ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 6-12 มี.ค. 2564
ประวิตรยังไม่ฉีดโควิดเหตุติดภารกิจ แจงติดตลก “เดี๋ยวช็อกตาย…” แต่ยืนยันพร้อมฉีด
12 มี.ค. 2564 เป็นวันที่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และคณะรัฐมนตรี (ครม.) บางส่วนจะเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า ทว่า พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่ทั้งโดยตำแหน่งหน้าที่และอายุแล้วอยู่ในกลุ่มที่ควรได้รับการฉีดวัคซีนเป็นกลุ่มแรกๆ กลับจะยังไม่เข้ารับวัคซีนในวันดังกล่าว
อย่างไรก็ดี เมื่อถึงวันที่ 12 มี.ค. 2564 มีการเลื่อนการเข้ารับวัคซีนของนายกฯ และ ครม. ออกไป โดย ศ.เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร ที่ปรึกษาศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ให้เหตุผลว่า ต้องชะลอการฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกาไปก่อน หลังเมื่อคืนเดนมาร์ก ออสเตรียพบผู้รับวัคซีนมีอาการเลือดแข็งตัวในหลอดเลือดดำ โดยเดนมาร์กประกาศชะลอการฉีดวัคซีน ทำให้คณะแพทย์และทีมงานการฉีดวัคซีนต้องนำมาพิจารณาการฉีดวัคซีนให้คนไทย เพื่อให้เกิดความปลอดภัยที่สุดกับประชาชน
อ่านเพิ่มเติม
เว็บไซต์ข่าวสดออนไลน์ — “บิ๊กป้อม” ไม่ตอบฉีดวัคซีนโควิดเมื่อไหร่ รับแก่แล้ว ถ้าช็อกตายจะทำยังไง
ยูทูบ NationTV22 — “บิ๊กป้อม” ชิ่งฉีดวัคซีนโควิดอ้างติดภารกิจ ย้อนถาม “ช็อกตายว่าไง” | เนชั่นทันข่าวค่ำ | NationTV22
เว็บไซต์ไทยพีบีเอส — สธ.แจงเหตุผลชะลอฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกา ขอรอผลสืบค้น
ส่งบิ๊กโจ๊กกลับ ตร. นายกฯ แจง ให้ไปรับการตรวจสอบต่อ
ที่มา: เว็บไซต์ไทยโพสต์ (http://bit.ly/2X6sx9g)
หลังวันที่ 8 มี.ค. 2563 นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้ยอมรับว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลงนามคำสั่งให้ พล.ต.ท. สุรเชษฐ์ หักพาล หรือ “บิ๊กโจ๊ก” ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กลับมาดำรงตำแหน่งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) โดยระบุว่า คำสั่งของนายกรัฐมนตรีคือ ให้พิจารณาทุกคนที่ค้างอยู่เวลานี้ ถ้าเคลียร์ได้ก็ให้พยายามเคลียร์ออกไป
ล่าสุด วันที่ 9 มี.ค. 2564 นายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า เดิมการโอนย้าย พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล จาก ผบช.สตม.ไปเป็นที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นไปตามมาตรการแก้ไขปัญหาเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างถูกตรวจสอบ แต่เมื่อตรวจสอบแล้วยังไม่ได้ข้อยุติก็ส่งกลับไปตรวจสอบต่อที่ ตร.
อ่านเพิ่มเติม
เว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์ — “บิ๊กโจ๊ก สุรเชษฐ์ หักพาล” คืนถิ่นกลับ “ถ้ำเสือ” สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
เว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์ — เทียบเท่า “ผช.ผบ.ตร.” รับบิ๊กโจ๊ก ผงาดกลับ สตช.
