ThaiPublica > เกาะกระแส > นายกฯ เผยปรับ ครม. เสร็จในต้น เม.ย. นี้ ยันโควตาเดิม-มติ ครม. อนุมัติงบฯ 6,387 ล้าน จ่ายค่าวัคซีน 35 ล้านโดส

นายกฯ เผยปรับ ครม. เสร็จในต้น เม.ย. นี้ ยันโควตาเดิม-มติ ครม. อนุมัติงบฯ 6,387 ล้าน จ่ายค่าวัคซีน 35 ล้านโดส

2 มีนาคม 2021


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
ที่มาภาพ: www.thaigov.go.th

นายกฯ เผยปรับ ครม.เสร็จในต้น เม.ย.นี้ ยันโควตาเหมือนเดิม-สั่งไปรษณีย์จัดหาเอกซเรย์สแกนหาพัสดุผิด กม. – มติ ครม.อนุมัติงบฯ 6,387 ล้าน จ่ายค่าวัคซีนโควิดฯ 35 ล้านโดส-ต่อสัมปทานปิโตรเลียมบนบกให้ “เอ็กซอน โมบิล” 10 ปี – กรมควบคุมโรค เล็งออก “วัคซีนพาสปอร์ต”

เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาลมีการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยมี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นประธาน ซึ่งการประชุม ครม. ในวันนี้ได้กลับมาประชุมในระบบปกติ เนื่องจากการผ่อนคลายของสถานการณ์โควิด-19

ยันไม่เคยสั่ง สธ. ตุนวัคซีนฉีด “วีไอพี” ย้ำจัดสรรเป็นเรื่อง คกก.

พล.อ. ประยุทธ์ ตอบคำถามถึงกรณีมีการกักตุนวัคซีนให้บุคคลหรือแขกระดับวีไอพีว่า ตนคิดว่าต้องไปดูในรายละเอียดอีกครั้งหนึ่งเพราะตนไม่ได้สั่งแบบนั้น และทางกระทรวงสาธารณสุขก็ยืนยันว่าไม่ได้สั่งแบบนั้น ดังนั้น จึงเป็นเรื่องของคณะกรรมการประจำจังหวัดที่จะต้องดำเนินการให้เป็นธรรมตามที่กำหนดไว้แล้วคือ เราต้องดูแลประชาชนไปด้วย ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงบุคลากรทางการแพทย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่เป็นพื้นที่ท่องเที่ยว

“ช่วงแรกจะมีปัญหาอยู่บ้างเพราะวัคซีนที่เข้ามามีจำนวนจำกัด เดี๋ยวรอต่อไปทุกอย่างจะดีขึ้นเอง วันนี้ได้อนุมัติงบประมาณสำหรับจัดหาวัคซีนในลอตที่ 2 แล้ว คาดว่าเราสามารถที่จะฉีดให้จนครบ 60 เปอร์เซ็นต์ของคนในประเทศ ไม่ถึง 66 ล้านคนอยู่แล้ว ซึ่งเมื่อหักจำนวนเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีออกไป ก็จะอยู่ที่จำนวนประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ ตรงนี้คือตัวสุดท้าย ก็ขอให้มีความเชื่อมั่นในการจัดหารายการฉีดวัคซีนการดำเนินการใดๆ ก็ตามเป็นเรื่องของแต่ละจังหวัด ที่จะต้องทำให้เกิดความโปร่งใสเป็นธรรมให้มากที่สุด”

ยืนยันว่า ตนไม่ได้มีนโยบายในเรื่องของการกักเก็บกักตุนไว้ให้ใคร แต่จำเป็นต้องวางแผนการแจกจ่ายให้เป็นไปตามกำหนดตามจำนวนวัคซีนที่มีอยู่ พร้อมกันนี้ได้กล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ทำให้การนำวัคซีนลอตแรกเข้ามา และการฉีดวัคซีนเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

เผยปรับ ครม. เสร็จไม่เกินต้น เม.ย. นี้ ยันโควตาเหมือนเดิม

พล.อ. ประยุทธ์ ตอบคำถามถึงการปรับ ครม. ประยุทธ์ 2/3 ว่า จะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ ซึ่งตนได้มีการหารือกับพรรคการเมืองเรียบร้อยหมดแล้ว แต่สุดท้ายก็เป็นเรื่องของนายกฯ ที่จะตัดสินใจก็จะต้องทำให้ได้เร็วที่สุด ในปลายเดือนมีนาคม ต้นเมษายนนี้ ส่วนจะปรับเพียงตำแหน่งที่ว่าหรือไม่นั้นตนกำลังคิดอยู่

“วันนี้ก็เป็นการแต่งตั้งการรักษาการเป็นการชั่วคราว ก็คงไม่นานนัก ก็คงทำงานสานต่อแนวทางเดิมจนกว่าที่จะมีรัฐมนตรีว่าการคนใหม่ขึ้นมาแค่นั้นเอง ซึ่งพรรคร่วมยังไม่ได้แสดงเจตนารมณ์ถ้ามีเขาก็จะบอกมาเอง แต่ตอนนี้ยังไม่มี พูดคุยกับหัวหน้าพรรคก็ยังไม่มี มันขัดแย้งกันเยอะอยู่แล้วอย่าเอาอะไรอีกเลย ผมคิดว่าผมสามารถควบคุมทุกอย่างให้เป็นไปตามแนวปฏิบัติที่ดีทั้งของเราทางการเมืองการบริหารราชการแผ่นดินเรา อยู่อำนาจบริหารก็อยู่บริหาร นิติบัญญัติก็อยู่นิติบัญญัติ ตุลาการก็อยู่กับตุลาการไป”

เมื่อถามย้ำว่า ที่นายกฯ ระบุว่า ได้คุยกับพรรคร่วมแล้วแสดงว่าโควตาทุกอย่างยังเป็นเหมือนเดิมใช่หรือไม่ พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็ยังเป็นเหมือนเดิมอยู่

ส่วนพรรคเล็กรวมตัวแถลงข่าวขอเก้าอี้รัฐมนตรีนั้น พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็แถลงไป เป็นเรื่องของหัวหน้าพรรคขนาดใหญ่เขาคุยกัน

