ThaiPublica > เกาะกระแส > คาซูโอะ อินาโมริ กับ Amoeba Management ความคิดที่ทำให้ JAL ฟื้นกิจการได้แบบตัว V

คาซูโอะ อินาโมริ กับ Amoeba Management ความคิดที่ทำให้ JAL ฟื้นกิจการได้แบบตัว V

20 พฤษภาคม 2020


รายงานโดย ปรีดี บุญซื่อ

คาซูโอะ อินาโมริ ในวันที่ JAL เข้าจดทะเบียบใหม่ในตลาดหุ้นโตเกียว เดือนกันยายน 2012 ที่มาภาพ : japantimes.co.jp

หลังจากที่แจแปนแอร์ไลน์ (JAL) ยื่นเรื่องของฟื้นฟูกิจการจากศาลในกรุงโตเกียว เมื่อเดือนมกราคม 2010 ในเดือนกุมภาพันธ์ 2010 คาซูโอะ อินาโมริ (Kazuo Inamori) ผู้ก่อตั้งบริษัทเคียวเซร่า (Kyocera) ก็เข้ามารับตำแหน่งทั้งประธานและ CEO ของ JAL ตามการขอร้องของรัฐบาลญี่ปุ่น

  • ความมหัศจรรย์ของแจแปนแอร์ไลน์ บทเรียนการฟื้นตัวจากภาวะล้มละลาย
  • ภายใต้การบริหารของอินาโมริ JAL ที่อดีตเคยเป็นสายการบินแห่งชาติของญี่ปุ่น ก็สามารถฟื้นตัวขึ้นมาได้ เมื่อสิ้นสุดปีงบประมาณ 31 มีนาคม 2012 JAL มีผลกำไรจากการดำเนินงาน 205 พันล้านเยน ก่อนหน้านี้ในเดือนกันยายน 2011 หุ้นของ JAL เข้าไปซื้อขายอีกครั้งที่ตลาดหุ้นโตเกียว

    การฟื้นตัวของ JAL แบบตัว V นอกจากจะอาศัยการสนับสนุนจากหน่วยงานรัฐที่ทำหน้าที่ฟื้นฟูวิสาหกิจแล้ว อินาโมริได้รับการยกย่องอย่างมาก ในเรื่องการบริหารในช่วงการฟื้นฟูกิจการ JAL โดยเฉพาะการเน้นหนักให้บรรดาพนักงานระดับผู้จัดการของ JAL ทุ่มเทในเรื่องการสร้างผลกำไรของการดำเนินงาน

    การบริหารแบบอะมีบา

    ในหนังสือชื่อ Amoeba Management (2013) คาซูโอะ อินาโมริ เขียนไว้ว่า เดือนกุมภาพันธ์ 2010 รัฐบาลญี่ปุ่นขอให้เขามารับตำแหน่งประธาน JAL โดยมีภาระกิจคือการฟื้นฟูสายการบินนี้ หลังจากที่ยื่นเรื่องขอการคุ้มครองจากภาวะล้มละลายจากศาล JAL ต่อสู้มาหลายปีกับปัญหาโครงสร้างที่ขาดดุล

    อินาโมริบอกว่า การฟื้นบริษัทอย่าง JAL ขึ้นมา จำเป็นต้องมีการดำเนินการในเรื่อง การเปลี่ยนแปลงทัศนะของพนักงาน JAL ด้วยปรัชญาการบริหาร ที่ให้พนักงานทุกคนมีส่วนร่วม ในเวลาเดียวกัน เขาก็นำเอาระบบบัญชีตามหลักการบริหารอะมีบา มาใช้กับฝ่ายต่างๆภายใน JAL ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นก็คือ JAL สามารถฟื้นตัวแบบตัว V ในปีงบดุลถัดมาที่สิ้นสุดในเดือนมีนาคม 2011 หลังจากที่ขาดทุนติดต่อกันมาหลายปี ทำให้ JAL ก็สามารถทำกำไรได้เป็นครั้งแรก

    อินาโมริเป็นนักธุรกิจ ที่คิดค้นปรัชญาการบริหารอะมีบา เขากล่าวไว้ในหนังสือ Amoeba Management ว่า ปรัชญการบริหารอะมีบาไม่ใช่วิธีการแบบสูตรสำเร็จ know-how แต่เป็นระบบควบคุมการบริหารทั้งหมด เพราะจะเกี่ยวข้องกับการบริหารในทุกส่วนขององค์กร การเข้าใจวัตถุประสงค์ของการบริหารอะมีบา จึงสำคัญ

