LINE MAN Wongnai ขึ้นแท่นเทคสตาร์ตอัพใหญ่ที่สุดของไทย ระดมทุนซีรีส์บี 265 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตั้งเป้าเป็น National Champion มีมูลค่าหลังระดมทุนมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

นายยอด ชินสุภัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LINE MAN Wongnai เปิดเผยว่าการระดมทุนครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญของ LINE MAN Wongnai ทำให้ขึ้นเป็น National Champion ในอุตสาหกรรมส่งอาหารของไทย ตอนนี้เราเชื่อมต่อลูกค้าหลายล้านคนกับร้านอาหารจำนวนมาก สร้างงานให้กับไรเดอร์มากกว่า 1 แสนตำแหน่งทั่วประเทศ และส่วนใหญ่มีรายได้มากกว่าค่าแรงขั้นต่ำ 2 เท่า
“เงินที่ได้จากการระดมทุนจะนำมาขยายทีมงานด้านเทคโนโลยี และยกระดับโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีให้เป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซด้านบริการ (E-commerce Platform for Services) ที่มีนวัตกรรมมากที่สุด บริษัทตั้งเป้าเพิ่มจำนวนพนักงานฝ่ายเทคโนโลยีให้มากกว่า 450 คนภายในสิ้นปี 2565”
การระดมทุนในรอบนี้ทำให้บริษัทได้เงินทุนมาพอสมควร เพียงพอต่อการทำธุรกิจ ในรอบต่อไปขึ้นกับโอกาส ซึ่งผู้ลงทุนจะมาช่วยสนับสนุนการเติบโต เช่น บริษัทมีการทำธุรกิจร่วมกับ OR อยู่แล้ว และสิ่งที่ OR จะเข้ามาช่วยสนับสนุนได้คือ Know-how ในการเข้าตลาดหุ้นเพราะมีประสบการณ์มาก่อน ส่วนผู้ลงทุนที่เป็นสถาบันการเงินแม้ไม่มีความร่วมมือทางธุรกิจร่วมกัน แต่จะให้คำแนะนำเรื่องการลงทุนและการเงิน
“การระดมทุนครั้งที่แล้วเป็นการขาย Vision แต่ครั้งนี้เป็นการขาย Execution ทำให้นักลงทุนเห็นว่าสองปีที่ผ่านมาได้บริษัทเติบโตรวดเร็ว เช่น Wongnal POS ที่มีร้านอาหารใช้บริการมากที่สุดและเชื่อมต่อกับบริการ Food Delivery ของ LINE MAN เข้าถึงผู้ใช้งาน LINE ในประเทศไทยจำนวน 50 ล้านคน”
แผนธุรกิจหลังจากได้รับเงินระดมทุนรอบใหม่ บริษัทได้วางเป้าหมายที่สำคัญคือเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซด้านบริการ (E-commerce Platform for Services) ที่มีนวัตกรรมมากที่สุด บริษัทตั้งเป้าเพิ่มทีมงานด้าน Technology ได้แก่ Engineer, Product Manager และ UX/UI 450 คนภายในสิ้นปี 2565 รวมทั้งเพิ่มบริการและนวัตกรรมใหม่ รองรับตลาด Food Delivery ที่มีการเติบโตต่อเนื่องมากกว่า 15 เท่าในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งสัดส่วนการให้บริการจะเป็น Food Delivery มากที่สุด 80% บริษัทได้ขยายบริการ LINE MAN Mart สำหรับบริการรองรับการสั่งซื้อสินค้ามีร้านค้าร่วมมือแล้วหลายหมื่นร้านค้าทั่วประเทศ และขยายกลุ่มลูกค้าที่ใช้บริการ จากในปัจจุบันมีจำนวน 10 ล้านคน
นายยอด กล่าวว่า เป้าหมายของบริษัทอยากให้คนไทยจดจำคือการเป็น National Champion ในธุรกิจ Food Delivery การเป็น Unicorn ไม่ใช่จุดสูงสุดของความสำเร็จ แต่เป็น Milestone ที่สำคัญของบริษัท โดยจะเดินหน้าและขยายบริการในอีกหลายด้าน เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกครั้งใหญ่ให้กับประเทศ รวมถึงสร้างโอกาสในการจ้างงาน
ทั้งนี้เป้าหมายหลักบริษัทยังต้องการเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แต่ยังไม่กำหนดช่วงเวลาที่ชัดเจนขึ้นกับปัจจัยแวดล้อม เป็นบริษัทจดทะเบียนที่อยู่ใน SET50 เป็นบริษัทเทคโนโลยีที่มีขนาดใหญ่สุดในประเทศไทย และสร้างแรงบันดาลใจให้แก่สตาร์อัพของไทย โดยการระดมทุนครั้งนี้น่าจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ใช้คำว่า “บริษัทสตาร์ทอัพ” เหตุผลที่เลือกเสนอขายหุ้นในประเทศไทย มาจากความเชื่อมั่นในตลาดไทย และโอกาสที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ประเทศและสังคมไทย โดยตนเองเป็นผู้ถือหุ้นรายบุคคลที่มีสัดส่วนหุ้นมากที่สุด และจะถือหุ้นต่อไป