แจง “ห้องเย็น” ไม่ได้มีแค่ EEC วอนอย่าบิดเบือน

พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนในเรื่องของห้องเย็นเยือกแข็ง ซึ่งเมื่อวานในการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ได้มีการพิจารณาให้เพิ่มเติมด้วย ซึ่งจริงๆ แล้วห้องเย็นเยือกแข็งนั้นมีอยู่หลายแสนตันอยู่แล้วในปัจจุบันไม่ใช่ไม่มีเลย ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้เสนอมาแล้วในหลายพื้นที่ด้วยกันรวมปริมาณทั้งในเรื่องของผลไม้ ประมงต่างๆ

“มันมีอยู่แล้วผมไม่อยากให้หลายคนเอามาบิดเบือนว่ายังไม่มี แล้วก็เป็นความคิดเห็นของเขา เป็นการใช้ประโยชน์จากที่เขาทำอยู่แล้วไปขยายดังนั้นต้องชี้แจงเพิ่มเติมให้ด้วย”

เผยยอดร้องเรียน “บ่อน-แรงงานเถื่อน” ลดอย่างมีนัยสำคัญ

พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องของการแจ้งข้อมูลการทำผิดกฎหมาย วันนี้ยอดที่แจ้งมารายวันรายสัปดาห์ลดลงอย่างมีนัยสำคัญแสดงว่า ข้อมูลจากที่ส่งขึ้นมานั้นนายกรัฐมนตรีได้ส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการ ในเรื่องของบ่อน เรื่องของแรงงานผิดกฎหมายเหล่านี้ก็ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เพราะทุกเรื่องผมได้สั่งการเน้นย้ำไปว่าทุกคนต้องปฏิบัติแก้ไขปัญหา และดำเนินการใช้กระบวนการทางกฎหมายให้เสร็จสิ้นโดยเร็วอย่างรัดกุม

หวังได้คนดีเป็นกรรมการ กสทช.

พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้พระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ และกำกับการประกอบกิจการวิทยุและกระจายเสียงวิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2564 (พ.ร.บ. กสทช.) ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ลงพระปรมาภิไธยลงมาแล้วก็อยู่ระหว่างขั้นตอนการคัดสรรตามกฎหมายใหม่ อันนี้เรียนเพื่อทราบอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการทั้งสิ้นภายใน 15 วัน ก็หวังว่าจะได้คนที่ดีๆ เข้ามาทำงานตรงนี้มันต้องผ่านกระบวนการคัดสรรคัดกรองและต้องผ่านความเห็นชอบจากด้วยนายกไม่เข้าไปแทรกแซงตรงนี้

โดยในวันเดียวกันมีรายงานว่า เว็บไซต์ ราชกิจจานุเบกษา ได้ประกาศพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ และกำกับการประกอบกิจการวิทยุและกระจายเสียงวิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่4) พ.ศ. 2564 (คลิกเพื่ออ่านรายละเอียด)

สั่งไปรษณีย์จัดหา X-ray สแกนหาพัสดุผิด กม.

พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ตนได้สั่งการให้ไปดูในเรื่องของไปรษณีย์ว่าเราสามารถที่จะมีเครื่องไม้เครื่องมือหรืออุปกรณ์เอกซเรย์ มากขึ้นได้มากน้อยเพียงใด เพราะสถานการณ์ในวันนี้ก็มีการส่งพัสดุที่ผิดกฎหมายเป็นจำนวนมากพอสมควร ซึ่งตนได้ให้แนวทางปฏิบัติแล้วจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็วๆ

ส่วนเรื่องของการเข้มงวดในเรื่องของการออกพาสปอร์ตต่างๆ ก็ต้องเข้มงวดมากขึ้นตนไม่อยากให้มีคนต่างประเทศที่เข้ามาแล้วสร้างความเสียหายหรือผลกระทบต่อประเทศไทยโดยรวม ซึ่งได้ย้ำเตือนต่อที่ประชุมต่อกระทรวงการต่างประเทศไปแล้ว

เชื่อเศรษฐกิจดีขึ้น ชี้หยุด 3 วัน ยอดจองโรงแรมพุ่ง

พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องสถานการณ์เศรษฐกิจภายในประเทศหลายอย่างดีขึ้นไม่ว่าจะมาตรการของรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันหยุดยาวที่ผ่านมาเห็นได้ว่าตัวเลขการสั่งจองโรงแรมต่างๆ ก็สูงขึ้น มีการใช้มาตรการคนละครึ่ง และเราเที่ยวด้วยกัน ซึ่งเป็นมาตรการที่ออกมาตามลำดับ เป็นไปตามแผนงานงบประมาณที่มีอยู่

“เพียงแต่ขอความร่วมมือความเข้าใจกับทุกท่านประชาชนทุกคนอันเป็นที่รักยิ่งของผม ช่วยกันทำให้ประเทศชาติของเราเข้มแข็ง อย่ามุ่งหมายแต่ทำลายกันมันไม่ถูกต้อง ประเทศไทยนั้นเป็นดินแดนที่อยู่อาศัยของพวกเรามายาวนาน ประกอบอาชีพมายาวนาน เพราะฉะนั้นอะไรก็ตามที่จะทำให้เกิดความขัดแย้งผมเองไม่ต้องการที่จะให้เกิดความขัดแย้งใดๆ ทั้งสิ้น”

“ผมดำรงตนในฐานะเป็นนายกรัฐมนตรีและหัวหน้ารัฐบาลด้วยเจตนารมณ์อันมุ่งมั่นที่จะทำให้ประเทศชาติของเราปลอดภัยสงบสุขมีเสถียรภาพทางในเรื่องของความมั่นคงเศรษฐกิจสังคมเรื่องของการเมืองต่างๆ วันนี้ผมก็พูดกับคณะรัฐมนตรีทั้งหมดขอบคุณในความร่วมมือร่วมใจที่ทำให้ทุกอย่างประสบความสำเร็จมาในระดับเป็นที่น่าพอใจ”

พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวต่อไปว่า วันนี้ก็มีหลายวีดีทัศน์ที่แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าของประเทศไทยในหลายมิติด้วยกัน ซึ่งกระทรวงก็จะทยอยออกมา รวบรวมว่ามีอะไรเกิดขึ้นในประเทศไทยบ้างตามห้วงระยะเวลาต่างๆ เพื่อให้ประชาชนทั้งประเทศได้รับรู้ไม่อย่างนั้นก็ถูกเอาไปบิดเบือนทั้งหมด นี่คือปัญหาของไทย สิ่งสำคัญที่สุดคือความรักความสามัคคีของพวกเรา นี่คือสิ่งสำคัญที่สุดเป็นปัจจัยสำคัญ กว่าอย่างอื่นในขณะนี้

