บอร์ดสลากฯเคาะ “หวย 3 ตัว” เตรียมชงคลังเสนอ ครม.อนุมัติ-เดินหน้าเพิ่มปริมาณสลากดิจิทัลใบละ 80 บาท งวดหน้า 13.9 ล้านใบ เริ่มขาย 2 ต.ค.นี้ พร้อมปรับระบบจัดสรรสลากซื้อ-จองล่วงหน้าใหม่ แก้ปัญหาแยกซื้อสลากที่หน้าตู้ ATM – เร่งพัฒนาระบบโอนเงินรางวัลสลากดิจิทัลเข้า G-Wallet เริ่มต้นปี’66
เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2565 เวลา 15.00 น. ที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล นายลวรณ แสงสนิท ประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล พร้อมด้วย นายธนวรรธน์ พลวิชัย กรรมการและโฆษกคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล และพันโท หนุน ศันสนาคม ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ร่วมกันแถลงข่าวเกี่ยวกับการดำเนินงานของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลในห้วงที่ผ่านมา
นายลวรณ แสงสนิท ประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวว่า จากการที่สำนักงานสลากฯ ดำเนินการจำหน่ายสลากดิจิทัล ตั้งแต่งวดวันที่ 16 มิถุนายน 2565 จนถึงขณะนี้รวมทั้งหมด 7 งวด ได้รับการตอบรับจากผู้ซื้อเป็นอย่างดี โดยผู้สามารถซื้อสลากหมายเลขที่ต้องการได้และขึ้นเงินรางวัลสะดวก ง่ายไม่ยุ่งยาก ทั้งนี้ การจำหน่ายสลากงวด 1 ตุลาคมที่ผ่านมา ใช้เวลาในการขายประมาณ 10 วัน ถือว่าการจำหน่ายสลากดิจิทัลเริ่มเข้าใกล้จุดสมดุล โดยให้ผู้ซื้อมีระยะเวลาในการซื้อสลากดิจิทัลเพิ่มขึ้นจนถึงใกล้วันออกรางวัล ดังนั้น ในงวดวันที่ 16 ตุลาคม 2565 สำนักงานสลากฯยังคงเดินหน้าเพิ่มปริมาณสลากเป็น 13,964,500 ใบ โดยขายผ่านตัวแทนจำหน่ายทั้งหมด 27,929 ราย ซึ่งจะเริ่มจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 2 ตุลาคม 2565 เวลา 06.00 – 23.00 น. เป็นต้นไปจนกว่าสลากจะขายหมด และเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับ ผู้ที่ถูกรางวัล ทีมงานกำลังพัฒนาระบบการโอนเงินรางวัลผ่าน G-Wallet ในแอป ฯ เป๋าตัง ซึ่งผู้ถูกรางวัลสามารถโอนต่อไปยังบัญชีของธนาคารอะไรก็ได้ และโอนเงินให้ผู้ถูกรางวัลได้ภายใน 2 ชั่วโมง ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ คาดว่าจะเริ่มใช้ได้ในเดือนมกราคม 2566
“สำหรับในปีนี้สำนักงานสลากฯ ยังคงตั้งเป้าหมายในการจำหน่ายสลากราคา 80 บาท ประมาณ 20 ล้านใบ ทั้งในระบบดิจิทัล และจุดจำหน่ายสลาก 80 ซึ่งขณะนี้มีอยู่ 1,047 จุดทั่วประเทศ ซึ่งคนขายจะค่อย ๆ ปรับตัวและเรียนรู้ ขณะที่ ประชาชนมีทางเลือกในการเข้าถึงสลากราคา 80 บาทมากขึ้น และการอำนวยความสะดวกในการรับเงินรางวัลผ่าน G-Wallet ที่สะดวก ง่าย ไม่ยุ่งยาก ซึ่งสลากดิจิทัลจะเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่จะช่วยทำให้ราคาสลากในตลาดมีราคาถูกลง” นายลวรณ กล่าว