การที่บริษัทได้ก้าวสู่การเป็นยูนิคอร์น มาจากแรงสนับสนุนทุกภาคส่วน ทำให้ประเทศไทยมีบริษัทเทคโนโลยีที่เป็นความภาคภูมิใจและแรงบันดาลใจให้กับคนไทยทุกคน ในอนาคตได้วางเป้าหมายสู่การเป็น Decacorn สตาร์ทอัพที่มีมูลค่าบริษัทมากกว่า 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
ปัจจุบันบริษัทมีพนักงานกว่า 1,000 คน โดยเป็นคนไทยมากกว่า 99% และพนักงานในกลุ่มที่หายากจะเป็น Engineer ถือเป็นกลุ่มมนุษย์ทองคำ จึงถือเป็น Mission ที่มีความท้าทายในการหาทีมงาน ที่ผ่านมามีการพัฒนาเทคโนโลยี นวัตกรรมและบริการต่างๆ จากทีมงานคนไทยทั้งหมด
ส่วนธุรกิจที่ทำรายได้โดดเด่นยังเป็นบริการส่งอาหาร( Food Delivery)สร้างรายได้สูงราว 80% มีอัตราการเติบโตของจำนวนออร์เดอร์ต่อเดือนมากกว่า 15 เท่าระหว่างมกราคมปี 2563 ถึงสิงหาคมปี 2565 ถือเป็นบริการส่งอาหารที่เติบโตเร็วที่สุดในไทย ปัจจุบัน LINE MAN ให้บริการครอบคลุมพื้นที่ 77 จังหวัดทั่วไทย และมีร้านอาหารบนแพลตฟอร์มกว่า 700,000 ร้าน ซึ่งมากที่สุดในท้องตลาด รวมถึงธุรกิจ Wongnai POS ระบบจัดการร้านอาหารและการขายผ่านเดลิเวอรี มีรายได้จากการขายซอฟแวร์ให้ร้านอาหารกว่า 5 หมื่นร้านและเป็นผู้นำตลาด POS ส่วนธุรกิจบริการที่สร้างมูลค่าเพิ่มและด้านการเงินเริ่มจากให้ไรเดอร์ผ่อนโทรศัพท์มือถือกับบริษัท ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ค่อนข้างดี ในอนาคตเรามีแผนที่จะปล่อยกู้ให้ร้านอาหารด้วยเช่นกัน
สถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันมีร้านอาหารปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้น 10% จากปีก่อน เนื่องจากต้นทุนเพิ่ม หลังโควิดร้านอาหารกลับสู่ภาวะปกติแล้วมากกว่า 90% แม้คนจะกลับไปกินข้าวนอกบ้าน แต่ธุรกิจ Food Delivery ได้รับความนิยมเช่นเดิม เพราะผู้บริโภคมีเคยชินกับความสะดวกสบายในการสั่งอาหารออนไลน์แล้ว
ในช่วงที่ผ่านมาตลาด Food Delivery มีการแข่งขันสูง เป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่และมีผู้ใช้บริการจำนวนมากเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจไม่ดี แต่ Food delivery ไม่ค่อยได้รับผลกระทบ โดยการแข่งขันในตลาดปีนี้จะเห็นว่าผู้เล่นในตลาดทุกรายเริ่มมีเหตุมีผลมากขึ้น จากปีที่แล้วที่แข่งขันกันอย่างรุนแรง จุดเด่นของ LINE MAN Wongnai จะทำให้เติบโตได้ต่อเนื่องคือตัวเลือกร้านอาหารและร้านค้าจำนวนมากที่สุด มีโปรโมชั่นที่ดึงดูดใจลูกค้า ในปีนี้มีผู้เล่นในตลาดจำนวนมาก เชื่อว่าในปีหน้าอาจจะมีผู้เล่นหายไปจากตลาดบ้าง
นายยอด กล่าวว่า ช่วงเวลาที่ยากที่สุดคือตอนเริ่มต้นทำ Wongnai เพราะไม่มีเงินทุนเลย เริ่มจากเงินส่วนตัว ติดลบไปหลายล้านบาท ไม่มีลูกค้า ปัจจุบันมีนักลงทุน ทีมงาน Engineer คนไทยที่สามารถพัฒนาบริการให้ตอบโจทย์คนไทยได้รวดเร็วแล้ว และทีมงานต่างชาติเข้ามาช่วยทำให้สามารถขยายการเติบโตได้มากขึ้น
ประเทศไทยเริ่มมีการปลดล็อกกฎระเบียบบางอย่างและเดินไปในทิศทางที่ถูกต้องในการสนับสนุนเทคสตาร์ทอัพไทยมากขึ้น จากเดิมที่เทคสตาร์ทอัพในไทยรวมถึงในหลายๆ ประเทศ ไปจดทะเบียนธุรกิจในต่างประเทศที่มีนโยบายหรือกฎระเบียบที่เอื้อต่อการทำธุรกิจ ซึ่งจะทำให้นักลงทุนมั่นใจ และอยากให้เป็นแบบนี้ต่อไป