ปัดตอบประเด็น “ม็อบ” – ย้ำแก้ กม.ไม่ได้ทำเพื่อลงโทษใคร

พล.อ. ประยุทธ์ ปฏิเสธที่จะตอบคำถามที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมทั้งหมด โดยระบุเพียงว่า “เรื่องของการชุมนุมก็ให้เป็นเรื่องการชุมนุมไปผมไม่ตอบ ทุกคนก็ทราบดีว่ามันเป็นอย่างไร”

พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวต่อไปว่า เรื่องของกฎหมายได้มีการพิจารณากันว่าจะมีการปรับปรุงกฎหมายในหลายๆ กฎหมายหลายรูปแบบให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก ยืนนัยว่าไม่ได้มุ่งหมายในการที่จะไปลงโทษ เนื่องจากบทกำหนดโทษมีอยู่ในกฎหมายอาญาอยู่แล้ว เพียงแต่ต้องหาทางว่าจะทำอย่างไรให้เกิดความเป็นธรรมในบทของการลงโทษ และกฎหมายต้องทำให้คนไทยทุกคนรู้จักกฎหมายว่าจะใช้ประโยชน์จากกฎหมายเหล่านี้ได้อย่างไร

“กฎหมายที่เป็นคุณก็มีอยู่เยอะแยะ ซึ่งมีกฎหมายใหม่ออกมาอยู่แล้วเรื่องการอำนวยความสะดวก การให้ข้อมูลข่าวสาร ก็คงจะเรียกร้องเพียงแต่ขอให้ทุกคนเข้าถึงกฎหมายเหล่านี้มากกว่า ในเมื่อตัวเองไม่ได้ทำความผิดอะไรก็ไม่ต้องไปกลัวความผิดอะไร เพราะฉะนั้นต้องรู้กฎหมายเป็นหลักการพื้นฐานของรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว”

รัฐบาลก็พยายามทำหน้าที่อย่างเต็มที่ในการคุ้มครองสิทธิ์ให้ ถ้าทำความผิดแล้วเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมก็จะได้รับความคุ้มครอง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การจะถูกผิดขึ้นอยู่กับพฤติกรรมขึ้นอยู่กับสิ่งที่ได้กระทำลงไป ผมไม่สามารถไปก้าวล่วงใครได้ทั้งสิ้น หน้าที่ของรัฐบาลคืออยู่ฝ่ายบริหาร เพราะฉะนั้นอย่าเอาผมไปขัดแย้งกับใครในเรื่องเหล่านี้

กำชับทุกกระทรวงทำงานอย่างโปร่งใส

พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า สิ่งที่ตนได้เน้นย้ำใน ครม. ไป คือทุกกระทรวง ทุกหน่วยงาน จะต้องปฏิบัติทุกภารกิจ ด้วยความโปร่งใสสุจริต มีประสิทธิภาพและตรวจสอบได้ มีความรับผิดชอบ ตามลำดับชั้นลงไปไม่ว่าจะเป็นในส่วนของนโยบายขับเคลื่อนและผู้ปฏิบัติ รวมถึงพื้นที่ด้วย โดยต้องทำงานเชิงรุกกำหนดเป้าหมายชัดเจน มีโครงการที่ลงไปให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนต้องตรงใช้ตรวจสอบได้ในทุกมิติ

“ในส่วนของการค้าการลงทุนธุรกิจต่างๆ ก็ต้องใช้ปฏิบัติตามกฎหมายกฎระเบียบทุกประการ และระมัดระวังการทุจริตผมไม่ยอมรับในเรื่องการทุจริตดอยู่แล้ว ก็ต้องมีความรับผิดชอบ ผมสั่งการในฐานะเป็นผู้กำหนดนโยบายผมย้ำเตือนเสมอในทุกการประชุมว่าทุกคนจะต้องทำด้วยความโปร่งใสและสุจริต”

พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวต่อไปว่า ในระหว่างวันที่ 23-25 มีนาคม 2564 ทางองค์กรเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนาจะจัดการสัมมนาประจำปีเพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยน เรื่องการต่อต้านการทุจริตและส่งเสริมความซื่อสัตย์จะมีผู้นำจากทั่วโลกเข้าร่วม ซึ่งในครั้งนี้ได้ให้ความสำคัญกับบทบาทความซื่อตรงและการต่อต้านการทุจริต ในการฟื้นตัวจากโควิค-19

“อันนี้เป็นเจตนารมณ์ของผมในฐานะเป็นผู้นำรัฐบาล เราจะแก้ไขสองอย่างด้วยกัน คือ การเสนอผลประโยชน์และการเรียกรับผลประโยชน์ ซึ่งเป็นการสมยอมด้วยกันทั้งสองฝ่าย ผมยืนยันว่าถ้ามีหลักฐานจะต้องดำเนินการตามกฎหมายทุกประการ ซึ่งผมได้รับเชิญให้เป็นผู้นำภาครัฐและภาคธุรกิจในการกล่าวถ้อยแถลงเปิดงานสัมมนาประจำปีนี้”

“เราต้องทำให้ตัวเลขของเราสูงขึ้นให้ได้ต้องไปดูว่าตัวเลขของเราต่ำตรงไหนอย่างไร ใครมีส่วนเกี่ยวข้อง ต้องทำอย่างไรหลายอย่าง มันเป็นปัญหาระดับโลกที่จะบั่นทอนการพัฒนาของทุกประเทศ ทุกคนต้องช่วยกันรักษาสิทธิ์ของตนเอง ทุกคนต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตประชาชนก็ต้องให้ความร่วมมือในสิ่งที่ไม่ผิดกฎหมายอย่าให้เกิดการสมยอมกันโดยเด็ดขาด”

ปลื้ม EOC บรรจุ “มวยไทย” ลงแข่ง “ยูโรเปี่ยนเกมส์”

พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า คณะกรรมการโอลิมปิกยุโรป (อีโอซี) ได้บรรจุมวยไทยเข้าไปในการแข่งขัน European Games 2023 ที่เมืองกรากุฟ ประเทศโปแลนด์ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่มวยได้รับการบรรจุเข้าไปในการแข่งขันดังกล่าว

