ปัณฑพ ตั้งศรีวงศ์ รายงาน
วันเสาร์ที่ 26 มีนาคม 2565 คณะกรรมการเมืองเชียงตุงได้จัดงานวัน “กาดเก่า” หรือวัน “กาดเจ้าฟ้า” ขึ้นมาอีกครั้ง หลังต้องหยุดจัดไป 2 ปี เพราะเกิดการระบาดของโควิด-19 ในปี 2563 และบรรยากาศการเมืองในเมียนมาที่ตึงเครียดจากการรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564
ปีนี้ หลายสิ่งหลายอย่างเริ่มทรงตัว บรรยากาศการเมืองในเชียงตุงที่เงียบสงบกว่าหลายพื้นที่ในเมียนมา การระบาดของโควิด-19 ที่แม้ยังไม่อาจเรียกได้เต็มปากว่าปลอดสนิท แต่จำนวนผู้ป่วยที่พบในเชียงตุงจัดอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ คณะกรรมการจึงตัดสินใจฟื้นประเพณีนี้ขึ้น
……
วัน “กาดเก่า” หรือ “กาดเจ้าฟ้า” เป็นประเพณีเก่าแก่ ที่เป็นเอกลักษณ์และเป็นจุดขายสำคัญด้านการท่องเที่ยวของเชียงตุง ที่ชาวเชียงตุงจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ติดต่อกันมาแล้วกว่า 80 ปี เพื่อระลึกถึงคุณูปการของอดีตเจ้าฟ้าเชียงตุงในอดีต และเป็นการอนุรักษ์วิถีดั้งเดิม อันเป็นอัตลักษณ์เด่นของชาวเชียงตุงไว้ไม่ให้สูญหาย
ที่มาของ “กาดเก่า” หรือ “กาดเจ้าฟ้า” ต้องย้อนกลับไปเมื่อ พ.ศ.1893 ในสมัยที่ “เจ้าเจ็ดพันตู” โอรสของพญาผายู (พ.ศ. 1879-1898) กษัตริย์ลำดับที่ 5 แห่งอาณาจักรล้านนาในราชวงศ์มังราย ได้ขึ้นเป็นเจ้าฟ้าเชียงตุง
เจ้าเจ็ดพันตูได้สร้างคุณูปการไว้แก่เมืองเชียงตุงหลายประการ ทั้งทางด้านศาสนจักรและอาณาจักร
หนึ่งในนั้น คือการดำริให้มีวันกาดหลวงหรือวันตลาดนัดใหญ่ขึ้น เพื่อให้พ่อค้า แม่ค้า เกษตรกร ได้มีโอกาสและสถานที่สำหรับนำสินค้าและผลผลิตของตนมาวางขาย ในบริเวณลานด้านหน้าวัดเจียงจั๋น (วัดเชียงจันทร์) ทางทิศตะวันออกของหอคำหลวงเชียงตุง
เจ้าเจ็ดพันตูยังได้ริเริ่มพิธีสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก่อนต้องออกเดินทางไปนอกเมืองเชียงตุง ไม่ว่าเพื่อเป็นการปฏิบัติกิจการบ้านเมือง หรือเพื่อทำศึกสงคราม โดยให้ทหาร ข้าราชบริพารทุกคนมารวมตัวทำพิธีกัน ณ ลานหน้าวัดเจียงจั๋น บริเวณเดียวกับถูกใช้เป็นสถานที่จัดกาดหลวง ลานแห่งนี้ต่อมาถูกเรียกชื่อเป็น “ลานแห่งชัยชนะ”
ในหนังสือ “พงศาวดารเมืองเชียงตุง” ซึ่งแปลและเรียบเรียงขึ้นจากปั๊บสาที่จารึกไว้เป็นภาษาขืนโดย “ทวี สว่างปัญญางกูร” ได้เขียนไว้ในตอนหนึ่งว่า เมื่อเจ้าเจ็ดพันตูยังอยู่ที่เชียงใหม่ โหรทำนายว่าท่านจะถึงแก่พิราลัยเมื่ออายุได้ 15 ปี พญาผายูจึงส่งท่านขึ้นมากินเมืองเชียงตุงตั้งแต่อายุยังน้อย เพียง 12 ปี กินเมืองนาน 17 ปี พอถึงอายุ 29 ปี ก็ถูกสังหารโดยข้าเก่าที่ชื่อ “เลาหยอม” ที่ใช้มีดพกแทงท่านจนถึงแก่พิราลัย ในบริเวณที่เป็นกาดหลวงเชียงตุงนั่นเอง