ดังกระฉ่อนโลก ประยุทธ์ฉีดแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อใส่ผู้สื่อข่าว — ปารีณาแจง เพราะห่วงใย
วันที่ 9 มี.ค. 2563 ที่ทำเนียบรัฐบาล ขณะที่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นากยกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กำลังให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว ทันทีที่ผู้สื่อข่าวถามถึงเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี พล.อ. ประยุทธ์ก็ตอบกลับอย่างมีอารมณ์ว่า “ไม่รู้ ยังไม่ได้เปิด” และ “มันเป็นเรื่องที่นายกฯ ควรจะรู้คนเดียวก่อนมั้ย” จากนั้นก็เดินลงจากโพเดียมก่อนจะหยิบสเปรย์แอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อตรงไปพ่นใส่ผู้สื่อข่าวคนที่ถามคำถามดังกล่าว และเดินพ่นใส่นักข่าวไปตลอดทางขณะเดินออกจากพื้นที่ให้สัมภาษณ์ รวมถึงตลอดเวลาที่ให้สัมภาษณ์ต่ออีกเล็กน้อยด้วย
พฤติกรรมดังกล่าว ได้ทำให้เกิดกระแสติติงในโลกออนไลน์ตั้งแต่เรื่องกิริยามารยาทที่ไม่เหมาะสม ไปจนถึงการออกมาให้ความรู้ถึงอันตรายจากการกระทำดังกล่าว ที่นอกจากจะไม่ช่วยในการฆ่าเชื้อโรคแล้ว ยังเสี่ยงต่อการทำให้เกิดอาการระคายเคืองในผู้ที่ถูกฉีดพ่น
ต่อพฤติกรรมดังกล่าว นางสาวปารีณา ไกรคุปต์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ได้ออกมาแก้ต่างให้นายกฯ ในเฟซบุ๊กแฟนเพจของตนเอง โดยระบุว่า ที่ พล.อ. ประยุทธ์ทำเช่นนั้นเพราะเครื่องพ่นฆ่าเชื้อที่ทำเนียบรัฐบาลชำรุด นายกฯ จึงต้องแสดงความรักและห่วงใยต่อสื่อมวลชน
เมื่อเครื่องพ่นฆ่าเชื้อที่ ทำเนียบเสีย ก็เป็นเรื่องที่นายกจะแสดงความรักและห่วงใยต่อสื่อมวลชน ใช่ไหมๆ
#สื่อฮานายก เมื่อนายก รักหลอกถึงหยอกเล่น
#พลเอกประยุทธนายกขวัญใจสื่อPosted by ปารีณา ไกรคุปต์ on Tuesday, March 9, 2021
อย่างไรก็ดี การกระทำครั้งนี้ของ พล.อ. ประยุทธ์ ก็ได้กลายเป็นข่าวไปทั่วโลก เมื่อสำนักข่าวต่างชาติหลายๆ สำนักต่างพากันรายงานเรื่องนี้โดยพร้อมเพรียง เช่น รอยเตอรส์, เอบีซีนิวส์, แชนเนลนิวส์เอเชีย หรือเดอะการ์เดียน
อ่านเพิ่มเติม
เว็บไซต์ข่าวสดออนไลน์ — “บิ๊กป้อม” ไม่ตอบฉีดวัคซีนโควิดเมื่อไหร่ รับแก่แล้ว ถ้าช็อกตายจะทำยังไง
ยูทูบ Khaosod TV – ข่าวสด — ฟุ้งทั้งทำเนียบ! ‘ประยุทธ์’ มาแปลก ทำหน้าเซ็งนิดๆ ไล่ฉีดแอลกอฮอล์ใส่นักข่าว : Khaosod TV
เว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์ — อันตราย! นายกฯ ฉีดสเปรย์แอลกอฮอล์ใส่นักข่าว แพทย์ย้ำไม่ควรนำไปฉีดใกล้ใบหน้า อาจระคายเคืองได้
อ่านเพิ่มเติม
ศาล รธน. มีมติ รัฐสภาแก้ไข รธน. ได้ แต่ต้องทำประชามติก่อน
หลังจากที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ และนายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ได้ขอให้รัฐสภาพิจารณาส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญตามมาตรา 256 ของรัฐสภา เพื่อตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ขึ้นมายกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ และศาลรัฐธรรมนูญ (ศาล รธน.) ได้รับคำร้องไว้วินิจัฉัยเมื่อวันที่ 18 ก.พ. 2564