ทั้งนี้ เนื่องจากพิจารณาแล้วว่า มวยไทยเป็นกีฬาที่เติบโตเร็วมากในศิลปะการป้องกันตัวทั้งในแง่ของฐานนักกีฬาและผู้ชม โดยอยู่ในความรับผิดชอบของสหพันธ์มวยไทยสมัครเล่นนานาชาติ หรือ “IFMA” ซึ่งจะเป็นผู้ดูแลเรื่องกฎกติกาและระเบียบต่างๆ โดยจัดให้มีการชิงเหรียญทอง 7 ประเภท มีทั้งการแข่งขันมีประเภทชาย 7 รุ่น ประเภทหญิง 7 รุ่น และประเภททีมผสม ซึ่งจะมีการพิจารณาในเรื่องศิลปวัฒนธรรม เช่น เรื่องของการไหว้ครู แม่ไม้มวยไทย ซึ่งได้ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่งเสริมพัฒนาศักยภาพการกีฬาของไทยให้เป็นที่ประจักษ์ รวมทั้งผลักดันให้มวยไทยได้เข้าไปบรรจุในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ต่อไปด้วย

มติ ครม. มีดังนี้

ผศ. ดร.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประสำนักนายกรัฐมนตรี และนางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (ซ้าย-ขวา)
ที่มาภาพ: www.thaigov.go.th

ชื่นชมผลงาน นศ.จบใหม่ หนุน “สตาร์ทอัพ” เดินตามแนว BCG

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว่าก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ (ครม.) พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เยี่ยมชมนิทรรศการแสดงผลงานนวัตกรรม (Innovation Thailand) โดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พร้อมชม “น้ำแร่โซดา” ห้วยกระเจา จังหวัดกาญจนบุรี โดย กรมน้ำบาดาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยมีนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมชมนิทรรศการในครั้งนี้

นายกรัฐมนตรีได้เยี่ยมชมนิทรรศการแสดงผลงานจากนักศึกษา สตาร์ทอัป และผู้ประกอบการ เป็นนวัตกรรมโดยคนรุ่นใหม่ที่ผ่านการคัดเลือกโครงการภายใต้ผลงานนวัตกรรม (Innovation Thailand) ได้แก่ โครงการ Startup Thailand League ผลงานร้านขายของชำออนไลน์ Happy Grocers โครงการ Founder Apprentice ผลงานแอปพลิเคชัน Health Tech Startup ชื่อ Agnos โครงการ Deep South Startup ผลงาน เครื่องล้างปลาระบบกึ่งอัตโนมัติสำหรับผลิตปลาส้มฮาลาล และโครงการ ม้านิลมังกร จำนวน 2 ผลงาน ได้แก่ ผลิตภัณฑ์น้ำพริกต่างๆ By Chef May และนวัตกรรมสเปรย์ดับเพลิง แบรนด์ FLAMEX

นายกรัฐมนตรีชื่นชมความสามารถของเยาวชน นักศึกษาจบใหม่ ที่คิดค้นแอปพลิเคชันร้านขายของชำออนไลน์ Happy Grocers เชื่อมโยงเกษตรกรกับผู้บริโภค รวมทั้งแอปพลิเคชัน Agnos ลดความแออัดในโรงพยาบาล ล้วนแต่เป็นการนำปัญญาประดิษฐ์มาใช้สร้างสิ่งที่เกิดประโยชน์ต่อคนส่วนร่วม

นายกรัฐมนตรียังชื่นชมผลิตภัณฑ์จากนวัตกรรมโดยคนไทยรุ่นใหม่ เช่น การพัฒนาน้ำพริกส็อก/น้ำพริกถั่วเน่า/น้ำพริกหนุ่ม ที่สามารถพัฒนาเป็นสินค้าแช่แข็งหรือกึ่งปรุงสุก ขยายโอกาสทางการตลาดทั้งในและต่างประเทศ ขยายตลาดสู่ต่างประเทศ เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับอาหารไทย หรือสเปรย์ดับเพลิง แบรนด์ FLAMEX หากพัฒนาให้มีความหลากหลาย ก็สามารถนำไปใช้ในสำนักงานหน่วยงานราชการได้

นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่ารัฐบาลสนับสนุนสตาร์ทอัปตามแนวทางเศรษฐกิจ BCG เพื่อขับเคลื่อนประเทศด้วยนวตกรรมที่เป็นของคนไทยเราเอง พร้อมฝากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สนับสนุนโครงการนวัตกรรมในทุกมหาวิทยาลัย เพราะนิสิต นักศึกษาคือกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศไทยไปสู่อนาคต

นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้นำเสนอ “น้ำแร่โซดา” จากอำเภอห้วยกระเจา จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเกิดจากแหล่งน้ำบาดาลธรรมชาติมีลักษณะพิเศษ คือ รสหวานและมีความซ่าคล้ายน้ำโซดา ไม่พบสารพิษหรือสารปนเปื้อนร้ายแรง กรมทรัพยากรน้ำบาดาลจึงได้เร่งติดตั้งระบบกรองน้ำและผลิตน้ำแร่โซดาเพื่อบรรจุขวดแจกจ่ายแก่ประชาชน ซึ่งในอนาคตจะได้มีการสำรวจเพิ่มเติมและพัฒนาเป็นแหล่งน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค และเพื่อการเกษตรสำหรับประชาชนในพื้นที่ด้วย นายกรัฐมนตรีกล่าวย้ำให้มีการตรวจสอบคุณภาพและระดับน้ำอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งให้มีการศึกษาเส้นทางน้ำ เพื่อให้แก่ประโยชน์แก่ประชาชนในพื้นที่ ซึ่งรัฐบาลให้สำคัญในการเร่งรัดจัดหาแหล่งน้ำเพิ่มเติม รวมถึงให้มีการบริหารจัดการน้ำสำหรับการทำเกษตรกรรม โดยอยากให้เกษตรกรหันมาปลูกพืชอื่นทดแทนการปลูกข้าวในช่วงหน้าแล้งเพื่อให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำ ในส่วนการผลิตน้ำแร่โซดาของห้วยกระเจาก็สามารถต่อยอดให้เป็นสินค้าวิสาหกิจชุมชนในพื้นที่ได้อีกด้วย

กรมควบคุมโรค เล็งออก “วัคซีนพาสปอร์ต”

