ThaiPublica > เกาะกระแส > กนง.เอกฉันท์คงดอกเบี้ย 0.5% คาดเศรษฐกิจหดตัว 8.1% ต่ำกว่าวิกฤติต้มยำกุ้ง

กนง.เอกฉันท์คงดอกเบี้ย 0.5% คาดเศรษฐกิจหดตัว 8.1% ต่ำกว่าวิกฤติต้มยำกุ้ง

24 มิถุนายน 2020


นายทิตนันทิ์ มัลลิกะมาส ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และเลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)

วันที่ 24 มิถุนายน 2563 นายทิตนันทิ์ มัลลิกะมาส ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และเลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) แถลงผลการประชุมกนง.ครั้งที่ 4/2563 ว่าคณะกรรมการฯ มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.5% ต่อปี โดยในการตัดสินนโยบาย คณะกรรมการฯ ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2563 มีแนวโน้มหดตัวกว่าประมาณการเดิม เนื่องจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของ COVID-19 รุนแรงกว่าที่คาดไว้และรัฐบาลหลายประเทศรวมทั้งประเทศไทยต้องดำเนินมาตรการควบคุมการระบาด ซึ่งส่งผลกระทบให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลกหยุดชะงัก รวมทั้งจะมีผลกระทบที่มีความไม่แน่นอนสูงต่อโครงสร้างของระบบเศรษฐกิจ รูปแบบการทำธุรกิจ วิถีชีวิตและการประกอบอาชีพของประชาชน

อย่างไรก็ดี ในช่วงครึ่งหลังของปีกิจกรรมทางเศรษฐกิจมีแนวโน้มทยอยฟื้นตัวในประเทศที่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของ COVID-19 ได้ดีซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วย อัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มติดลบกว่าที่ประเมินไว้ แต่มีแนวโน้มกลับสู่กรอบเป้าหมายในช่วงปี 2564 เสถียรภาพระบบการเงินเปราะบางมากขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจ

คณะกรรมการฯ เห็นว่านโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากตั้งแต่ต้นปี รวมทั้งมาตรการการคลังของรัฐบาลและมาตรการด้านการเงินและสินเชื่อที่ออกมาเพิ่มเติม ช่วยบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นและจะสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้หลังการระบาดของ COVID-19 คลี่คลาย เอื้อให้อัตราเงินเฟ้อกลับสู่กรอบเป้าหมาย และลดความเสี่ยงต่อเสถียรภาพระบบการเงิน คณะกรรมการฯ จึงเห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในการประชุมครั้งนี้

เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มหดตัวมากกว่าที่ประเมินไว้ เนื่องจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ทั่วโลกรุนแรงกว่าที่คาดไว้ และรัฐบาลหลายประเทศรวมทั้งประเทศไทยต้องดำเนินมาตรการควบคุมการระบาด ซึ่งส่งผลกระทบรุนแรงต่อการท่องเที่ยวและการส่งออกสินค้า ขณะที่อุปสงค์ในประเทศ ทั้งการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนหดตัวกว่าที่ประเมินไว้ การจ้างงานและรายได้มีแนวโน้มลดลง อย่างไรก็ดี กิจกรรมทางเศรษฐกิจมีสัญญาณปรับดีขึ้นหลังการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาด

มาตรการต้องตรงจุด-ทันการณ์

คณะกรรมการฯ เห็นว่ามาตรการการคลังที่ตรงจุดและทันการณ์ นโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย รวมถึงมาตรการด้านสินเชื่อและการเร่งปรับปรุงโครงสร้างหนี้ยังจำเป็นต่อการสนับสนุนการจ้างงานและธุรกิจ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ คณะกรรมการฯ เห็นว่าจะต้องมีนโยบายด้านอุปทานเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจและการปรับรูปแบบการทำธุรกิจให้สอดคล้องกับบริบทใหม่หลังจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 คลี่คลายลงด้วย

ด้านอัตราเงินเฟ้อทั่วไปปี 2563 มีแนวโน้มติดลบมากกว่าคาด ตามราคาพลังงานที่ลดลงแรงตามอุปสงค์ที่ลดลงจากการชะลอของกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลก อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานมีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายในช่วงปี 2564 ตามราคาน้ำมันดิบที่จะทยอยปรับสูงขึ้นและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ การคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อในระยะปานกลางยังยึดเหนี่ยวอยู่ในกรอบเป้าหมาย

ด้านภาวะการเงิน อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารพาณิชย์ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นปรับลดลงหลังการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ขณะที่ส่วนต่างของอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ภาคเอกชนและพันธบัตรรัฐบาลยังอยู่ในระดับสูง ด้านสินเชื่อขยายตัวจากสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ เพื่อเตรียมสภาพคล่องรองรับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจและเพื่อทดแทนการออกตราสารหนี้ ขณะที่สินเชื่อธุรกิจ SMEs และสินเชื่อเพื่ออุปโภคบริโภคชะลอลง สภาพคล่องโดยรวมยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งคณะกรรมการฯ เห็นว่าต้องดูแลให้กระจายตัวไปสู่ภาคธุรกิจและครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบมากขึ้น