ข้าราชบริพารในเชียงตุงได้นำร่างของเจ้าเจ็ดพันตูฝังไว้ยังลานแห่งชัยชนะ และสร้างหอบูชาเพื่อให้ประชาชนชาวเชียงตุงได้มากราบไว้ ทุกวันนี้ชาวเชียงตุงเรียกหอแห่งนี้ว่า “หอเจ้าหลวงกาด”
นับแต่นั้นมา ในเชียงตุงก็มีประเพณีไหว้หอเจ้าหลวงกาดขึ้น ณ ลานแห่งชัยชนะแห่งนี้ เป็นประจำทุกปี
กระทั่งถึงยุคของเจ้าฟ้ารัตนะก้อนแก้วอินแถลง (พ.ศ. 2439-2478) ซึ่งเป็นเจ้าฟ้าที่ได้นำความทันสมัยหลายประการมาสู่เมืองเชียงตุง ในยุคที่เป็นรัฐภายใต้การอารักขาของอังกฤษ
เจ้าฟ้ารัตนะก้อนแก้วอินแถลงเห็นว่ากาดหลวงเดิมที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยเจ้าเจ็ดพันตูนั้น มีขนาดเล็กเกินไปและไม่ถาวร พ.ศ. 2478 ท่านจึงดำริให้สร้างตลาดแห่งใหม่ขึ้นทางทิศใต้ของหอคำหลวงเชียงตุง โดยย้ายพ่อค้า แม่ค้า ทั้งหมดจากกาดหลวงเดิมให้ไปขายยังตลาดที่สร้างขึ้นใหม่
ตลาดแห่งนี้ปัจจุบันคือกาดหลวงเมืองเชียงตุง ตลาดหลักที่ผู้คนทั้งชาวเชียงตุง และนักท่องเที่ยว ต่างต้องไปจับจ่ายซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค เมื่อยามที่อยู่ในเชียงตุง
เนื่องจากก่อนหน้านั้น ชาวเชียงตุงมีประเพณีไหว้หอเจ้าหลวงกาดซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีต่อเนื่องมานานนับร้อยปีแล้ว เจ้าฟ้ารัตนะก้อนแก้วอินแถลงเห็นว่า เพื่ออนุรักษ์วัฒนธรรม และวิถีการค้าดั้งเดิมของชาวเชียงตุงไว้ไม่ให้สูญหาย ในแต่ละปี เมื่อถึงวันที่จัดพิธีไหว้หอเจ้าหลวงกาด ก็ให้พ่อค้า แม่ค้า เกษตรกร นำผลผลิตของตนมาตั้งขายในบริเวณซึ่งเคยเป็นที่ตั้งกาดหลวงเก่าด้วย ปีละ 1 วัน
จึงเป็นที่มาของประเพณีวัน “กาดเก่า” หรือ วัน “กาดเจ้าฟ้า” ที่จัดต่อเนื่องมานานกว่า 80 ปี ก่อนต้องหยุดจัดไปชั่วคราวเมื่อ 2 ที่แล้ว
……
วัน “กาดเก่า” กำหนดจัดขึ้นในเดือนมีนาคมของทุกปี ไม่ระบุตายตัวว่าต้องเป็นวันใดวันหนึ่ง โดยแต่ละปี คณะกรรมการเมือง พระเถระชั้นผู้ใหญ่ และผู้อาวุโสของเมืองเชียงตุง จะร่วมกันหาวันที่ฤกษ์ดีที่สุดของเดือนมีนาคม เพื่อจัดเป็นวัน “กาดเก่า”
เมื่อถึงวัน “กาดเก่า” บรรดาพ่อค้า แม่ค้าในกาดหลวงปัจจุบัน ตลอดจนร้านรวงต่างๆทั่วเมืองเชียงตุง พร้อมใจกันปิดร้าน หยุดขาย เพื่อให้พ่อค้า แม่ค้า เกษตรกร นำสินค้าและผลผลิตมาวางขายที่กาดเก่า
ตลอดแนวถนนเซตานหลวง จากด้านหน้าวัดพระเจ้าหลวงเชียงตุง (วัดมหาเมียตมุนี) ยาวไปถึงประตูป่าแดง มีพ่อค้า แม่ค้า เกษตรกร นำสินค้าและผลผลิตมาวางขาย ชาวเชียงตุง คนต่างเมือง ตลอดจนนักท่องเที่ยว สามารถเดินชม และเลือกซื้อสินค้าได้ตามใจชอบ
แต่สำคัญที่สุด การมาเดินเที่ยวชมตลาดในวัน “กาดเก่า” นอกจากได้เดินซื้อสินค้า ดูวิถี วัฒนธรรม ประเพณีของชาวเชียงตุงแล้ว ยังมีโอกาสได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ เรื่องราวต่างๆของเมืองเชียงตุง ผ่านสถานที่ซึ่งตั้งอยู่ตามรายทางที่ถูกจัดเป็นกาดเก่า
อีก 2 สถานที่สำคัญที่บอกเล่าความเป็นมาของเชียงตุงได้อย่างดี ได้แก่ “กู่เจ้าฟ้าเชียงตุง” และอนุสาวรีย์ “เจ้าฟ้ามหาขนาน”
กู่เจ้าฟ้าเชียงตุง เป็นที่ตั้งของเจดีย์บรรจุอัฐิของเจ้าฟ้าเชียงตุง 9 องค์สุดท้าย ก่อนระบอบเจ้าฟ้าต้องถูกยกเลิกไป เมื่อนายพลเนวินปฏิวัติพม่าใน พ.ศ. 2505 และนำพม่าเข้าสู่การปกครองระบอบเผด็จการทหารต่อเนื่องยาวนานเกือบ 50 ปี
กู่เจ้าฟ้าเชียงตุงอยู่ตรงข้ามวัดเจียงจั๋น ซึ่งเป็นที่ตั้งของกาดหลวงเก่า ถูกสร้างขึ้นครั้งแรกเพื่อบรรจุอัฐิของเจ้าฟ้ามหาขนาน ซึ่งถึงแก่พิราลัยเมื่อ พ.ศ. 2400 จากนั้นได้กลายเป็นสถานที่สำหรับบรรจุอัฐิของเจ้าฟ้าอีก 8 องค์ ที่ได้ขึ้นปกครองเชียงตุงต่อมาในภายหลัง
เจ้าฟ้ามหาขนานถือเป็นกษัตริย์นักรบผู้มีคุณูปการอย่างยิ่งต่อเชียงตุง ท่านยืนหยัดต่อสู้ ทำศึกสงครามหลายครั้ง เพื่อให้เชียงตุงดำรงอยู่และคงไว้ซึ่งความเป็นเมืองของชาว “ขืน”
ท่านเป็นผู้สร้างประตูเมืองเชียงตุง สร้างวัดวาอารามหลายแห่ง และเป็นผู้วางระบบการศึกษายุคใหม่ให้แก่พระสงฆ์ในเชียงตุง
ที่สำคัญท่านเป็นผู้นำอักษรธรรมล้านนามาพัฒนา สร้างขึ้นเป็นตัวอักษรภาษาขืน ซึ่งถูกใช้เป็นภาษาหลักของชาวขืนในเชียงตุง มาจนถึงทุกวันนี้
เนื้อหาต่อจากนี้เป็นประวัติเจ้าฟ้ามหาขนาน ที่สรุปความจากคลิปเสียง ซึ่งพระมหาแสงแดง พระนักเทศน์ที่ชาวเชียงตุงเคารพศรัทธา ได้อ่านเป็นภาษาขืนและบันทึกไว้ในเพจ Light of Wisdom Foundation…
เจ้าฟ้ามหาขนาน หรือ “เจ้าฟ้าหลวงเขมรัฐ มหาสีงหะ บวรสุธรรมราชาธิราช” เกิดใน พ.ศ. 2324 เป็นบุตรเจ้าเมืองสาม และเป็นอนุชาของเจ้าฟ้ากองไต
เมื่อยังเล็ก เจ้ามหาขนานมีชื่อว่าเจ้าดวงแสง และเข้าบวชเรียนในพระพุทธศาสนา
ยามนั้น เชียงตุงตกอยู่ท่ามกลางศึกสงคราม ทั้งศึกกับพม่า ศึกเชียงใหม่ และกรุงเทพ ที่หวังยึดครองเชียงตุง เจ้าดวงแสงได้สึกจากพระมาช่วยเจ้ากองไตผู้เป็นเชษฐาสู้รบกับฝ่ายต่างๆ ด้วยความกล้าหาญ
