รายงานโดย ปรีดี บุญซื่อ
เว็บไซต์arabnews.comรายงานว่า ในการไปเยือนซาอุดิอาระเบียเป็นเวลา 2 วันของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไทย ซาอุดิอาระเบียกับประเทศไทย ได้พลิกโฉมหน้าใหม่ความสัมพันธ์ของสองประเทศ โดยได้มีการฟื้นฟู่ความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างสมบูร์แบบ ในการหารือระหว่าง นายกรัฐมนตรีไทยกับมกุฎราชกุมารแห่งซาอุดิอาระเบีย โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ทั้งสองฝ่ายมีความประสงค์ที่จะเปิดพื้นที่ใหม่ เพื่อเพิ่มความมั่งคั่งระหว่างสองประเทศ
Addullah Al-Maghlouth จากสมาคมเศรษฐกิจซาอุดิอาระเบียกล่าวว่า “ในปี 2024 นักท่องเที่ยวซาอุฯจะไปเยือนไทยมากกว่า 100,000 คน ใน 3 ปีข้างหน้า การค้าของสองประเทศจะเพิ่มจาก 10 พันล้านดอลลาร์ เป็น 40 พันล้านดอลลาร์ ภายในระยะ 5 ปี การจ้างงานที่จะมากถึง 220,000 ตำแหน่ง รอแรงงานจากไทย เช่น งานก่อสร้าง งานโครงสร้างพื้นฐาน อู่ซ่อมรถยนต์ พยาบาล การเกษตร และโรงแรม”
น้ำมันให้ทั้งคุณและโทษ
หนังสือชื่อ Vision or Mirage (2021) เขียนไว้ว่า สำหรับคนซาอุฯ น้ำมันเป็นทั้งคุณประโยชน์และคำสาป น้ำมันเป็นแหล่งเงินทุนที่ขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจ ช่วยสร้างเสถียรภาพทางการเมืองมายาวนาน แต่เวลาเดียวกัน น้ำมันก็ทำให้ปัญหาเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ รุนแรงมากขึ้นเช่นกัน ซาอุฯยังคงพี่งพิงน้ำมันมากเกินไป ในอันที่จะรักษาการดำเนินธุรกรรมทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน การที่จะมีเงินลงทุน และการเติบโตทางเศรษฐกิจในอนาคต
ในช่วงเวลา 4 ปี จากปี 2007-2011 ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นเท่าตัว ตกลงมาครึ่งหนึ่ง แล้วก็เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว การแปรปรวนของราคาน้ำมัน ทำให้การวางแผนเศรษฐกิจมีปัญหาอย่างมาก นอกจากนี้ อุตสาหกรรมน้ำมันใช้เงินทุนสูง แต่การจ้างงานมีน้อย สัดส่วน 80% งบประมาณรัฐบาลซาอุฯ มาจากรายได้น้ำมัน และ 40% ของ GDP มาจากน้ำมัน
นอกจากนี้ รายได้จากน้ำมันที่ลดน้อยลงไป เพราะราคาน้ำมันในตลาดโลกตกต่ำลง แต่การอุดหนุนของรัฐบาล ในด้านราคาน้ำมันในประเทศ การผลิตไฟฟ้า และการผลิตน้ำจืด ทำให้ 20% ของการผลิตน้ำมันของซาอุฯ เป็นการสนองความต้องการในประเทศ การพัฒนาพลังงานหมุนเวียน รถยนต์ไฟฟ้า และกฎหมายสิ่งแวดล้อมในประเทศต่างๆ จะทำให้ความต้องการน้ำมันดิบของซาอุฯ ในตลาดโลกลดลง
Ahmed Zaki Yamani อดีตรัฐมนตรีน้ำมันที่มีชื่อเสียงของซาอุฯ เคยพูดประโยคที่โด่งดังไว้ว่า “ยุคหินไม่ได้มาถึงจุดอวสาน เพราะโลกเราขาดหิน”
Vision 2030
หนังสือชื่อ Mohammed bin Salman (2021) เขียนไว้ว่า โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน (Mohammed bin Salman) ที่มีพระนามย่อว่า MBS เป็นโอรสของกษัตริย์ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ (Salman bin Abdulaziz) ในเดือนมิถุนายน 2017 MBS ได้รับแต่งตั้งเป็นมกุฎราชกุมารแห่งซาอุดิอาระเบีย และยังดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหม และประธานสภากิจการเศรษฐกิจและการพัฒนา
