ใช้ดอกไม้สีสดใส แต่แฝงความสะพรึงกลัว ความกังวลใจบางอย่างเอาไว้ด้วย เธอเกิดที่จังหวัดโตจิงิ เคยแสดงงานมาแล้วในโตเกียว นิวยอร์ก และโรม ผลงานของอุเอดะ เป็นเหมือนภาพฝันกลางวันของหญิงสาวที่สร้างจินตนาการขึ้นมาจากการผสานความเป็นจริง ประวัติศาสตร์ การประชดประชัด และการวิพากษ์วิจารณ์ โดยใช้พาเลทต์สีที่เป็นเอกลักษณ์

อุเอดะเล่าว่า “เพราะสามารถเห็นความปรารถนาพื้นฐานของมนุษย์ซึ่งคล้ายกับภาพลักษณ์ของผู้หญิงที่ถูกซ้อนทับด้วย ‘ความงาม’ ในอุดมคติในการแสดงออกทางศิลปะมาแต่โบราณ ดอกไม้อยู่ในฐานะสิ่งมีชีวิตที่ไม่สามารถอยู่ได้โดยอิสระหากปราศจากน้ำมือของมนุษย์ ก็ซ้อนทับกับความเป็นหญิง และตั้งคำถามถึงความงามด้วยเช่นกัน”

ผลงานของ KERA

วกกลับมาที่ Kera ผู้ออกแบบ SILENT HILL f ล่าสุด (ภาพซ้ายสุดแถวบนสุด) เธอโพสต์ภาพคาแร็คเตอร์หนึ่งที่จะปรากฎในภาค f นี้อย่างแน่นอน เป็นภาพปีศาจคุณยายแก่ ๆ อย่างที่รู้กันสำหรับแฟนแฟรนไชส์เกมนี้ ย่อมรู้ว่าปีศาจหลาย ๆ ตัวในเกม เกิดจากจินตนาการในโลกแห่งความเป็นจริงอันทนทุกข์ทรมาน กลายร่างออกมาเป็นปีศาจในฝันร้าย เช่น อย่างตัวที่ดัง ๆ ก็นางพยาบาลในชุดรัดรูปสุดเซ็กซี่ ในต้นฉบับภาคแรก ๆ (ที่ปรากฏในฉบับหนังด้วย) คือจินตนาการฝันร้ายของผู้ป่วยติดเตียงที่วัน ๆ ได้แต่รอพยาบาลมากรอกยา แต่การที่ภาค f นี้เป็นคุณยายแก่ ๆ เป็นไปได้ไหมว่ามันคือภาพฝันร้ายของเมืองที่ถูกทิ้งร้าง เพราะคนหนุ่มสาวไปใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ เหลือแต่ผู้เฒ่าผู้แก่ (และอาจจะมีเด็ก ๆ)

อย่างไรก็ตามก็ต้องขอย้ำว่าทั้งหมดทั้งมวลเกิดจากการรวบรวมข้อมูลจากหลายแหล่ง และตีความจากภาพเท่าที่เห็นในทีเซอร์ตอนนี้ ที่ตัวทีเซอร์เองก็ระบุไว้ด้วยว่า ตัวเกมจริง ๆ อาจมีภาพที่เหมือนหรือต่างออกไป เนื่องจากเกมนี้ยังอยู่ในขั้นตอนพัฒนา และยังไม่มีกำหนดว่าจะออกมาวางแผงเมื่อไร ส่วนภาพบน ๆ ที่เหลือ คือบรรดาสัตว์ประหลาดทั้งหลายที่ Kera เคยออกแบบเอาไว้ในเกม Spirit Hunter: NG และ Legend of Monsters อันเป็นตัวที่ทำให้โคนามิตัดสินใจเลือกให้ Kera เข้าร่วมโปรเจ็คต์อย่างไม่มีข้อกังขาต่อฝีมือนักออกแบบหน้าใหม่ไฟแรงผู้ลึกลับคนนี้