“เคยถามตัวเองไหม
เวลาที่เราต้องเลือกซื้อสินค้า เลือกใช้บริการ
หรือกระทั่งการตัดสินใจลงทุนกับบริษัทสักแห่ง
เราจะมีเหตุผลอะไรในการเลือกบ้าง”
“คุ้มค่าเงิน”
“กำไรงาม”
เหตุผลข้างต้น อาจเป็นเหตุผลที่หลายคนน่าจะมองคล้ายๆ กัน แต่ถ้าหากมองให้ยาวกว่านั้น อีกหนึ่งเหตุผลที่จำเป็นต้องมี นั่นก็คือ ‘ความยั่งยืน’ เพราะในโลกของการดำเนินธุรกิจ คือสิ่งที่สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อการใช้ชีวิตของเราทุกคนและโลกของเราได้ แต่เชื่อว่าหลายคนน่าจะมีคำถามตามมาอีกว่า
“ความยั่งยืน จะจับต้องได้ยังไง
หรือมีเกณฑ์อะไรที่จะพิสูจน์ว่า
การดำเนินงานของบริษัทนั้นๆ จะสร้างความยั่งยืนได้จริงๆ”
นั่นจึงทำให้ GC ในฐานะของผู้นำด้านเคมีภัณฑ์ นำแนวคิด ESG ซึ่งประกอบไปด้วย E = Environment สิ่งแวดล้อม, S = Social สังคม และ G = Governance ธรรมาภิบาล มาใช้เป็นแนวทางดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน เพื่อส่งมอบคุณค่าที่ใกล้ตัวทุกคนกว่าที่คิด และเพื่อตอบคำถามว่า ทำไมวันนี้ ธุรกิจต้องหันมาใส่ใจเรื่อง ESG
“เพราะเรายังต้องหายใจอยู่ทุกวัน”
ธุรกิจจึงต้องใส่ใจสิ่งแวดล้อม
ปัญหาโลกร้อน อันเกิดจาก Climate Change คือเรื่องใหญ่ที่องค์กรทั่วโลกให้ความสำคัญ GC พร้อมร่วมเป็นหนึ่งในผู้แก้ปัญหานั้น พิสูจน์ได้จากการกำหนดเป้าหมายและแผนงานที่ชัดเจน ด้วยการตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี 2050 (Net Zero 2050) พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจผ่าน 3 แนวทาง ได้แก่
1. Efficiency-Driven ปรับกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพสูงสุด และนำเทคโนโลยีล้ำสมัยมาประยุกต์ใช้
2. Portfolio-Driven เปลี่ยนโครงสร้างธุรกิจในระยะยาว มุ่งสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำ นำแนวคิด Circular Economy มาใช้ดำเนินธุรกิจ เช่น การผลิตพลาสติกชีวภาพ ที่สลายตัวได้ตามธรรมชาติ, การผลิตพลาสติกรีไซเคิล, การร่วมมือกับพันธมิตร นำพลาสติกใช้แล้วมาผลิตเป็นสินค้า Upcycling ที่มีมูลค่าเพิ่ม
3. Compensation-Driven ประยุกต์การดูดซับคาร์บอนผ่าน 2 วิธีการคือ 1.วิธีการทางธรรมชาติ เช่น การปลูกป่า โดยล่าสุด GC ได้ปลูกป่าช่วยกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ ณ พื้นที่สำนักงานระยองกว่า 25 ไร่ และ 2. วิธีการทางเทคโนโลยี เช่น การแสวงหาเทคโนโลยีดูดซับ กักเก็บ และนำคาร์บอนกลับมาใช้
“เพราะเราต้องอยู่ในสังคมร่วมกัน”
ธุรกิจจึงต้องดูแลสังคม
GC ดำเนินธุรกิจและดูแลสังคม โดยคำนึงถึงความปลอดภัยและสุขภาพของคนในประเทศ ครั้งเกิดวิกฤติโควิด-19 ในปี 2564 บุคคลากรทางการแพทย์ที่เป็นด่านหน้า จำเป็นต้องได้รับการดูแลป้องกัน เราจึงได้ร่วมกับพันธมิตรในโครงการแยกขวดช่วยหมอ ส่งมอบชุด PPE Level 2 จำนวน 6,345 ชุด* เพื่อบุคลลากรทางการแพทย์สวมใส่ ลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อโควิด-19 โดยชุดดังกล่าว ทำจากขวดพลาสติกใช้แล้วชนิด PET จำนวน 6.27 ล้านขวด* ซึ่ง GC และพันธมิตรเก็บรวบรวมผ่าน จุดรับพลาสติกใช้แล้ว (YOUเทิร์น Drop Points) ที่ตั้งอยู่ตามสถานที่ต่าง ๆ มากกว่า 100 แห่ง* นับเป็นบทพิสูจน์การดูแลสังคม โดยนำเอานวัตกรรม ความเชี่ยวชาญ และความร่วมมือระหว่าง GC และพันธมิตร เพื่อผู้คนในสังคมข้ามผ่านสถานการณ์ที่ยากลำบาก และอยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน
*แหล่งอ้างอิง: รายงานความยั่งยืนแบบบูรณาการประจำปี 2564 บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน)
“เพราะเรามีส่วนได้เสียจากการดำเนินธุรกิจ”
ธุรกิจจึงต้องโปร่งใส
เมื่อธุรกิจตอบแทนสังคมแล้ว ก็ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีของสังคม ด้วยการทำธุรกิจอย่างโปร่งใส ไม่เอาเปรียบคู่ค้าและลูกค้า ซึ่ง GC มีการกำกับดูแลกิจการที่ดี พิสูจน์ได้จากที่ GC ได้รับรางวัลเกียรติยศแห่งคุณธรรม จริยธรรม และความซื่อสัตย์สุจริต คือ รางวัลชมเชยองค์กรโปร่งใส ครั้งที่ 10 (NACC Integrity Awards) จากสำนักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นอกจากนี้ GC ยังเข้าร่วมโครงการแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย (CAC) และเข้าร่วมเป็น CAC Change Agent เพื่อขยายเครือข่ายธุรกิจโปร่งใสไปยังบริษัทคู่ค้า ผลักดันบริษัทในกลุ่มที่มีความพร้อม เข้าร่วมเป็นสมาชิก CAC เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ด้านผลิตภัณฑ์ของ GC ยังมี 132 เกรดผลิตภัณฑ์ ที่ได้รับการรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ และ 84 เกรดผลิตภัณฑ์ ที่ได้รับการรับรองฉลากลดโลกร้อน ซึ่งเป็นสิ่งที่พิสูจน์ว่า GC มีผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับ เปิดเผยได้ และใส่ใจคุณภาพชีวิตของผู้บริโภค
ทั้งหมดนี้ คือ บทพิสูจน์ความมุ่งมั่นของ GC ที่ไม่หยุดขับเคลื่อนธุรกิจตามหลัก ESG เพื่อเป็น ‘เคมี…ที่เข้าถึงทุกความสุข’ พร้อมส่งมอบคุณค่าที่ใกล้ตัวผู้คน และส่งต่อโลกยั่งยืนต่อไป
#GCร่วมส่งต่อโลกยั่งยืน
#GCยิ่งใกล้คุณยิ่งต้องดี
#GCChemistryforBetterLiving
แหล่งอ้างอิง: *
1.แบบแสดงรายการข้อมูลประจำปี/รายงานประจำปี 2564 (แบบ 56-1 One Report) บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน)
2.รายงานความยั่งยืนแบบบูรณาการ ประจำปี 2564 บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน)