ThaiPublica > ประเด็นร้อน > COVID-19 พลิกโลก > กลุ่ม ปตท. ตั้ง “หน่วยคัดกรอง-รพ.สนามครบวงจร” ช่วยผู้ป่วยโควิดครบวงจร

กลุ่ม ปตท. ตั้ง “หน่วยคัดกรอง-รพ.สนามครบวงจร” ช่วยผู้ป่วยโควิดครบวงจร

11 สิงหาคม 2021


ที่มาภาพ : www.Thaigov.go.th

นายกฯ เปิด “หน่วยคัดกรอง-รพ.สนามครบวงจร” ของกลุ่ม ปตท. ช่วยผู้ป่วยโควิด ฯ ตรวจ-รักษาอย่างรวดเร็ว เล็งขยายความร่วมมือรัฐ-เอกชน ไปพื้นที่อื่นต่อไป

เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานพิธีเปิดหน่วยคัดกรองผู้ป่วย COVID-19 และโรงพยาบาลสนามครบวงจร (End to End) ภายใต้โครงการ “ลมหายใจเดียวกัน” ของกลุ่ม ปตท. โดยมีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนนรีว่าการกระทรวงพลังงาน , นายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี , ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ทศพร ศิริสัมพันธ์ ประธานกรรมการ บริษัท ปตท. , นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และผู้บริหารบริษัทในเครือ ปตท.เข้าร่วมพิธี ณ ห้องภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล

โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า วันนี้รู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่มาเป็นประธานในพิธีเปิดหน่วยคัดกรองผู้ป่วยโควิด-19 และโรงพยาบาลสนามครบวงจร แบบเอ็นทูเอ็นภายใต้โครงการ “ลมหายใจเดียวกัน” ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาน) และบริษัทในเครือที่ได้มีการประสานงานความร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุขและพันธมิตรทางการแพทย์ ที่ผ่านมารัฐบาลได้เร่งดำเนินการทุกมาตรการ เพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 ในประเทศไทยโดยมีการทำงานและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิดมาตลอด ทั้งในเรื่องของการดำเนินการตรวจคัดกรองเชิงรุกให้กับประชาชนกลุ่มเสี่ยง เพื่อค้นหาผู้ติดเชื้อ โควิด-19 ในชุมชนให้มีความรวดเร็วและทั่วถึงมากยิ่งขึ้น และพยายามเร่งฉีดวัคซีน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ , เปิดช่องทางการเข้าถึงการรักษาพยาบาล , กำหนดแนวทางการดูแลผู้ป่วยที่บ้าน และ ดูแลผู้ป่วยในชุมชน รวมทั้งการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามต่าง ๆ เพื่อรองรับผู้ป่วยที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น พร้อมทั้งได้มีการพัฒนาศักยภาพของโรงพยาบาลสนามให้สามารถรองรับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงได้มากขึ้น

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาขอขอบคุณในความร่วมมือของภาคเอกชนที่ได้เข้ามามีส่วนร่วมกับภาครัฐในการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด – 19 ในด้านต่าง ๆ และผมขอขอบคุณ และชื่นชม กลุ่มบริษัท ปตท.ที่ได้สนับสนุนงบประมาณ รวมถึงการนำความรู้ความเชี่ยวชาญทางด้านวิศวกรรมมาคิดค้นอุปกรณ์ เพื่อช่วยเหลือการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งจะสามารถนำมาใช้ช่วยเหลือด้านสังคม โดยความร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุข และพันธมิตรทางการแพทย์ในการจัดทำโครงการ “ลมหายใจเดียวกัน” เพื่อช่วยเหลือประชาชน และเพิ่มขีดความสามารถในการดูแลผู้ป่วยให้มีช่องทางในการเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้มากขึ้น

“วันนี้เราพยายามที่จะทำวิกฤติเหล่านั้น ให้เป็นโอกาส โดยรัฐบาลได้ให้ความสำคัญทั้ง 2 ด้านด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเศรษฐกิจ และในเรื่องของสุขภาพ ต้องเดินไปด้วยกัน การจัดทำโครงการ “ลมหายใจเดียวกัน” ขึ้นมา เพราะเราเป็นคนไทยด้วยกัน โดยเฉพาะในช่วงเวลาวิกฤตินั้นเราได้เห็นถึงความร่วมมือกันทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ , ภาคเอกชน ต่าง ๆ ก็เข้ามาระดมสรรพกำลังช่วยเหลือรัฐบาลและประชาชน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมารัฐบาลได้มีการดำเนินงานในเรื่องนี้อย่างเป็นแผนงานมาโดยตลอดมีทั้งเป็นแผนงานหลัก และแผนงานรอง รวมทั้งแผนงานเผชิญเหตุตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยในช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมา เริ่มต้นตั้งแต่การใช้ระบบการสาธารณสุขแบบปกติ แต่เมื่อสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด ฯ เพิ่มมากขึ้น รัฐบาลก็ได้ประกาศใช้พระราชกำหนดสถานการณ์ฉุกเฉิน ฯ เพื่อที่จะบูรณาการใช้ทรัพยากรบุคคลที่มีอยู่ทั้งพลเรือน , ตำรวจและทหาร มาช่วยกันดูแลประชาชน ช่วงแรก ๆ ไม่ค่อยมีปัญหามากนัก แต่ในระยะต่อมาเนื่องจากมีการแพร่ระบาดของโควิด ฯ เพิ่มมากขึ้น รัฐบาลก็จำเป็นต้องปรับแผนในเรื่องของการดูแลประชาชนให้ทันต่อสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการจัดตั้งโรงพยาบาลสีเขียว เพื่อแบ่งเบาภาระในการเข้าไปรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลหลักที่มีปัญหาเรื่องเตียงรักษาผู้ป่วยไม่พอ วันนี้รัฐบาลก็มีการปรับแผนตามสถานการณ์ โดยมีการพัฒนาโรงพยาบาลสนามสีเขียวให้เป็นโรงพยาบาลสนามสีเหลือง และพัฒนาไปสู่โรงพยาบาลสนามสีแดง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรักษาพยาบาลผู้ป่วยให้มากขึ้น

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
ที่มาภาพ : www.thaigov.go.th

“สิ่งที่สำคัญในตอนนี้ คือ ต้องเร่งฉีดวัคซีน ซึ่งรัฐบาลกำลังดำเนินการไปตามจำนวนวัคซีนที่ได้รับการส่งมอบมาขณะเดียวกันก็มีเรื่องที่น่ายินดี คือ ในวันนี้ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาหายมียอดใกล้เคียง หรือ มากกว่า ผู้ติดเชื้อรายใหม่ประจำวัน สะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการทำงานของรัฐบาลเริ่มที่จะดีขึ้น แต่ก็ยังไม่เป็นที่ไว้วางใจ ดังนั้น การจัดทำโรงพยาบาลสนามแบบครบวงจรนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงานตั้งแต่หน่วยงานต้นทาง , กลางทางและปลายทาง สะท้อนให้เห็นถึงความร่วมมือร่วมใจ ความเสียสละของบุคลากรทุกคนที่ร่วมมือกันจัดตั้งโรงพยาบาลสนามครบวงจรในวันนี้ และหวังอย่างยิ่งว่าจะเป็นแบบอย่างให้กับในพื้นที่อื่นในอนาคตอันใกล้นี้ ซึ่งอาจจะขยายออกไปสู่หลายพื้นที่ด้วยกัน ถ้าเป็นไปได้ แต่สิ่งสำคัญที่สุด คือ ภาคเอกชน หรือ ภาคธุรกิจอื่น ๆพร้อมที่จะช่วยเหลือรัฐบาล ช่วยเหลือประชาชน ก็อาจจะใช้โครงการนี้เป็นแบบอย่างในการดำเนินงานในพื้นที่อื่นต่อไป ผมคิดว่าน้ำใจเรามีให้กันเสมอมา เราน่าจะทำได้เพราะเรามีลมหายใจเดียวกัน คือ ช่วยเหลือประชาชนและเพิ่มขีดความสามารถในการดูแลผู้ป่วยให้มีช่องทางในการรักษาพยาบาลเพิ่มมากขึ้น” นายกรัฐมนตรี กล่าว