นายอนุชา กล่าวต่อว่า ก่อนเริ่มประชุม ครม. นายกรัฐมนตรีได้พูดถึงเรื่องการฉีดวัคซีนโควิดเข็มแรกให้กับประชาชน ซึ่งในช่วงนี้กระทรวงสาธารณสุขกำลังเร่งกระจายวัคซีนไปยังจังหวัดต่างๆ และเริ่มฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มเป้าหมายตามแผนงานระยะที่ 1 ซึ่งคณะกรรมการฯได้มีการประชุมกัน และได้แจ้งให้ทราบในเบื้องต้นว่าจะมีการฉีดวัคซีนให้กลุ่มไหนบ้าง

นอกเหนือจากนี้นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในอนาคตอาจให้กระทรวงการต่างประเทศได้ออก “วัคซีนพาสปอร์ต”เพื่อให้ประชาชนเดินทางไปต่างประเทศได้ โดยใช้ตัววัคซีนพาสปอร์ตเป็นใบเบิกทาง เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับประชาคมโลก รวมทั้งประเทศไทยด้วย ซึ่งนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าปัจจุบันกรมควบคุมโรคกำลังศึกษาเรื่องการออก Certificate ให้กับผู้ที่ได้รับวัคซีน

ประเมินยอดผู้มีสิทธิ์รับเงินเยียวยาเพิ่มเป็น 41.7 ล้านคน

นายอนุชา กล่าวต่อว่าวันนี้ นาอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้แจ้งในที่ประชุม ครม. ทราบถึงภาพรวมของโครงการ “เราชนะ” ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 พบว่ามีผู้ที่ได้รับสิทธิ์ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ, กลุ่มผู้ที่ได้ลงทะเบียนคนละครึ่งและเราเที่ยวด้วยกันที่ติดตั้งแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” รวมทั้งสิ้น 30.7 ล้านคน รวมกับกลุ่มผู้ลงทะเบียนที่ต้องการความช่วยเหลือพิเศษผ่านบัตรประชาชน (ไม่มีมือถือ) อีก 1.8 ล้านคน รวมเป็น 32.5 ล้านคน

และเมื่อนำมารวมกับผู้ที่ลงทะเบียนโครงการ “ม 33 เรารักกัน” อีก 9.3 ล้านคน รวมแล้วจะมีประชาชนที่มีสิทธิ์ได้รับเงินเยียวยาจากรัฐทั้งหมด 41.7 ล้านคน ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีการใช้จ่ายเงินแล้ว 66,900 ล้านบาท โดยมีการใช้จ่ายเงินผ่านร้านธงฟ้า 44%, ร้านค้าทั่วไป 35%, ร้านอาหารและเครื่องดื่ม 16%, ร้านค้า OTOP 4% หากดูเป็นรายพื้นที่ พบว่ามีการใช้จ่ายเงินในเมืองหลัก 22 จังหวัด ประมาณ 26,100 ล้านบาท และใช้จ่ายในเมืองรอง 40,800 ล้านบาท ปัจจุบันมีร้านค้าเข้าร่วมแล้ว 1.1 ล้านกิจการ

อนุมัติงบฯ 6,387 ล้าน จ่ายค่าวัคซีนโควิดฯ 35 ล้านโดส

นายอนุชา กล่าวว่าวันนี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติงบประมาณ 6,387,285,900 บาท สำหรับโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) สำหรับบริการประชากรในประเทศไทย เพิ่มเติม จำนวน 35 ล้านโดส เพื่อให้ครอบคลุมเป้าหมายการฉีดให้ประชากรไทยอย่างน้อยร้อยละ 50 ภายในปี 2564

ทั้งนี้ โครงการจัดหาวัคซีนโควิด-19 กับบริษัท AstraZeneca เพิ่มเติมจำนวน 35 ล้านโดส วงเงินรวมทั้งสิ้นจำนวน 5,673.67 ล้านบาท ประกอบด้วยค่าวัคซีนโควิด-19 จำนวน 5,302.50 ล้านบาท และค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม จำนวน 371.17 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการวัคซีนเพื่อรองรับการฉีดวัคซีน จำนวน 713.61 ล้านบาท สำหรับประชากรกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งเป็นไปตามคำแนะนำของคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค โดยมีระยะเวลาการดำเนินงานช่วงเดือนมิถุนายน-ธันวาคม 2564 นี้

สำหรับแผนการกระจายวัคซีนโควิด-19 แบ่งเป็นระยะที่ 1 เดือนมีนาคม – เดือนพฤษภาคม 2564 จำนวน 2 ล้านโดส ใน 18 จังหวัด และระยะที่ 2 เดือนมิถุนายน – ธันวาคม 2564 จำนวน 61 ล้านโดสในทุกจังหวัด รวมจำนวนวัคซีนที่ให้กลุ่มเป้าหมาย จำนวนทั้งสิ้น 63 ล้านโดส

“การได้รับวัคซีนโควิด-19 จะลดอัตราป่วย การเสียชีวิต รวมทั้งลดค่าใช้จ่ายภาครัฐในการดูแลรักษาผู้ป่วยจากโรคโควิด-19 ฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจและสังคมให้กลับสู่สภาวะปกติโดยเร็ว” นายอนุชา กล่าว

เปิดโอดี 1,500 ล้าน อุ้ม “โรงงานยาสูบ” รับมือยอดตก

นายอนุชา กล่าวต่อว่าวันนี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้การยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) เปิดวงเงินกู้ระยะสั้น (Credit Line) โดยวิธีกู้เบิกเงินเกินบัญชี (Overdraft: OD) วงเงิน 1,500 ล้านบาท เพื่อเสริมสภาพคล่องในการดำเนินงานและรองรับค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น ค่าแสตมป์ยาสูบและภาระภาษีต่างๆ ค่าซื้อใบยาและวัตถุดิบในการผลิตบุหรี่ เป็นต้น ซึ่งวงเงินกู้ดังกล่าวอยู่ภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ 2564 แล้ว