การดำรงตำแหน่งประธานสภากิจการเศรษฐกิจฯ ทำให้ MBS สามารถผลักดันแผนพัฒนาเศรษฐกิจชื่อว่าVision 2030 ที่จะทำให้เมื่อสิ้นสุดทศวรรษ 2020 ซาอุฯจะก้าวข้ามภาวะการพึ่งพาและเสพติดน้ำมัน และกลายเป็น 1 ใน 15 ประเทศที่มั่งคั่งมากที่สุดของโลก
Vision 2030 จะทำให้ซาอุฯเป็นศูนย์กลางของโลก ในด้านการเงิน เศรษฐกิจ และไฮเทค ทำให้ซาอุฯคือ “หัวใจ” ของโลกอาหรับและอิสลาม และเป็น “ศูนย์กลางโลก” ที่เชื่อมโยงเอเชีย แอฟริกา และยุโรป
MBS มีเป้าหมายที่จะสร้าง กองทุนความมั่งคั่งของรัฐ (sovereign wealth fund) ที่ใหญ่สุดของโลก Vision 2030 ตั้งเป้าให้กองทุนนี้มีมูลค่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ หรือมีสัดส่วน 10% ของกองทุนในโลก ทำหน้าที่แบบเดียวกับกองทุนของนอร์เวย์ คือลงทุนในต่างประเทศ และนำรายได้เข้ารัฐ เพื่อชดเชยในเวลาที่น้ำมันราคาตก
Aramco เข้าตลาดหุ้น
แต่เรื่องที่เป็นข่าวใหญ่ตามสื่อต่างๆคือ MBS มีเป้าหมายที่จะขายหุ้นของบริษัทน้ำมัน Saudi Aramco ออกไป 5% ให้แก่นักลงทุน Aramco เป็นบริษัทน้ำมันที่มีผลกำไรมากที่สุดของโลก เป็นหนึ่งในบริษัทของโลกที่มีรายได้มากที่สุด Aramco ยังเป็นบริษัทที่มีน้ำมันดิบสำรองมากสุดอันดับ 2 ของโลก อยู่ที่ 257 พันล้านบาร์เรล แต่นับจากปี 1965 เป็นต้นมา
Aramco ก็เป็นบริษัทรายใหญ่สุดของโลก ที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนแก่โลกเรา
MBS เคยแถลงว่า Aramco มีมูลค่าถึง 2-2.5 ล้านล้านดอลลาร์ หรือมูลค่าพอๆกับ GDP ของอิตาลี การนำหุ้นออกขายครั้งแรก คาดว่าจะได้เงินอย่างน้อย 1 แสนล้านดอลลาร์ แต่การขายหุ้นครั้งแรกแก่นักลงทุนในวันที่ 11 ธันวาคม 2019 ราคาหุ้นพุ่งขึ้นจากราคาเสนอขายครั้งแรกที่ 32 ริยาล (8.53 ดอลลาร์) มาอยู่ที่ 35.2 ริยาล ทำให้ Aramco มีมูลค่าตลาดที่ 1.8 ล้านล้านดอลลาร์ แต่ในวันที่สองของการซื้อขาย มูลค่าของ Aramco เพิ่มมากกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ แต่หุ้นที่เสนอขายมีเพียง 1.5% ไม่ใช่ 5% ตามที่กำหนดไว้
Aramco เป็นบริษัทน้ำมันของรัฐบาลซาอุฯ หนังสือเสนอขายหุ้นระบุว่า ในปี 2018 มีรายได้สุทธิ 111 พันล้านดอลลาร์ เป็นเวลาหลายสิบปี Aramco เป็นเครื่องจักรสำคัญที่สุดของเศรษฐกิจซาอุฯ การขายหุ้นบางส่วนของ Aramco ให้นักลงทุนจึงเป็นยุทธศาสตร์พื้นฐานอย่างหนึ่งของ Vision 2030 ที่จะสร้างความทันสมัยแก่เศรษฐกิจซาอุฯ แผนพัฒนา Vision 2030 เปิดเผยออกมาครั้งแรกในปี 2016 ช่วงที่ MBS ยังดำรงตำแหน่งรองมกุฎราชกุมาร
โครงการเมกะโปรเจ็กต์
หนังสือ Mohammed bin Salman กล่าวว่า 4 ปีแรกของการครองอำนาจทางพฤตินัยของ MBS การปฏิรูปที่เห็นชัดเจนที่สุดคือเรื่อง เปิดตลาดของสังคมซาอุฯให้แก่ธุรกิจบันเทิง การเปิดรับรับนักท่องเที่ยว ทั้งในประเทศและต่างประเทศ MBS ต้องการให้ธุรกิจบันเทิงและการท่องเที่ยวเป็นปัจจัยสำคัญช่วยลดอัตราการว่างงานในหมู่เยาวชน ที่ปัจจุบันสูงถึง 36.6%