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ได้กล่าวขอบคุณน้ำใจของกลุ่มบริษัท ปตท. ที่มีต่อรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุข ก็หวังอย่างยิ่ง สิ่งที่ทำวันนี้จะเป็นบุญกุศลให้กับท่านและครอบครัว ประสบความสำเร็จในอาชีพงาน และมีสุขภาพที่ดีทุกคน รวมถึงประชาชนทั่วไปที่จะได้รับการดูแลในลักษณะเช่นนี้ต่อไป ในโอกาสนี้ผมขอเปิดโครงการหน่วยกรองโควิด-19และโรงพยาบาลสนามแบบครบวงจร แบบ End to End ภายใต้โครงการ “ลมหายใจเดียวกัน” ของกลุ่มบริษัท ปตท.อย่างเป็นทางการ และขอให้บรรลุประสงค์ตามความต้องการของกลุ่มบริษัท ปตท. และทุกภาคส่วนที่มีส่วนเกี่ยวข้องที่ต้องการช่วยเหลือประชาชนสังคมประเทศชาติต่อไป

“อย่างไรก็ตามการพัฒนาการดำเนินการของเราในเรื่องนี้ยังไม่สิ้นสุด ตราบใดถ้าโควิดยังไม่หมดจากโลกใบนี้ หรือ หมดไปจากประเทศไทย และเราจะอยู่กับเขาได้อย่างไรในอนาคตอันใกล้นี้ และหลังจากโลกโควิดฯได้สิ้นสุดไปแล้ว คาดการณ์ว่าคงจะต้องใช้เวลานานอีกพอสมควร ซึ่งทุกประเทศก็มีความเดือดร้อนเช่นเดียวกัน แต่การรวมพลังของเราเช่นนี้ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม จะทำให้ประเทศไทยเราอยู่รอด และก้าวเดินต่อไปข้างหน้าได้อย่างมีศักดิ์ศรี และจะเป็นการพัฒนาประเทศไปสู่ประเทศไทยในโลกยุค new normal ซึ่งจะต้องมีการเติบโตไปได้ในทุกสาขา , ทุกอาชีพ , ทุกกลุ่มเศรษฐกิจ ทำให้ประชาชนได้รับพัฒนาคุณภาพชีวิต การศึกษาที่ดีขึ้น สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ประเทศไทยต้องเดินหน้าสู่การเปลี่ยนแปลงให้เร็วที่สุด ถึงแม้จะมีสถานการณ์โควิด ฯเข้ามาก็ตาม เราก็ต้องเร่งดำเนินการในระหว่างนี้ เพื่อให้เกิดความพร้อมในการพัฒนาประเทศไทยไปสู่ประเทศไทยยุคใหม่ต่อไป ขอขอบคุณทุกท่านอีกครั้ง” นายกรัฐมนตรีกล่าว

ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ทศพร ศิริสัมพันธ์ ประธานกรรมการ ปตท. เปิดเผยถึงการผนึกกำลังของกลุ่ม ปตท. ครั้งนี้ว่า บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และบริษัทในกลุ่ม มีเจตนารมณ์ในการช่วยเหลือประชาชน และพร้อมแบ่งเบาภาระของภาครัฐ จึงได้ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข สถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง (สปคม.) สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และพันธมิตรทางการแพทย์ ได้แก่ มูลนิธิโรงพยาบาลในเครือบางปะกอกฯ และโรงพยาบาลปิยะเวท จัดตั้ง “หน่วยคัดกรอง และโรงพยาบาลสนามครบวงจร (End-to-End) ภายใต้โครงการลมหายใจเดียวกัน” ขึ้น ถือเป็นครั้งแรกที่ภาคเอกชนร่วมมือกับภาครัฐในการดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด-19 แบบครบวงจร หวังที่จะมีส่วนช่วยลดการเสียชีวิต บรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน และหยุดยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 โดยเร็วที่สุด

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท.