ด้านอัตราแลกเปลี่ยน ในช่วงที่ผ่านมา ค่าเงินดอลลาร์ สรอ. อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักและเงินสกุลภูมิภาคส่งผลให้เงินบาทแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ สรอ. คณะกรรมการฯ กังวลต่อสถานการณ์เงินบาทที่แข็งค่าขึ้นและอาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ จึงเห็นควรให้ติดตามสถานการณ์ตลาดอัตราแลกเปลี่ยนอย่างใกล้ชิด รวมทั้งประเมินความจำเป็นของการดำเนินมาตรการที่เหมาะสมเพิ่มเติม

ระบบการเงินมีเสถียรภาพ ธนาคารพาณิชย์มีระดับเงินกองทุนและเงินสำรองที่เข้มแข็ง แต่ในระยะข้างหน้าต้องเตรียมพร้อมรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง และความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากความสามารถในการชำระหนี้ของธุรกิจและครัวเรือนที่ลดลง โดย ธปท. ได้ออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ระยะที่ 2 และเร่งดำเนินการให้ธนาคารพาณิชย์ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้แก่ธุรกิจ รวมถึงเร่งรัดการให้สินเชื่อผ่านโครงการต่าง ๆ ที่ออกมาก่อนหน้า

มองไปข้างหน้า คณะกรรมการฯ จะติดตามพัฒนาการของการขยายตัวทางเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อ เสถียรภาพระบบการเงิน และปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ทั้งจากเศรษฐกิจต่างประเทศ ผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 รวมถึงประสิทธิผลของมาตรการการคลังและมาตรการด้านการเงินและสินเชื่อ เพื่อประกอบการดำเนินนโยบายการเงินในระยะต่อไป โดยพร้อมใช้เครื่องมือนโยบายการเงินที่เหมาะสมเพิ่มเติมหากจำเป็น

คาดเศรษฐกิจหดตัว 8.1% ต่ำกว่าวิกฤติต้มยำกุ้ง

นายทิตนันทิ์ กล่าวต่อไปว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้คาดว่าจะหดตัวมากขึ้นจาก -5.3% เป็น -8.1% โดยคาดว่าจะติดลบมากที่สุดในไตรมาสที่สองของปี ขณะที่ในครึ่งหลังของปีเศรษฐกิจไทยจะค่อยๆฟื้นตัวตามลำดับและหดตัวลดลงไป โดยในปี 2564 คาดว่าจะเติบโต 5% จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโตได้ 3%

“ในรายละเอียดของเศรษฐกิจคาดว่าจะมี 3 ประเด็น อันแรกเป็นผลกระทบจากการล็อกดาวน์ในหลายประเทศ ดังนั้นตัวที่จะมีผลกระทบอย่างมากคือท่องเที่ยวและการส่งออกสินค้าที่ปรับลดลงมากกว่าที่คาดไว้เดิม นักท่องเที่ยวปรับลงจาก 15 ล้านคนเหลือ 8 ล้านคน ส่วนในปีหน้าคาดว่าจะทยอยขึ้น แต่อาจจะเป็นช่วงหลังของปีหน้าได้หลังจากวัคซีนมีความคืบหน้าออกมา ส่วนอุปสงค์ในประเทศหดตัวมากกว่าที่คาดไว้ โดยการบริโภคลดลงตามการจ้างงานและรายได้ รวมไปถึงการลงทุนด้วย ส่วนมาตรการทางการคลังที่ออกมาจะช่วยบรรเทาผลกระทบและสนับสนุนเศรษฐกิจในระยะต่อไป”

ขณะที่หากดูผลกระทบของการล็อกดาวน์ที่ส่งผลต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา จากข้อมูลของ Google Mobility Data จะเห็นว่าหลังจากผ่อนคลายประชาชนเริ่มออกจากบ้านมากขึ้นตามลำดับ ส่วนข้อมูลการขับรถก็ชี้ให้เห็นว่ามีการฟื้นตัวเช่นกันแต่ยังแตกต่างไปในแต่ละจังหวัด โดยจังหวัดท่องเที่ยวยังอยู่ในระดับต่ำกว่าจังหวัดอื่นๆ ข้อมูลเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่าเศรษฐกิจเริ่มปรับฟื้นตัวมากขึ้น

อนึ่ง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการหดตัวของเศรษฐกิจที่ 8.1 % นับว่าต่ำกว่าช่วงวิกฤติต้มยำกุ้งที่เริ่มต้นช่วงกลางปี 2540 โดยการเติบโตทางเศรษฐกิจในช่วงวิกฤติครั้งนั้นปี 2542 หดตัว 7.6%