โครงการ Qiddiya เป็นเมกะโปรเจ็กต์ที่ 1 ในด้านความบันเทิง ที่เกิดขึ้นมาภายใต้แผนพัฒนา Vision 2030 เมื่อสร้างเสร็จในปี 2035 โครงการสวนสนุก Qiddiya ที่ตั้งอยู่ใกล้กับนครหลวงริยาด จะมีขนาด 2.5 เท่าของสวนสนุกดิสนีย์เวิลด์ รัฐฟลอริดา Qiddiya จะเป็นศูนย์กลางของโลก ด้านความบันเทิง วัฒนธรรม และกีฬา นครแห่งความบันเทิงนี้ ครอบคลุมพื้นที่ 366 ตารางกม. โครงการสนองเป้าหมายของ Vision 2030 ที่เมื่อถึงปี 2030 ซาอุฯกลายเป็นสังคมทันสมัย ก้าวหน้า เต็มไปด้วยพลังพลวัต และมีเศรษฐกิจที่เฟื่องฟู
เมกะโปรเจ็กต์ที่ 2 คือโครงการเมืองอัจฉริยะ NEOM อยู่ทางทางตะวันตกเฉียงเหนือ และติดกับทะเลแดง เมืองอัจฉริยะ NEOM ประกอบด้วยพื้นที่ชุมชนเมือง 6 แห่ง พลังงานที่ใช้ในเมืองอัจฉริยะทั้งหมด จะมาจากพลังงานหมุนเวียนของแสงแดดและลม คนที่อาศัยอยู่ในแต่ละชุมชน ขึ้นกับความเชี่ยวชายเฉพาะทางของคนๆนั้น คนพวกนี้จะทำงานกับเทคโนโลยีทันสมัยที่สุด ศึกษา disruption ที่จะขึ้นกับอุตสาหกรรมต่างๆ
คนในเมือง NEOM แทบไม่ต้องใช้รถยนต์ส่วนตัว เพราะรถไฟฟ้าทำให้สามารถเดินทางจากที่พักมาที่ทำงานหรือไปแหล่งพักผ่อนภายใน 7 นาที หุ่นยนต์ทำหน้าที่เก็บขยะ ทำความสะอาดแผงโซลาร์เซลล์ ให้บริการด้านการรักษาความปลอดภัย การสนับสนุนด้านโลจิสติกส์ การส่งสินค้าตามบ้านพัก และการดูแลสุขภาพ
โครงการ NEOM ยังประกอบด้วยโครงการรีสอร์ตเรียกว่า Amaala เป้าหมายของรีสอร์ตคือ “การท่องเที่ยวสุขภาพ” (wellness tourism) พื้นที่โครงการ Amaala อุดมไปด้วยแหล่งน้ำสะอาดบริสุทธิ์ หินปะการัง และเกาะเล็กเกาะน้อย
MBS ต้องการให้ Amaala เป็น 1 ใน 20 แหล่งท่องเที่ยวชั้นนำของโลก และกล่าวว่า “ดีกว่ามัลดิฟส์”
ซาอุฯตั้งเป้าให้ Amaala ดึง “กลุ่มนักท่องเที่ยวกำลังซื้อสูงสุดของโลก” ที่เรียกว่า ultra-high net worth individuals (UHNWIs) ปีหนึ่ง 2.5 ล้านคน โครงการสร้างที่พัก “บังกะโลน้ำ” จำนวน 1,500 แห่ง จะสามารถรองรับนักท่องเที่ยวแบบ UHNWIs ได้ถึง 2,500 คนในแต่ละช่วงเวลา
ที่ผ่านมา MBS เป็นสัญลักษณ์ของผู้นำการเปลี่ยนแปลงทางสังคม สตรีซาอุฯสามารถขับรถยนต์ เดินทางด้วยตัวเอง และไปทำงานได้ ส่วนการเสนอแผนพัฒนา Vision 2030 ที่จะรับมือปัญหาท้าทายทางเศรษฐกิจ ภารกิจนี้ยากลำบาก เพราะยังไม่มีประแทศไหนที่พึ่งพาน้ำมันสูงมาก จะประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจที่หลากหลาย
เพราะการเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของซาอุฯ ต้องอาศัยการปรับปรุงทักษะแรงงานที่เป็นอยู่ สร้างงานใหม่ขึ้นมาจำนวนมากมาย และสร้างภาคส่วนเศรษฐกิจ ที่ไม่เคยมีพื้นฐานมาก่อน หรือมีประสบการณ์น้อยมาก ในเวลาเดียวกัน ราคาน้ำมันก็ตกต่ำ จนจำกัดงบประมาณการใช้จ่ายของรัฐ
เอกสารประกอบ
Saudi Arabia, Thailand ‘turn new page in relations’ as prime minister visits, 26 January 2022, arabnews.com
Mohammed bin Salman, David B. Ottaway, Lynne Rienner Publisher, 2021.
Vision or Mirage: Saudi Arabia at the Crossroads, David H. Rundell, I.B. Tauris, 2021.