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์วิกฤตโควิด-19 ยังคงรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิต ยังมีจำนวนมาก ปตท. และบริษัทในกลุ่ม เล็งเห็นว่าเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่สำคัญยิ่ง ที่ต้องร่วมช่วยเพิ่มศักยภาพให้ระบบสาธารณสุข เพื่อให้มีขีดความสามารถในการดูแลรักษาผู้ป่วยได้อย่างเพียงพอและทั่วถึงมากขึ้น โดยหน่วยคัดกรองและโรงพยาบาลสนามครบวงจร (End-to-End)” แห่งนี้ กลุ่ม ปตท. มีความตั้งใจให้มีการดำเนินการที่มุ่งเน้น “ตรวจเร็ว แยกเร็ว รักษาเร็ว” สร้างความอุ่นใจให้แก่ประชาชน ประกอบด้วย 4 จุดหลัก ได้แก่

จุดที่ 1 หน่วยคัดกรอง โครงการลมหายใจเดียวกัน ณ อาคาร EnCo Terminal หรือ Enter ของบริษัท เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ จำกัด กลุ่ม ปตท. ถ.วิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ เพื่อใช้เป็นจุดคัดกรองสำหรับกลุ่มเสี่ยง โดยร่วมมือกับ สปคม. มีการวางระบบดิจิทัลเพื่อลงทะเบียน และตรวจโดยใช้ชุดตรวจ Antigen test kit และหากพบว่ามีการเสี่ยงติดเชื้อ จะนำส่งตรวจ RT-PCR ต่อไป สำหรับผู้ป่วยที่ตรวจพบเชื้อโควิด-19 ระดับสีเขียว ที่สามารถดูแลตนเองเบื้องต้นที่บ้านหรือในชุมชน (Home or Community Isolation) จะได้รับมอบ “กล่องพลังใจ คนไทยไม่ทิ้งกัน” ที่ ปตท. จัดทำขึ้น ประกอบไปด้วยชุดอุปกรณ์การทางแพทย์ ยาฟาวิพิราเวียร์ ฯลฯ และมีระบบติดตามอาการด้วย

ขณะที่จุดที่ 2 , 3 และ 4 จัดเตรียมเป็น โรงพยาบาลสนามครบวงจรภายใต้โครงการลมหายใจเดียวกัน เพื่อรองรับการรักษาผู้ป่วยที่ตรวจพบเชื้อโควิด-19 ทุกระดับความรุนแรง ภายใต้การดูแลของบุคลากรทางการแพทย์จากโรงพยาบาลปิยะเวท อีกทั้งโรงพยาบาลสนามครบวงจรแห่งนี้ เป็นการระดมกำลังของกลุ่ม ปตท. ทั้งด้านนวัตกรรม เทคโนโลยี และผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เพื่อแบ่งเบาภาระและบรรเทาปัญหาการขาดแคลนเตียงในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดย “โรงพยาบาลสนาม” สำหรับผู้ป่วยระดับ “สีเขียว” เปิดให้บริการในรูปแบบของ Hospitel กระจายไปในหลายโรงแรมในกรุงเทพฯ จำนวนกว่า 1,000 เตียง รองรับผู้ป่วยที่ส่งต่อมาจากหน่วยคัดกรองอย่างเป็นระบบ “โรงพยาบาลสนาม” สำหรับผู้ป่วยระดับ “สีเหลือง” สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการในระดับหนักขึ้น เปิดให้บริการ ณ โรงแรมเดอะบาซาร์ กรุงเทพฯ จำนวน 300 เตียง และ “โรงพยาบาลสนาม” สำหรับผู้ป่วยระดับ “สีแดง” จัดสร้างโรงพยาบาลสนามระดับวิกฤต ICU บนพื้นที่ 4 ไร่ โดยปรับพื้นที่โล่งของโรงพยาบาลปิยะเวทเป็นสถานที่ก่อตั้ง รองรับผู้ป่วยจำนวน 120 เตียง