ทั้งนี้ กระทรวงการคลังได้เสนอให้การยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) เปิดวงเงินกู้ระยะสั้นในรูป Credit Line โดยวิธีกู้เบิกเงินเกินบัญชี (Overdraft: OD) วงเงิน 1,500 ล้านบาท เพื่อเสริมสภาพคล่อง จากกรณีที่ยอดจำหน่ายบุหรี่ในปีงบประมาณ 2564 ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย โดยประเมิณว่า หากยอดจำหน่ายบุหรี่ลดลงร้อยละ 50 (จำหน่ายได้ 10,058 ล้านมวน) จะส่งผลให้ ยสท. มีเงินสดคงเหลือติดลบและขาดสภาพคล่องทางการเงิน ซึ่งที่ผ่านมารายได้ของ ยสท. ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิต รวมทั้งนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการลดการบริโภคยาสูบของประชาชนในประเทศ ซึ่งผลให้ยอดจำหน่ายบุหรี่ลดลงต่อเนื่อง

สั่งเปิดด่านขนสินค้าข้ามแดน “ไทย-ลาว” 3 จุด

ผศ. ดร.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ขอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาเรื่องการเปิดด่านชายแดนไทย-ลาว 3 แห่ง คือ ด่านปากแซง จ.อุบลราชธานี ด่านเชียงคาน จ.เลย ด่านไหโศก จ.หนองคาย โดย พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเปิดเฉพาะการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดน

เบรกมาตรการขยายเวลาเกษียณอายุราชการ

ผศ. ดร.รัชดา กล่าวว่า ครม. ได้รับทราบข้อเสนอของสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (สำนักงาน ก.พ.) ซึ่งได้ดำเนินศึกษาแนวทางการขยายอายุเกษียณราชการ ตามแผนปฏิรูปประเทศด้านสังคม มาระยะหนึ่งแล้ว โดยกำหนดสาระสำคัญให้ ‘ขยายอายุเกษียณราชการ’ จาก 60 ปี เป็น 63 ปี เพื่อรองรับสังคมสูงวัย และสนับสนุนให้บุคลากรภาครัฐมีงานทำหลังเกษียณ

โดยที่ประชุมคณะรัฐมนตรีตอบรับข้อเสนอ ดังนี้

  1. เห็นด้วยกับการชะลอการขยายเกษียณอายุราชการตามแผนปฏิรูปประเทศด้านสังคม
  2. เห็นด้วยกับการจ้างงานเพื่อใช้ศักยภาพข้าราชการเกษียณ โดยให้พิจารณาตามความจำเป็นและความต้องการบุคลากรในแต่ละตำแหน่งสาขา เช่น ตำแหน่งที่ขาดแคลนกำลังคน ตำแหน่งที่ต้องการบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ และให้พิจารณาจ้างข้าราชการเกษียณอายุในรูปแบบอื่นๆ เช่น การจ้างเหมาบริการ การรับงานไปทำที่บ้าน เป็นต้น
  3. เห็นด้วยกับการศึกษาเพื่อปฏิรูประบบบำเหน็จบำนาญของข้าราชการส่วนท้องถิ่น

“นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำความสำคัญของการบริหารบุคลากรภาครัฐในภาพรวม ซึ่งต้องพิจารณาดำเนินการในหลายมิติควบคู่กันไปทั้งการลดกำลังคน การส่งเสริมบุคลากรคนรุ่นใหม่ การจ้างงานข้าราชการเกษียณที่มีศักยภาพในตำแหน่งขาดแคลน และการเตรียมรับสังคมสูงวัย” ผศ. ดร.รัชดากล่าว

เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ 118 ราย

ผศ. ดร.รัชดา กล่าวว่า ครม. มีมติอนุมัติจ่ายเงินชดเชยพิเศษแทนการจัดสรรที่ดินแปลงอพยพ ในโครงการเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จังหวัดลพบุรี ให้แก่ประชาชนที่ผ่านการตรวจสอบข้อเท็จจริงและรับรองรายชื่อจากคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ แล้ว จำนวน 118 ราย รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 34.34 ล้านบาท ซึ่งได้รับเงินชดเชยพิเศษตั้งแต่ 170,000 – 770,000 บาท เฉลี่ยรายละ 291,013 บาท

ทั้งนี้ การก่อสร้างเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จังหวัดลพบุรี ทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ดำเนินการจ่ายเงินชดเชยพิเศษแทนการจัดสรรที่ดินแปลงอพยพแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการตั้งแต่ปี พ.ศ.2539 ไปแล้ว จำนวน 7,297 ครอบครัว เป็นเงินทั้งสิ้น 3,292 ล้านบาท แต่ในปีพ.ศ.2547 มีการร้องเรียนว่ามีการทุจริตในการดำเนินงานและเลือกปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ ทำให้ประชาชนไม่ได้รับเงินชดเชยพิเศษจากโครงการ

ผศ. ดร.รัชดา กล่าวต่อว่า ครม. ได้อนุมัติการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบและกำกับดูแลการจ่ายเงิน เพื่อทำหน้าที่พิจารณาและควบคุมการโอนจ่ายเงินชดเชยพิเศษให้ถูกต้องครบถ้วนตรงตามบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิ์ที่ผ่านการรับรอง โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรีเป็นประธานกรรมการ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักชลสิทธิ์เป็นกรรมการและเลขานุการ และกรรมการอื่นอีก 11 คน

ขยายความร่วมมือทางการค้าและเศรษฐกิจ “ไทย -รัสเซีย”

ผศ. ดร.รัชดา กล่าวว่า ครม. มีมติเห็นชอบบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการขยายความร่วมมือทางการค้าและเศรษฐกิจระหว่างกระทรวงพาณิชย์ของราชอาณาจักรไทย และกระทรวงการพัฒนาเศรษฐกิจของสหพันธรัฐรัสเซีย มีวัตถุประสงค์เพื่อขยายความร่วมมือด้านเศรษฐกิจไทย-รัสเซีย เช่น ส่งเสริมสินค้านวัตกรรม สินค้าเกษตรและสินค้าเกษตรแปรรูป สร้างสภาพแวดล้อมทางการแข่งขัน-อำนวยความสะดวกให้ผู้ส่งออกและผู้นำเข้า

นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มมาตรการเพื่อสร้างความตระหนักรู้ของภาคเอกชน ได้แก่ 1) กฎหมายเกี่ยวกับการกำกับดูแลกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างประเทศ 2) มาตรการสนับสนุนสำหรับบริษัทส่งออกที่สนใจจดทะเบียนในประเทศทั้งสองฝ่าย 3) วิธีการสนับสนุนรวมถึงกลไกในการส่งเสริมผลิตภัณฑ์ของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในตลาด 4) ข้อมูลเศรษฐกิจพิเศษ ศูนย์นวัตกรรม วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี และพื้นที่การรวมกลุ่มอุตสาหกรรมที่ดำเนินการในประเทศ 5) ความเป็นไปได้ในการจัดกิจกรรมของภาคธุรกิจ และ 6)โอกาสความร่วมมือในด้านต่างๆ เช่น ด้านนวัตกรรม ปัญญาประดิษฐ์ และเศรษฐกิจดิจิทัล