ส่วนการแก้ไขปัญหาการซื้อ-จองสลากล่วงหน้าที่มีปริมาณจำกัดนั้น โดยเฉพาะกรณีที่ไปแย่งกันจองซื้อผ่านตู้ ATM ของธนาคารกรุงไทยตามที่ปรากฏเป็นข่าวนั้น พันโท หนุน ศันสนาคม ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวว่า วันนี้ที่ประชุมบอร์ดสลาก ฯ ได้เห็นชอบแนวทางการแก้ปัญหาดังกล่าวแล้ว โดยจะเปลี่ยนวิธีการทำรายการใหม่ จากเดิมตัวแทนจำหน่ายจะต้องทำรายการซื้อ-จองสลากฯด้วยตนเอง และไปแย่งกันเข้าคิวทำรายการทั้งที่หน้าตู้ ATM หรือ แย่งกันทำรายการผ่านเน็ตแบงก์ หรือ แอปฯเป๋าตัง เปลี่ยนเป็นสำนักงานสลากฯ จะใช้วิธีดำเนินการสุ่มคัดเลือก หรือ แรนดอมในการรับสิทธิ์ทำรายการให้แทน จากนั้นผู้ได้รับสิทธิซื้อ-จองมีหน้าที่จ่ายเงินชำระค่าสลาก
“ปัจจุบันตัวแทนจำหน่ายสลากระบบซื้อ-จองล่วงหน้ามีทั้งหมด 1.7 แสนราย แต่ละงวดจะมีตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับสิทธิขายสลากคนละ 5 เล่ม แค่ 1 แสนกว่ารายเท่านั้น ที่เหลืออีก 70,000 ราย ไม่ได้สลากไปขาย สำนักงานสลากฯก็จะจัดสรรสลากให้กับตัวแทนจำหน่ายกลุ่มนี้ทั้งหมด 70,000 ราย ในงวดถัดไปโดยอัตโนมัติ โดยไม่ต้องสุ่มคัดเลือก หรือ แรนดอม ส่วนที่เหลืออีก 30,000 ราย ใช้ก็ใช้วิธีสุ่มคัดเลือกตามปกติ สลับกันไปในทุกงวด วิธีนี้ถ้าโชคไม่ดี หรือเลวร้ายที่สุดก็จะได้สลากไปขายแบบงวดเว้นงวดเป็นอย่างน้อย วิธีนี้ สำนักงานสลากฯ การันตีได้ว่าจะไม่มีตัวแทนในระบบซื้อ-จองสลากล่วงหน้าไม่ได้รับสลากไปขายติดต่อกันเกิน 1 งวดแน่นอน” พันโท หนุน กล่าว
พันโท หนุน กล่าวต่อว่า สำหรับการดำเนินการกับตัวแทนจำหน่ายในระบบโควตา และระบบซื้อ-จองสลากล่วงหน้าฯ ที่ได้รับการจัดสรรสลากไปแล้ว ไม่ได้นำไปจำหน่ายด้วยตนเอง แต่กลับนำไปจำหน่ายต่อนั้น จากการตรวจสอบล่าสุด พบว่าเป็นสลากของตัวแทนจำหน่ายรายย่อย 166 ราย และเป็นสลากของสมาคม องค์กร มูลนิธิ 87 สมาคมฯ โดยสลากในส่วนของสมาคมฯ ที่ไม่ปฏิบัติตามสัญญา สำนักงานสลากฯ ได้ดำเนินการปรับลดจำนวนสลากรวม 1,086 เล่ม ตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ นอกจากนี้ยังได้ยกเลิกการลงทะเบียนของผู้ซื้อ-จองล่วงหน้าฯ ที่นำสลากไปขายต่อบนแพลตฟอร์มออนไลน์ของเอกชนอีก 7,349 ราย และสำนักงานสลาก ฯยังคงความต่อเนื่องในการตรวจสอบการปฏิบัติของตัวแทนจำหน่ายและผู้ซื้อ-จองล่วงหน้าฯ ให้เป็นไปตามสัญญาอย่างเคร่งครัด
นอกจากนี้ที่ประชุมคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล ยังมีมติรับทราบ สรุปผลการรับฟังความคิดเห็น และผลการศึกษาผลิตภัณฑ์สลากรูปแบบใหม่ ทั้งสลากกินแบ่งรัฐบาลเลข 6 หลัก “L6” และ สลากกินแบ่งรัฐบาลตัวเลข 3 หลัก หรือ “N 3”
นายธนวรรธน์ พลวิชัย กรรมการและโฆษกคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล ในฐานะประธานกรรมการศึกษาผลิตภัณฑ์และเกมสลากรูปแบบอื่น ๆ กล่าวว่า จากการรับฟังความคิดเห็นผู้มีส่วนส่วนเสีย และศึกษาผลกระทบทางสังคมเกี่ยวกับการออกสลากกินแบ่งรัฐบาล ทั้งแบบ L6 และ N 3 ขณะนี้ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้สรุปผลการรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และศึกษาผลกระทบทางสังคมเกี่ยวกับการกำหนดประเภทและรูปแบบสลากกินแบ่งรัฐบาลประจำปี 2565 เรียบร้อยแล้ว และสำนักงานฯ ได้ดำเนินการการเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ของสำนักงานเมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา สรุปได้ว่า “ผู้มีส่วนได้เสียส่วนใหญ่เห็นด้วยกับประเภทและรูปแบบของสลากกินแบ่งรัฐบาลทั้งสองรูปแบบ และเห็นว่าการออกสลากผลิตภัณฑ์ใหม่แบบดิจิทัล จะช่วยแก้ปัญหาการจำหน่ายสลากเกินราคาได้ ในขณะเดียวกัน ยังคงมีความเห็นเกี่ยวกับผลกระทบเชิงความห่วงใยอยู่บ้าง แต่ก็ได้มีแนวทางและมาตรการในการลดความกังวลใจดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นมาตรการควบคุมและป้องกันการซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลของเด็กและเยาวชน รวมถึงการจำกัดปริมาณการซื้อสลากให้เหมาะสมสำหรับผู้ซื้อบางกลุ่ม ตลอดจนมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบอันเกิดจากการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต”
นายธนวรรธน์ กล่าวต่อว่า หลังจากที่คณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล ได้เห็นชอบรายงานดังกล่าวแล้ว ขั้นตอนหลังจากนี้ สำนักงานสลากฯ จะทำหนังสือถึงกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการกำหนดประเภทและรูปแบบสลากประจำปี 2565 เพื่อพิจารณานำเสนอขอความเห็นชอบต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป ตามพระราชบัญญัติสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พศ. 2517 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
อนึ่ง สลากกินแบ่งรัฐบาลตัวเลข 3 หลัก (NUMBERS 3: N3) หรือที่เรียกว่า “สลากตัวเลข 3 หลัก” เป็นสลากประเภทสมทบสมทบเงินรางวัล ตามมาตรา 26 แห่ง พ.ร.บ.สลากกินแบ่งรัฐบาลฯ หากการออกรางวัลในงวดใดไม่มีผู้มีสิทธิเรียกร้องเงินรางวัลจะนำเงินที่จัดสรรไว้ไปสมทบ เพื่อจ่ายเป็นเงินรางวัลในงวดถัดไปก็ได้ แต่จะจ่ายได้ไม่เกินหนึ่งงวด ทั้งนี้ เงินที่ได้นำไปสมทบเพื่อจ่ายเป็นเงินรางวัลในงวดถัดไปนั้น ถ้าไม่มีผู้มีสิทธิเรียกร้องเงินรางวัลดังกล่าว ให้นำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน
ส่วนวิธีการเลือกสลาก สามารถเลือกหมายเลขได้ ตั้งแต่ 000 ถึง 999 จำนวน 1 หมายเลขต่อการเลือกซื้อสลาก 1 รายการ การซื้อทุกๆ 1 รายการ จะได้หมายเลขรางวัลพิเศษ 1 หมายเลข ซื้อสลาก 1 รายการมีสิทธิลุ้นทุกรางวัล โดยผู้ที่จะซื้อหรือขายสลากประเภทนี้ต้องมีอายุ 20 ปี ขึ้นไป