ผู้คนทั้งหลายได้รู้จักท่านในนามเจ้ามหาขนาน เพราะท่านเป็นทั้งผู้มีความรู้ในทางศาสนา และเป็นนักรบที่เก่งกล้า เหล่าเสนาอำมาตย์และชาวบ้านชาวเมืองทั้งหลายต่างให้การยอมรับ
เมื่อเจ้ากองไตได้ขึ้นเป็นเจ้าฟ้าเมืองเชียงตุง ใน พ.ศ. 2344 ตรงกับช่วงเก็บผักใส่ซ้า เก็บข้าใส่เมืองของล้านนา ทางเชียงใหม่ได้ยกรี้พลขึ้นมาเกลี้ยกล่อมเจ้าฟ้ากองไตให้โยกย้ายไพร่พลไปอยู่เมืองเชียงใหม่ เจ้าฟ้ากองไตยินยอมนำบุตร ธิดา ข้าราชบริพารย้ายลงไปอยู่เชียงใหม่ แต่ตัวเจ้าฟ้ากองไตได้ขอไปอยู่ที่เชียงแสน
มีเพียงเจ้ามหาขนานที่มิได้ย้ายตามลงมาด้วย ยังคงอยู่รักษาเมืองเชียงตุง และทำศึกกับพม่าต่อเนื่องไปอีก 11-12 ปี แต่ไม่สามารถเอาชนะได้
ในที่สุดเชียงตุงได้ตกไปอยู่ใต้อิทธิพลของพม่า
เจ้ามหาขนานได้นำพาไพร่พลลงมาอยู่กับเจ้ากองไตที่เชียงแสน
ทางเชียงใหม่เมื่อทราบข่าว ต้องการให้เจ้ามหาขนานไปอยู่เชียงใหม่ ท่านไม่ยินยอม เพราะเห็นว่าถ้าไปอยู่ยังเชียงใหม่แล้ว ชนชาติและวัฒนธรรมขืนจะสูญหาย ท่านจึงตัดสินใจกลับขึ้นไปเชียงตุงอีกครั้ง
พ.ศ. 2358 กษัตริย์พม่าที่กรุงอังวะได้เกลี้ยกล่อมเจ้ามหาขนาน พร้อมแต่งตั้งให้เจ้ามหาขนานให้ขึ้นเป็นเจ้าฟ้าเชียงตุง ได้ชื่อว่า “เจ้าฟ้าหลวงเขมรัฐ มหาสีงหะ บวรสุธรรมราชาธิราช”
พ.ศ. 2362 เชียงตุงอยู่ในความสงบร่มเย็น ไม่มีศึกสงครามใดๆ เจ้าฟ้ามหาขนาน ได้เริ่มพัฒนาเมืองเชียงตุง สร้างประตูเมือง วัดวาอาราม และวางระบบการศึกษาให้กับพระสงฆ์
ท่านได้นำอักษรธรรมล้านนามาพัฒนาสร้างขึ้นเป็นภาษาขืน และได้ถูกใช้เป็นภาษาหลักของชาวเมืองเชียงตุงมาจนถึงทุกวันนี้
เจ้าฟ้ามหาขนานเป็นเจ้าฟ้าเชียงตุงได้ 44 ปี สร้างบ้านแปงเมือง รักษาเชื้อชาติ วัฒนธรรม ภาษาขืนให้คงอยู่ รวมถึงทนุบำรุงพุทธศาสนาในเชียงตุงให้เจริญรุ่งเรือง
ท่านถึงแก่พิราลัยเมื่อแรม 11 ค่ำ เดือน 8 พ.ศ. 2400 สิริอายุได้ 76 ปี…
กู่เจ้าฟ้าเชียงตุงประกอบด้วยเจดีย์ 9 องค์ แต่ละองค์บรรจุอัฐิของเจ้าฟ้าแต่ละท่าน รวมถึงมีจารึกเนื้อหาบอกเล่าประวัติของเจ้าฟ้าองค์นั้น เริ่มจาก
องค์ที่ 1 บรรจุอัฐิเจ้าฟ้ามหาขนาน
องค์ที่ 2 บรรจุอัฐิเจ้าหนานมหาพรหม โอรสองค์โตของเจ้าฟ้ามหาขนาน
องค์ที่ 3 บรรจุอัฐิเจ้าน้อยแก้ว ซึ่งขึ้นเป็นเจ้าฟ้าเชียงตุงได้เพียงปีเดียวก็ถึงแก่พิราลัย
องค์ที่ 4 บรรจุอัฐิเจ้ากองไต หรือเจ้าฟ้าเจียงแขง โอรสของเจ้าฟ้ามหาขนาน