ผศ. ดร.รัชดา กล่าวต่อว่า ในการประชุมคณะอนุกรรมการด้านการค้าและความร่วมมือทางเศรษฐกิจไทย-รัสเซีย ที่ผ่านมา ทั้งสองฝ่ายได้เห็นชอบตั้งเป้าหมายเพิ่มมูลค่าการค้าเป็น 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2566 และมีการหารือถึงการส่งเสริมความร่วมมือรายสาขาที่แต่ละประเทศมีศักยภาพ

ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลจากค่าเวนคืน

นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครม. มีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีรัษฎากร สาระสำคัญคือยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะให้แก่นิติบุคคล สำหรับรายรับที่เป็นเงินค่าทดแทนตามกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนและการได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ และการยกเว้นอากรแสตมป์สำหรับการขายหรือถูกเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ มีผลตั้งแต่วันที่ 30 พฤษภาคม 2562 เป็นต้นไป

ขยายเวลาบังคับใช้มาตรการสิ่งแวดล้อม

นางสาวไตรศุลี กล่าวว่า ครม. มีมติเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศของกระทรวงฯ กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในบริเวณท้องที่ตำบลตลิ่งงาม ตำบลบ่อผุด ตำบลมะเร็ต ตำบลแม่น้ำ ตำบลหน้าเมือง ตำบลอ่างทอง ตำบลลิปะน้อย อำเภอเกาะสมุย และตำบลเกาะพงัน ตำบลบ้านใต้ ตำบลเกาะเต่า อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ศ.2557 ออกไปอีก 2 ปี นับตั้งแต่วันที่ 31 พฤษภาคม 2564

นางสาวไตรศุลี กล่าวต่อว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมยังได้จัดทำร่างประกาศกระทรวงฉบับใหม่ ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการแก้ไขปรับปรุง ทำให้ไม่สามารถประกาศกระทรวงฯ ฉบับใหม่ให้มีผลบังคับใช้ได้ทันภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2564 จึงขยายเวลาบังคับใช้ประกาศกระทรวงฉบับเดิมออกไปอีก 2 ปี

ทั้งนี้ คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมฯ ได้กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2557 มีผลบังคับใช้ 5 ปี ตั้งแต่วันที่ 31 พฤษภาคม 2557 – 30 พฤษภาคม 2562 และต่อมาได้ขยายเวลาใช้บังคับอีก 2 ปี คือตั้งแต่วันที่ 31 พฤษภาคม 2562 – 30 พฤษภาคม 2564

เคาะมหาวิทยาลัยนเรศวรออกนอกระบบ

นางสาวไตรศุลี กล่าวว่า ครม. มีมติเห็นชอบร่างพ.ร.บ.มหาวิทยาลัยนเรศวร เพื่อปรับโครงสร้างภายในมหาวิทยาลัยให้เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของรัฐบาล จากเดิมที่เป็นหน่วยงานส่วนราชการทำให้มีข้อจำกัดในการบริหารจัดการการศึกษา

สาระสำคัญร่าง พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยนเรศวร เช่น กำหนดให้มหาวิทยาลัยเป็นหน่วยงานกำกับของรัฐที่ไม่เป็นส่วนราชการ กิจการของมหาวิทยาลัยไม่อยู่ภายใต้กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงาน แต่พนักงานมหาวิทยาลัยต้องได้รับการคุ้มครองและประโยชน์ตอบแทนไม่น้อยกว่าที่กำหนดในกฎหมายการคุ้มครองแรงงาน มหาวิทยาลัยมีหน้าที่กระทำการต่างๆ เช่นมีอำนาจซื้อขาย รับจ้าง โอน-ให้เช่า ตลอดจนถือครองกรรมสิทธิ์ครอบครองในทรัพย์สินทางปัญญา รายได้ไม่ต้องนำส่งกระทรวงการคลัง และให้สภามหาวิทยาลัยเป็นองค์กรสูงสุด

ต่อสัมปทานปิโตรเลียมบนบกให้ “เอ็กซอน โมบิล” 10 ปี

นางสาวไตรศุลี กล่าวว่า ครม. มีมติอนุมัติให้บริษัท เอ็กซอนโมบิล เอ็กซ์โพลเรชั่น แอนด์ โพรดักชั่น โคราช อิงค์ ต่อระยะเวลาผลิตปิโตรเลียมสำหรับสัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ 2/2522/17 แปลงสำรวจบนบกหมายเลข E5 (นอกพื้นที่โคราช) ออกไปอีก 10 ปี นับตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม 2564 ถึงวันที่ 15 มีนาคม 2574

นางสาวไตรศุลี กล่าวถึงผลประโยชน์ที่ประเทศจะได้รับคือ รายได้ที่รัฐจะได้รับเป็นค่าภาคหลวงประมาณ 12.27 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และภาษีเงินได้ปิโตรเลียมประมาณ 11.77 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีผลประโยชน์พิเศษที่ผู้รับสัมปทานเสนอให้รัฐอีก 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นโบนัสการลงนาม 500,000 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าตอบแทนการต่อระยะเวลาผลิตจำนวน 500,000 ดอลลาร์สหรัฐ รวมทั้งสิ้น 25.04 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ปลดล็อกตำรับยาแผนไทยบางรายการ

นางสาวไตรศุลี กล่าวว่า ครม. มีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการประกาศกำหนดตำรับยาแผนไทยทั่วไป หรือตำราการแพทย์แผนไทยทั่วไป โดยสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎกระทรวงการประกาศกำหนดตำรับยาแผนไทยทั่วไปหรือตำราการแพทย์แผนไทยทั่วไป พ.ศ. 2558 แก้ไขหลักเกณฑ์การประกาศกำหนดตำรับยาแผนไทยทั่วไปไม่ให้ผูกโยงกับตำรับยาแผนไทยซึ่งเป็นยาสามัญประจำบ้านในส่วนของยาแผนโบราณ

โดยคณะกรรมการคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยกำหนดหลักเกณฑ์ตำรับยาแผนไทยทั่วไปหรือตำราการแพทย์แผนไทย ดังนี้

  1. เป็นตำรับยาแผนไทยหรือตำราการแพทย์แผนไทยที่มีการใช้ประโยชน์ในการบำบัดโรค การรักษาโรค การป้องกันโรค การส่งเสริมและการฟื้นฟูสุขภาพกันอย่างแพร่หลาย
  2. เป็นตำรับยาแผนไทยหรือตำราการแพทย์แผนไทยที่ทางราชการหรือหน่วยงานของรัฐรวบรวม พัฒนาหรือปรับปรุงขึ้น และมีเอกสารหรือหลักฐานที่แสดงประสบการณ์การใช้ หรือการศึกษา การวิจัยด้านความปลอดภัยและประโยชน์ในการรักษาโรคอย่างแพร่หลาย
  3. เป็นตำรับยาแผนไทยหรือตำราการแพทย์แผนไทยที่พ้นอายุการคุ้มครองสิทธิ หรือที่ไม่มีผู้ยื่นคำขอจดทะเบียนรับการตกทอดทางมรดกภายใน 2 ปี นับแต่วันที่ผู้ทรงสิทธิถึงแก่ความตาย

เพิ่มข้าราชการกระทรวงเกษตรฯ 72 อัตรา

นางสาวไตรศุลี กล่าวว่า ครม. มีอนุมัติจัดสรรอัตราข้าราชการตั้งใหม่ให้กับส่วนราชการในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวม 72 อัตรา ประกอบด้วยกรมปศุสัตว์ จำนวน 30 อัตรา เป็นนักวิทยาศาสตร์การแพทย์ ปฏิบัติการหรือชำนาญการ 25 อัตรา มีค่าใช้จ่ายด้านบุคคลเพิ่มขึ้นปีละ 7,498,800 บาทและนักวิทยาศาสตร์ ปฏิบัติการหรือชำนาญการจำนวน 5 อัตรา และกรมฝนหลวงและการบินเกษตรจำนวน 42 อัตรา แยกเป็น นักวิทยาศาสตร์ปฏิบัติการหรือชำนาญการ 29 อัตรา นักตรวจสอบความปลอดภัยด้านการบินปฎิบัติการหรือชำนาญการ 5 อัตรา วิศวกรไฟฟ้า 3 อัตรา และนายช่างอากาศยาน 5 อัตรา มีค่าใช้จ่ายด้านบุคคลเพิ่มขึ้นปีละ 10,180,920 บาท รวม 2 หน่วยงานมีค่าใช้จ่ายด้านบุคคลเพิ่มขึ้นปีละ 17,679,720 บาท

ทบทวนกระบวนการพิจารณาคำสั่งไม่ฟ้องของอัยการ

มีรายงานเพิ่มเติมว่า ที่ประชุม ครม. รับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การทบทวนกระบวนการพิจารณาคำสั่งไม่ฟ้องของพนักงานอัยการของคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ตามที่กระทวงยุติธรรม (ยธ.) เสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป

โดยคณะกรรมาธิการฯ ได้มีข้อสังเกตและข้อเสนอแนะ ดังนี้

  • ยกเลิกมาตรา 145/1 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และให้ใช้มาตรา 145 (เดิม) โดยมีความเห็นออกเป็น 2 ฝ่าย ฝ่ายที่หนึ่ง เห็นควรให้มีการทบทวนกระบวนการพิจารณาสั่งไม่ฟ้องของพนักงานอัยการตามมาตรา 145/1 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาเพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ซึ่งกำหนดให้ผู้ว่าราชการจังหวัดรับผิดชอบการบริหารงานราชการส่วนภูมิภาค และเป็นตัวแทนฝ่ายบริหารที่มีความเป็นกลางไม่มีส่วนได้เสีย จึงมีความเหมาะสมในการพิจารณาคำสั่งไม่ฟ้อง ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งเห็นควรให้คงไว้เพื่อให้มีระบบถ่วงดุลการใช้ดุลพินิจซึ่งกันและกันระหว่างพนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการ และให้กระบวนการยุติธรรมทางอาญาของประเทศ ทั้งใน เขตกรุงเทพมหานครและในจังหวัดอื่นเป็นระบบอย่างเดียวกัน ซึ่งกำหนดให้ผู้บังคับบัญชาฝ่ายตำรวจมีอำนาจใน การพิจารณาคำสั่งไม่ฟ้องของพนักงานอัยการ โดยจะให้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้ที่เกี่ยวข้อง นำสถิติการดำเนินงานต่างๆ มาวิเคราะห์ผลกระทบ ความคุ้มค่าที่อาจเกิดขึ้นจากกฎหมายอย่างรอบด้าน
  • การตรวจสอบถ่วงดุลคำสั่งไม่ฟ้องคดีของพนักงานอัยการโดยผู้ว่าราชการจังหวัด โดยเห็นควรเพิ่มเติมคณะกรรมการกลั่นกรองการสั่งไม่ฟ้องของพนักงานอัยการเพื่อเป็นการส่งเสริมหลักการมีส่วนร่วมของประชาชนและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรมทางอาญาให้การดำเนินคดีอาญาในชั้นการสอบสวนฟ้องร้องมีความรอบคอบ และครอบคลุมมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ดี กระบวนการดังกล่าวอาจเกิดปัญหาในเรื่องของระยะเวลาในการดำเนินการและผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองนั้นมีสภาพบังคับต่อผู้มีอำนาจในการพิจารณาทบทวนคำสั่งไม่ฟ้องของพนักงานอัยการหรือไม่ เพียงใด ซึ่งอาจเป็นการเพิ่มขั้นตอนและส่งผลให้เกิดความล่าช้าในการดำเนินคดีอาญาดังกล่าว นอกจากนี้ ควรมีการกำหนดองค์ประกอบของคณะกรรมการกลั่นกรอง และประเภทคดีให้มีความเหมาะสม ไม่ซ้ำซ้อนกับการดำเนินการโดยองค์กรอื่นๆ โดยให้คำนึงถึงหลักการมาตรา 77 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ที่บัญญัติให้รัฐพึงใช้ระบบคณะกรรมการในกฎหมายเฉพาะกรณีที่จำเป็นด้วย

อ่านมติ ครม. ประจำวันที่ 2 มีนาคม 2564เพิ่มเติม