นอกจากนี้ บริษัทในกลุ่ม ปตท. ยังได้คิดค้นนวัตกรรม ผลิตอุปกรณ์ และครุภัณฑ์ทางการแพทย์ มาสนับสนุนอย่างเต็มกำลัง อาทิ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) สนับสนุนหุ่นยนต์ “CARA” ช่วยบุคลากรทางการแพทย์ในการส่งอาหาร อุปกรณ์แก่ผู้ป่วย และ “Xterlizer UV Robot” หุ่นยนต์ฆ่าเชื้อโรคอัตโนมัติด้วยแสง UV บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) สนับสนุนผลิตภัณฑ์นวัตกรรม อาทิ หมวกอัดอากาศความดันบวก PAPR ชุดป้องกันการติดเชื้อ PE Gown ชุดตรวจคัดกรอง Rapid Test บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) คิดค้นนวัตกรรมช่วยเหลือผู้ป่วย อาทิ เตียงสนามพลาสติกที่สามารถรับน้ำหนักได้สูง ชุดป้องกันการติดเชื้อ อุปกรณ์พลาสติก อาทิ ช้อนส้อม ถังขยะอันตราย กล่องอเนกประสงค์ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) สนับสนุนน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับการขนส่งเดินทางดูแลผู้ป่วยและบุคลากร บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) สนับสนุนชุดตรวจ Antigen Rapid Test ซึ่งเป็นนวัตกรรมภายใต้ความร่วมมือของบริษัทกับ สวทช. บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) สนับสนุนการดูแลบุคลากรทางการแพทย์ ด้วยเครื่องดื่มจากร้านกาแฟคาเฟ่ อเมซอน น้ำดื่มจิฟฟี่ และหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ รวมถึงบริษัท เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ จำกัด จัดพื้นที่อาคาร Enter เป็นจุดคัดกรองโควิด-19 บริษัท พีทีที ดิจิตอล โซลูชั่น จำกัด จัดการระบบดิจิทัลสำหรับการลงทะเบียน และบริษัท บิซิเนส เซอร์วิสเซส อัลไลแอนซ์ จำกัด บริหารระบบการตรวจคัดกรองโควิด-19 อีกด้วย

อนึ่ง กลุ่ม ปตท. ได้จัดตั้ง “โครงการลมหายใจเดียวกัน” เพื่อสนับสนุนการแก้ปัญหาวิกฤตโควิด-19 ของประเทศ มาอย่างต่อเนื่อง ร่วมเป็นพลังต่อลมหายใจของประชาชน รวมถึงเศรษฐกิจของประเทศให้เดินหน้าต่อไป โดยที่ผ่านมาได้ส่งมอบเครื่องช่วยหายใจ เครื่องให้ออกซิเจนอัตราไหลสูง กว่า 400 เครื่อง สนับสนุนออกซิเจนเหลว อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นแก่หน่วยงานรัฐ โรงพยาบาลในพื้นที่วิกฤตและมีความจำเป็นเร่งด่วน กว่า 300 แห่งทั่วประเทศ พร้อมสนับสนุนงบประมาณและอุปกรณ์ทางการแพทย์ในการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม 7 แห่ง ร่วมกับกรุงเทพมหานคร จัดหน่วยวัคซีนเคลื่อนที่เชิงรุกใน 4 พื้นที่เปราะบางและมีความเสี่ยงสูง รวมถึงเดินหน้าโครงการ Restart Thailand ต่อเนื่อง ทำให้มีอัตราการจ้างงานภายในประเทศเพิ่มขึ้นกว่า 25,000 อัตรา ซึ่งนับตั้งแต่ต้นปี 2563 จนถึงปัจจุบัน กลุ่ม ปตท. ได้สนับสนุนความช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์ ร่วมบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน รวมเป็นงบประมาณกว่า 1,700 ล้านบาท

กลุ่ม ปตท. ขอเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนและส่งเสริมการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ ที่กำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ด้วยเชื่อว่าคนไทยทุกคนล้วนมีลมหายใจเดียวกัน จึงขอเป็นกำลังใจให้บุคลากรทางการแพทย์และคนไทยก้าวผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกัน