ThaiPublica > เกาะกระแส > Nobel Peace Prize รางวัลเกียรติยศสูงสุดของโลก หนทางสู่โลกที่ดีขึ้น มีได้หลายเส้นทาง

Nobel Peace Prize รางวัลเกียรติยศสูงสุดของโลก หนทางสู่โลกที่ดีขึ้น มีได้หลายเส้นทาง

12 ตุลาคม 2021


รายงานโดย ปรีดี บุญซื่อ

มาเรีย เรสซา (Maria Ressa) จากฟิลิปปินส์ (ซ้าย) และดมิทรี มูราทอฟ (Dmitri Muratov)(ขวา) จากรัสเซีย รางวัลโนเบลสันติภาพ ปี 2021 [caption id="attachment_255551" align="aligncenter" width="620"]

เมื่อวันศุกร์ 9 ตุลาคมที่ผ่านมา คณะกรรมการโนเบลของนอร์เวย์ (The Norwegian Nobel Committee) ได้ประกาศรายชื่อบุคคลที่ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพปี 2021 ได้แก่สื่อมวลชน 2 คน คือมาเรีย เรสซา (Maria Ressa) จากฟิลิปปินส์ และดมิทรี มูราทอฟ (Dmitri Muratov) จากรัสเซีย

แถลงการณ์ของคณะกรรมการโนเบลฯ ระบุถึงคุณค่าของสื่อมวลชนทั้ง 2 คน “ที่ต่อสู้อย่างกล้าหาญ เพื่อเสรีภาพในการแสดงออก สิ่งนี้เป็นเงื่อนไขสำหรับประชาธิปไตยและสันติภาพที่ยั่งยืน” ทั้งสองคนเป็นตัวแทนของสื่อมวลชนทั่วโลก ที่ยืนหยัดในอุดมคติ ในโลกที่ประชาธิปไตยและเสรีภาพของสื่อมมวลชน ต้องเผชิญกับภาวะที่ไม่เอื้ออำนวยมากยิ่งขึ้น

รางวัลแก่สื่อมวลชนเป็นครั้งที่ 3

[caption id="attachment_255518" align="aligncenter" width="413"] Maria Ressa ที่มาภาพ : nobelprize.org

ในรอบ 120 ปี นับเป็นครั้งที่ 3 ของรางวัลโนเบลสันติภาพ ที่มอบให้กับสื่อมวลชน ปี 1907 Ernesto Moneta บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ในอิตาลี และผู้นำขบวนการสันติภาพของอิตาลี เป็นสื่อมวลชนที่ได้รับรางวัลเป็นคนแรก ต่อมาในปี 1935 Carl von Ossietzky นักหนังสือพิมพ์เยอรมัน ที่คัดค้านพวกนาซี ได้รับรางวัลเป็นคนที่สอง

มาเรีย เรสซาเป็นนักหนังสือพิมพ์จากฟิลิปปินส์ เธอก่อตั้งสื่อดิจิทัลชื่อ Rapper ที่รายงานเจาะลึกเปิดโปงคอร์รัปชัน ในวงการรัฐบาลและการถือครองทรัพย์สินของผู้นำการเมืองระดับสูง ที่สะท้อนความขัดแย้งทางผลประโยชน์ และการรณรงค์ต่อต้านยาเสพติดด้วยวิธีการรุนแรง ของรัฐบาลประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เต้ คณะกรรมการโนเบลฯกล่าวว่า

“สื่อมวลชนที่อิสระและตั้งบนพื้นฐานข้อเท็จจริง เป็นไปเพื่อป้องกันการใช้อำนาจในทางที่ผิด การกล่าวเท็จ และการโฆษณาชวนเชื่อ”

ส่วนดมิทรี มูราทอฟ เป็นผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์อิสระชื่อ Novaya Gazeta ขึ้นในปี 1995 ที่ผ่านมา นักข่าวของหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ ถูกสังหารไปแล้ว 6 คน รวมทั้ง Anna Politkovskaya ที่ทำรายงานข่าวสงครามในเชชเนีย (Chechnya) หลังจากทราบข่าวการได้รับรางวัล ดมิทรี มูราทอฟ กล่าวว่า…

“การทำสงครามต่อสื่อมวลชน ก็คือการทำสงครามต่อประชาชน”

ดมิทรี มูราทอฟ (Dmitri Muratov) จากรัสเซีย

รางวัลทรงเกียรติที่สุดของโลก

ในแต่ละปี ทุกวันศุกร์สัปดาห์แรกหรือสัปดาห์ที่สองของเดือนตุลาคม คณะกรรมการโนเบลของนอร์เวย์ จะประกาศชื่อบุคคลที่ได้รับรางวัลโนเบลสันติภาพประจำปี ภายหลังจากที่ประธานคณะกรรมการฯ แถลงเสร็จ นักการเมืองชั้นนำและสื่อมวลชนทั่วโลก จะเริ่มวิจารณ์การตัดสินใจของคณะกรรมการฯ บางคนเห็นว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง บางคนตั้งข้อสงสัยว่า ทำไมคณะกรรมการฯ จึงตัดสินใจแบบนี้

หนังสือ The World’s Most Prestigious Prize (2019) กล่าวว่า ทำไมโลกเราก็ให้ความสนใจมากกับการตัดสินใจของคณะกรรมการโนเบลฯ ที่มีสมาชิก 5 คน โดยที่โลกเราไม่เคยรู้จักชื่อเสียงเรียงนามของคนเหล่านี้ นอร์เวย์เองก็เป็นประเทศเล็กๆ ทางเหนือสุดของยุโรป

ทั่วโลกมีรางวัลเกี่ยวกับสันติภาพกว่า 300 รางวัล ตัวแทนของรางวัลเหล่านี้ มักไปเยี่ยมสถาบันโนเบลของนอร์เวย์ และก็จะถามว่า ทำอย่างไรจะให้รางวัลของพวกเขา ทรงอิทธิพลอำนาจเหมือนรางวัลโนเบลสันติภาพ

ที่มาภาพ : https://www.amazon.com

Geir Lundestad ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ เป็นผู้อำนวยการสถาบันโนเบลนอร์เวย์ (Norwegian Nobel Institute) บอกว่า ไม่มียุคไหนที่รางวัลโนเบลสันติภาพ จะมีอิทธิพลเท่ากับปัจจุบันนี้อีกแล้ว Oxford Dictionary of Contemporary History อธิบายว่า รางวัลโนเบลสันติภาพ เป็น “รางวัลที่มีเกียรติยศมากที่สุดของโลก” นักเขียนอนุรักษ์นิยมอเมริกันชื่อ Jay Nordlinger เขียนวิจารณ์รางวัลโนเบลสันติภาพ เพราะนักการเมืองที่เขานิยม ไม่ได้รับรางวัล เช่นประธานาธิบดีโรนัลด์ รีแกน แต่เขายอมรับว่าไม่มีรางวัลไหน ที่จะมีเกียรติยศเท่ากับรางวัลโนเบลสันติภาพ ไม่ว่าจะเป็นรางวัลออสก้า

ในแต่ละปี จำนวนคนที่ได้รับการเสนอชื่อเพื่อชิงรางวัลจะมีจำนวนมากขึ้น ปี 1904 มีคนถูกเสนอชื่อ 22 คน ปี 1961 จำนวนเพิ่มเป็น 42 คน ปี 2016 มีจำนวน 376 คน และล่าสุดในปี 2021 มีการเสนอรายชื่อทั้งหมด 329 คน ก่อนหน้านี้ นิตยสาร Time คาดการณ์ว่า บุคคลหรือองค์กรที่มีโอกาส อย่างเช่น นักเคลื่อนไหวสิ่งแวดล้อม Gretra Thunberg องค์การอนามัยโลก หรือนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ จาซินดา อาร์เดิร์น

ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา คนที่มีชื่อเสียงได้รับรางวัลนี้ เป็นสิ่งนี้ช่วยให้คนทั่วโลกรับรู้ถึงรางวัลโนเบลสินติภาพ แต่ก็มีหลายคนที่ได้รับรางวัล ที่คนทั่วไปไม่รู้จักมาก่อนเลย ปี 2006 โมฮัมมัด ยูนุส ผู้ก่อตั้งธนาคาร Grameen Bank ได้รับรางวัลนี้ สื่อมวลชนหลายคนคิดว่า Grameen Bank เป็นชื่อของคนที่ได้รับรางวัลร่วมกัน

คณะกรรมการโนเบลฯให้ความสำคัญกับมอบรางวัลให้กับคนธรรมดา เมื่อสื่อมวลชนได้ไปค้นหาประวัติบุคคลคนดังกล่าว ก็จะพบเรื่องราวสำคัญๆ ที่นำมาเขียนประกอบข่าว เช่น Malala Yousafzai ที่ได้รางวัลในปี 2014 ในฐานะนักต่อสู้ด้านสิทธิมนุษยชน เกี่ยวกับโอกาสทางการศึกษาของสตรี ในพื้นที่ตะวันตกเฉียงเหนือปากีสถาน ที่กลุ่มตาลิบันห้ามเด็กผู้หญิงเข้าโรงเรียน

หนังสือเล่มนี้บอกว่า เป็นความจริงที่คณะกรรมการโนเบลฯ ขยายความหมายของความคิดเรื่องสันติภาพของ Alfred Nobel ให้กว้างออกไป หลักเกณฑ์หนึ่งของการให้รางวัลของ Alfred Nobel คือ “ภราดรภาพระหว่างประเทศ” ปี 1901 มีการมอบรางวัลครั้งแรกให้แก่งานด้านมนุษยธรรม โดย Henri Dunant ผู้ก่อตั้งองค์การการชาดสากลได้รับรางวัลนี้ ต่อมาขยายออกไปถึงเรื่องสิทธิมนุษยชน และงานด้านสิ่งแวดล้อม Alfred Nobel ยังให้หลักเกณฑ์อีกข้อหนึ่งของคือ การจัดการประชุมสมัชชาสันติภาพ

ปัจจัยสร้างความสำเร็จ

The World’s Most Prestigious Prize กล่าวว่า มีปัจจัย 4 ประการที่ทำรางวัลโนเบลสันติภาพ สร้างชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับทั่วโลก

ประการแรก มีอายุเก่าแก่มาแล้ว 120 ปี รางวัลสันติภาพอื่นๆ ส่วนใหญ่ตั้งขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เช่นรางวัล Seoul Peace Prize

ประการที่ 2 รางวัลโนเบลสันติภาพ เป็นสมาชิกในครอบครัวรางวัลโนเบลสาขาอื่นๆ ที่ได้รับการยอมรับโดยทั่วไปว่า ว่าคือรางวัลที่ดีที่สุดที่สาขาทางวิชาชีพ ในบางปี รางวัลโนเบลสันติภาพ ได้รับความสนใจมากกว่ารางวัลโนเบลสาขาอื่นๆมารวมกัน แต่รางวัลโนเบลสันติภาพจะไม่มีวันมีฐานะสูงส่ง หากไม่มีรางวัลโนเบลสาขาอื่นๆ

ประการที่ 3 เกียรติยศของรางวัลนี้ มาจากตลอด 120 ปีที่ผ่านมา คณะกรรมการฯได้วางรากฐาน ที่หนักแน่นไว้ในการคัดเลือกบุคคลที่ได้รับรางวัล แต่ก็มีกรณีผิดพลาดที่ร้ายแรง เช่น มหาตะมะ คานธี ผู้นำการต่อสู้แบบอหิงสาของศตวรรษที่ 20 ไม่ได้รับรางวัลนี้ คณะกรรมการฯเตรียมที่จะมอบรางวัลแก่คานธีในปี 1948 เพราะคานธีได้รับการเสนอชื่อมาแล้ว 5 ครั้ง ในการเสนอชื่อครั้งแรกๆ นอร์เวย์ยังกลัวอิทธิพลอังกฤษอยู่ แต่คานธีก็มาถูกลอบสังหารเสียก่อน