สำหรับการจัดสรรเงินรางวัล ตามมาตรา 22 แห่ง พ.ร.บ.สลากกินแบ่งรัฐบาลฯ กำหนดให้กันเงินรายได้จากยอดขายทั้งหมด 60% มาจ่ายเป็นเงินรางวัล นำเงินรายได้ส่งคลังไม่ต่ำกว่า 23% และกันไว้เป็นการบริหารของสำนักงานสลากไม่เกิน 23% ของรายได้จากยอดขายทั้งหมด
การจัดสรรเงินรางวัลจะแบ่งออกเป็น 4 รางวัล ได้แก่ รางวัลสามตรง (ตรงเลข-ตรงหลัก) กล่าวคือ ตัวเลขที่เลือกต้องตรงกับผลการออกรางวัล และหลักต้องตรงกันด้วย รางวัลสามสลับหลัก (ตรงเลข-สลับหลัก) หมายถึง ตัวเลขที่เลือกตรงกับผลการออกรางวัล แต่หลักสามารถสลับกันได้ และรางวัลสองตรง (ตรงเลข-ตรงหลัก) คือ ตัวเลขที่เลือกต้องตรงกับผลการออกรางวัลและหลักตรงกันด้วย และรางวัลพิเศษ
ส่วนการกำหนดสัดส่วนในการจัดสรรเงินรางวัล (60% ของรายได้จากยอดขาย) จะนำมาจ่ายเป็นเงินรางวัลสามตรงในสัดส่วน 30%, รางวัลสามสลับหลัก 30% รางวัล 2 ตัวตรง 39% และรางวัลพิเศษ 1%
โดย สลากตัวเลข 3 หลัก จะเป็นสลากแบบดิจิทัล ที่ไม่มีการกำหนดหมายเลขสลากกำกับไว้ในระบบดิจิทัลเหมือนกับลอตเตอรี่ ผู้ซื้อสามารถเลือกหมายเลขที่ตนเองต้องการได้ทุกหมายเลข ตั้งแต่ หมายเลข 000 ถึงหมายเลข 999 จำหน่ายผ่านช่องทางดิจิทัล ออกรางวัลเดือนละ 2 ครั้ง คือวันที่ 1 และ 16 ของทุกเดือน
ส่วนหลักเกณฑ์การจ่ายเงินรางวัลที่ถูกกันไว้ 60% ของรายได้จากยอดขายในแต่ละงวดตามที่กล่าวข้างต้น จะกำหนดการจ่ายเงินรางวัลแบบผันแปรในแต่ละรางวัล ยกเว้นรางวัลพิเศษ เงินรางวัลจะจ่ายเป็นจำนวนเต็ม โดยเศษของเงินรางวัลทุกรางวัลจะนำไปรวมกับรางวัลพิเศษ ดังนี้
-
1. รางวัลสามตรงจ่ายแบบผันแปร จากเงินรางวัลที่กันเอาไว้ 30% มาจ่ายให้กับผู้ถูกรางวัลตามจำนวนผู้ถูกรางวัลสามตรง ในอัตราจ่ายเท่ากันทุกราย เป็นเงินจำนวนเต็มไม่มีเศษ (ปัดเศษทิ้ง) และนำเศษที่เหลือไปรวมสมทบกับรางวัลพิเศษ
2. รางวัลสามสลับหลักจ่ายแบบผันแปร จากเงินรางวัลที่กันเอาไว้ 30% มาจ่ายให้กับผู้ถูกรางวัลตามจำนวนผู้ถูกรางวัลสามสลับหลัก ในอัตราจ่ายเท่ากันทุกราย เป็นเงินจำนวนเต็มไม่มีเศษ (ปัดเศษทิ้ง) และนำเศษที่เหลือไปรวมสมทบกับรางวัลพิเศษ
3. รางวัลสองตรงจ่ายแบบผันแปร จากเงินรางวัลที่กันเอาไว้ 39% มาจ่ายให้กับผู้ถูกรางวัลตามจำนวนผู้ถูกรางวัลสองตรง ในอัตราจ่ายเท่ากันทุกราย เป็นเงินจำนวนเต็มไม่มีเศษ (ปัดเศษทิ้ง) และนำเศษที่เหลือไปรวมสมทบกับรางวัลพิเศษ
4. รางวัลพิเศษ จ่ายจากเงินรางวัลที่กันเอาไว้ 1% และเศษของเงินรางวัลทั้ง 3 ประเภท ที่ถูกนำมาสมทบ จ่ายให้กับผู้ถูกรางวัลตามจำนวนผู้ถูกรางวัลพิเศษ
ทั้งนี้ ผู้ถูกรางวัลได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่ต้องชำระอากรแสตมป์ใบรับรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล ในอัตรา 200 บาท หรือเศษของ 200 บาท ต่ออากรแสตมป์ 1 บาท ตามประมวลรัษฎากร (อัตราส่วนค่าอากรแสตมป์ 0.50 บาท ต่อเงินรางวัล 100 บาท หรือเศษของ 100 บาท)
ข่าวหรือบทความที่เกี่ยวข้อง