องค์ที่ 5 บรรจุอัฐิเจ้ากองคำฟู โอรสของเจ้ากองไต หลานของเจ้าฟ้ามหาขนาน
องค์ที่ 6 บรรจุอัฐิเจ้าฟ้ารัตนะก้อนแก้วอินแถลง อนุชาเจ้ากองคำฟู หลานของเจ้าฟ้ามหาขนาน เป็นกู่ที่มีความสวยงามโดดเด่นที่สุด เพราะถูกสร้างขึ้นโดยนายช่างชาวอินเดีย
องค์ที่ 7 บรรจุอัฐิเจ้ากองไต โอรสของเจ้าฟ้ารัตนะก้อนแก้วอินแถลง ซึ่งถูกลอบยิงจนถึงแก่พิราลัย
องค์ที่ 8 บรรจุอัฐิเจ้าพรหมลือ อนุชาของเจ้ากองไต
องค์ที่ 9 บรรจุอัฐิเจ้าจายหลวง โอรสของเจ้ากองไต และเป็นเจ้าฟ้าองค์สุดท้ายของเชียงตุง
……
วันที่ 9 มิถุนายน 2563 กลุ่มอนุรักษ์ประวัติศาสตร์มรดกวัฒนธรรมเมืองเชียงตุง ได้จัดพิธีสงฆ์เพื่อเริ่มขั้นตอนการประดิษฐานอนุสาวรีย์เจ้ามหาขนาน ณ ลานด้านหน้าวัดเจียงจั๋น ตรงข้ามกู่เจ้าฟ้าเชียงตุง
กลุ่มอนุรักษ์ประวัติศาสตร์มรดกวัฒนธรรมเมืองเชียงตุง ให้ช่างจากมัณฑะเลย์เป็นผู้สร้างอนุสาวรีย์เจ้าฟ้ามหาขนานขึ้น 2 องค์ กำหนดจุดประดิษฐานไว้ 2 แห่ง
จุดแรก ด้านหน้าประตูวัดป่าแดง เป็นรูปแกะสลักครึ่งตัว มีพิธีประดิษฐานเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2563
จุดที่สอง ที่ลานด้านหน้าวัดเจียงจั๋น ตรงข้ามกู่เจ้าฟ้าเชียงตุง ที่ตั้งของกาดหลวงเก่าเชียงตุง และเป็นสถานที่จัดงานวัน “กาดเก่า” เป็นรูปหล่อเต็มตัวขนาดความสูง 9 ฟุต ฐานกว้าง 8 ฟุต มีแท่นจารึกประวัติเจ้าฟ้ามหาขนานไว้ 4 ภาษา ได้แก่ภาษาขืน ภาษาไทใหญ่ ภาษาพม่า และภาษาอังกฤษ มีพิธีประดิษฐานเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2563
……
หากมองจากภาพข่าวที่ปรากฏ หลายคนอาจเข้าใจเพียงว่า งานวัน “กาดเก่า” หรือ “กาดเจ้าฟ้า” คือตลาดนัดที่เปิดโอกาสให้พ่อค้า แม่ค้า เกษตรกร สามารถนำสินค้า และผลผลิตของตนมาวางขายได้ในวาระพิเศษ
แต่ความจริงแล้ว ประเพณีวัน “กาดเก่า” มีความหมายที่กว้างไกลไปกว่านั้น!
การฟื้นประเพณีวัน “กาดเก่า” ขึ้นมาอีกครั้งของคณะกรรมการเมืองเชียงตุง นอกจากผู้ที่มาเดินเที่ยวงาน จะได้จับจ่าย เลือกซื้อสินค้าภายใต้บรรยากาศและวิถีดั้งเดิมของเชียงตุงแล้ว
ยังเป็นโอกาสที่เปิดให้ชาวเชียงตุงและทุกคนที่มาเดินเที่ยวชมงาน สามารถศึกษา เรียนรู้เรื่องราวของเชียงตุงจากสถานที่สำคัญต่างๆที่มีอยู่ตลอดแนวเส้นทาง และยังมีโอกาสได้กราบไหว้กู่บรรจุอัฐิของอดีตเจ้าฟ้าหลายพระองค์ ผู้ที่มีคุณูปการอย่างยิ่งต่อเชียงตุง…
- สร้างคืน“หอหลวงเชียงตุง” การ“ซื้อใจ”ของมินอ่องหล่าย
- วิถีใหม่ใน“เชียงตุง”
- “มือเมตตา-ไตธรรมวัฒนา” อีกบทบาทสำคัญของพระสงฆ์ในรัฐฉาน