ประการที่ 4 รางวัลโนเบลสันติภาพ มีลักษณะยืดหยุ่น แนวคิดคำว่าสันติภาพขยายกว้างออกไป และตัวรางวัลเองมีลักษณะนานาชาติมากขึ้น ในช่วงที่ผ่านมา ผู้หญิงได้รับรางวัลโนเบลสันติภาพไปแล้ว 17 คน แต่ในระยะ 25 ปีที่ผ่านมา มีจำนวนทั้งหมด 10 คน

สถาบัน The Norwegian Nobel Institute, กรุงออสโล นแร์เวย์ ที่มาภาพ :https://www.nobelpeaceprize.org/about-us/nobel-institute/

อนาคตของการให้รางวัลสันติภาพ

The World’s Most Prestigious Prize กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมา จุดได้เปรียบของรางวัลโนเบลสันติภาพ คือการมีลักษณะนานาชาติ ทุกครั้งที่รางวัลมอบให้กับบุคคลที่มาจากประเทศใหม่ๆ รางวัลจะได้รับความสนใจมากขึ้น จุดนี้แตกต่างจากรางวัลสาขาทางวิทยาศาสตร์ ที่มักกระจุกตัวอยู่ในประเทศมั่งคั่ง เพราะมีเงินทุนสนับสนุนมหาวิทยาลัยและห้องทดลอง

แต่ผลงานของคนที่มีส่วนสร้างสันติภาพในโลก สามารถมาจากคนจำนวนมากที่กระจายอยู่ทั่วโลก แต่ก็ยังมีหลายภูมิภาคหรือหลายประเทศ ที่ยังไม่มีคนที่เคยได้รับรางวัลโนเบลสันติภาพนี้เลย

สิ่งสำคัญต่อเกียรติยศของรางวัลคือการที่หลายภูมิภาคและหลายประเทศ ถูกดึงเข้ามาอยู่ในอยู่ในข่ายการพิจารณาการให้รางวัลนี้

คณะกรรมการโนเบลฯ มีทัศนะว่า หนทางไปสู่สันติภาพนั้น มีได้หลายเส้นทางที่แตกต่างกัน ผู้คนในโลกอาจสับสนเมื่อยาสเซอร์ อาราฟัด อดีตผู้นำปาเลสไตน์ และแม่ชีเทเรซ่า ต่างก็ได้รับรางวัลโนเบลสันติภาพเหมือนกัน

คนในโลกต้องยอมรับว่า การที่โลกเราจะมุ่งไปสู่ภาวะสันติ สิ่งนี้เกิดขึ้นได้ในหลายวิธีการ การไปทำให้มีเหลือแค่เส้นทางเดียว ย่อมทำให้ฐานะของรางวัลสันติภาพนี้อ่อนแอลงไป

ผู้เขียนกล่าวว่า นับจากปี 1990-2019 ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสันติภาพที่มาจากเอชัย มีอยู่ 10 คน จากแอฟริกา 8 คน จากยุโรป 5 คน จากอเมริกาเหนือ 4 คน จากตะวันออกกลาง 3 คน และจากลาตินอเมริกา 2 คน เนื่องจาก 60% ของประชากรโลก อาศัยอยู่ในเอเชีย คณะกรรมการฯไม่เคยลืมว่า ในการคัดเลือกผู้ได้รับรางวัลโนเบลสันติภาพนั้น จะต้องพยายามสะท้อนสิ่งนี้เช่นกัน

เอกสารประกอบ
Nobel Peace Prize Awarded to 2 Journalists, HightLighting Fight for Press Freedom, October 8, 2021, nytimes.com
The World’s Most Prestigious Prize, Geir Lundestad, Oxford University Press, 2019.