ล่าสุด ศาล รธน. ได้มีมติเสียงข้างมาก ระบุว่ารัฐสภามีอำนาจและหน้าที่จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ แต่ต้องมีการทำประชามติ 2 ครั้งก่อน โดยครั้งแรกเป็นการให้ประชาชนลงมติว่าต้องการให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ ซึ่งหากประชาชนต้องการให้มี และต่อมาได้จัดทำร่างรัฐธรรมนูญเสร็จแล้ว ให้ทำประชามติครั้งที่สอง โดยให้ประชาชนเป็นผู้ลงมติว่าจะยอมรับร่างรัฐธรรมนูญดังกล่าวหรือไม่
อ่านเพิ่มเติม
เว็บไซต์บีบีซีไทย — แก้รัฐธรรมนูญ: ศาลรัฐธรรมนูญชี้สภามีอำนาจร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่ต้องจัดให้ลงประชามติ
องค์การยาอียูยืนยัน วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าไม่ทำลิ่มเลือดอุดตัน หลัง 7 ชาติอียูระงับฉีด
วันที่ 11 มี.ค. 2564 หน่วยงานรัฐด้านสุขภาพเดนมาร์ก หรือดีเอชเอ (DHA — Danish Health Authority) ซึ่งเป็นหน่วยงานสูงสุดด้านสาธารณสุขของเดนมาร์ก ได้สั่งระงับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้า เนื่องจากมีรายงานว่ามีหลายกรณีที่ผู้ได้รับวัคซีนเกิดภาวะลิ่มเลือด
นอกจากเดนมาร์กแล้ว นอร์เวย์และไอซ์แลนด์ก็ได้สั่งระงับการฉีดวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าด้วยเช่นกัน และมีหลายประเทศที่สั่งระงับในบางลอต ได้แก่ อิตาลี, ออสเตรีย, เอสโตเนีย, ลัตเวีย, ลิทัวเนีย และลักเซมเบิร์ก
ต่อมา องค์การยาแห่งสหภาพยุโรป หรืออีเอ็มเอ (EMA — European Medicines Agency) ได้ออกมายืนยันว่าไม่พบข้อบ่งชี้ถึงการที่วัคซีนโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำให้เกิดลิ่มเลือดในตัวผู้ที่ได้รับยา
อีเอ็มเอยืนยันว่า “ขณะนี้ยังไม่มีข้อบ่งชี้ว่าการฉีดวัคซีนจะทำให้เกิดอาการเหล่านี้ ซึ่งไม่ได้เป็นอาการที่อยู่ในรายการผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนชนิดนี้” และ “ประโยชน์ของวัคซีนยังมีน้ำหนักมากกว่าความเสี่ยง และสามารถใช้วัคซีนตัวนี้ต่อไปได้ ในขณะที่การสืบสวนกรณีภาวะลิ่มเลือดอุตตันหลอดเลือดดำยังคงดำเนินต่อไป”
นอกจากนี้ อีเอ็มเอยังระบุด้วยว่า ในกลุ่มชาวยุโรปที่ได้รับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้ากว่า 5 ล้านคน พบกรณีที่เกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันหลอดเลือดดำเพียง 30 รายเท่านั้น ซึ่งเป็นอัตราที่ไม่ได้สูงไปกว่าจำนวนผู้ป่วยในกลุ่มคนทั่วไปเลย
อ่านเพิ่มเติม
เว็บไซต์มติชนออนไลน์ — เดนมาร์ก+6 ชาติอียู สั่งระงับฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ชี้ทำลิ่มเลือดอุดตัน
เว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์ — EU ยันวัคซีนแอสตราเซเนกา ไม่ทำให้เกิดลิ่มเลือด หลังชาติยุโรปแห่หยุดใช้
ข่าวหรือบทความที่เกี่ยวข้อง