    การบริหารแบบอะมีบา มี 3 วัตถุประสงค์ คือ (1) สร้างระบบบัญชีที่สะท้อนกลไกตลาดภายในหน่วยงานต่างๆขององค์กร (market-oriented divisional accounting system) (2) พัฒนาให้เกิดผู้นำองค์กร ที่ตระหนักในเรื่องการบริหารจัดการ และ (3) ทำให้เกิด “การบริหารจัดการโดยทุกคน” หรือ management by all

    คาซูโอะ อินาโมริ ที่มาภาพ : https://global.kyocera.com/inamori/

    ขาดสำนึกจริงจังที่จะปรับปรุงธุรกิจ

    หลังจากเข้ารับตำแหน่งประธาน และ CEO ของ JAL ได้ 9 เดือน อินาโมริได้รับเชิญให้ไปกล่าวต่อสโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศในญี่ปุ่น โดยเขากล่าวว่า จากการใช้แนวคิดการบริหารแบบอะมีบา ทำให้ JAL จะมีฐานะทางการเงินดีขึ้น และบรรลุแผนฟื้นฟูกิจการ

    เขากล่าวกับสโมสรผู้สื่อข่าวฯว่า “ผมใช้เวลาหมดไปหลายปีในเรื่อง การบริหารงาน และเรียนรู้จากประสบการณ์ว่า สิ่งสำคัญที่จะต้องมีคือ ระบบที่ทำให้คุณเห็นรายละเอียดเป็นตัวเลขและผลประกอบการที่เกิดขึ้นจริง (real-time) โดยไม่มีความล่าช้า เพื่อที่พนักงานทุกคนจะได้เสนอแนวคิดในการสนับสนุนการดำเนินงาน แต่ JAL ไม่มีระบบดังกล่าว พนักงานไม่รู้ว่าเที่ยวบินไหนหรือเส้นทางบินไหนที่ขาดทุน ทำให้พวกเขาไม่ได้มีการตัดสินใจที่จะดำเนินการที่เหมาะสม

    ก่อนหน้านี้ อินาโมริมีชื่อเสียงจากสร้างแนวคิดการบริหารแบบอะมีบาขึ้นมา ที่พนักงานในองค์กร จะถูกแบ่งออกเป็นกลุ่มเล็กๆ เรียกว่า “อะมีบา” แต่ละกลุ่มจะมีตัวเลขผลประกอบการที่เป็นจริง และเป้าหมายที่ต้องการบรรลุ ส่งเสริมให้แต่ละหน่วยทำงานอิสระในบริษัท เหมือนกับตัวเชื้อจุลินทรีย์

    ในช่วงระยะแรกการเป็นประธาน JAL อินาโมริกล่าวว่า มีอะไรหลายอย่างที่เขาประหลาดใจ องค์กร JAL มีลักษณะแบบราชการ ผู้บริหารระดับสูงไม่มีความสำนึกจริงจังที่จะปรับปรุงธุรกิจ ไม่มีความชัดเจนว่าใครรับผิดชอบในธุรกิจอะไร

    เพราะเหตุนี้ หลังจากรับตำแหน่งได้ 4 เดือน อินาโมริจึงจัดประชุมสัมมนา 4 ครั้งต่อสัปดาห์ กับพนักงานระดับบริหารครั้งหนึ่งจำนวน 50 คน เพื่ออบรมเรื่องการเป็นผู้นำ ระบบบัญชีพื้นฐาน และการบริหารองค์กร

    คาซูโอะ อินาโมริ ที่มาภาพ : https://global.kyocera.com/inamori/

    บทเรียนจาก Amoeba Management

    ปัญหาท้าทายบริษัทธุรกิจขนาดใหญ่อยู่ที่ว่า เมื่อบริษัทเติบโตมากขึ้นกลายเป็นองค์กรขนาดใหญ่ ทำอย่างไรจะรักษาพลวัตและความมุ่งมั่นของพนักงาน ที่จะทำงานให้ประสบความสำเร็จ เหมือนกับพนักงานในช่วงแรกๆของการก่อตั้งบริษัท ทฤษฎีการบริหารจะเสนอแนวคิดในการแก้ปัญหานี้ โดยการกระจายอำนาจ ให้หน่วยงานมีความรับผิดชอบด้วยตัวเอง หรือ การแยกธุรกิจออกเป็นบริษัทในเครือ เป็นต้น

    บทความของ MIT Sloan Management Review ชื่อ Ameba Management: Lessons From Japan’s Kyocera กล่าวว่า ระบบการบริหารของบริษัทเคียวเซร่าของญี่ปุ่น มีลักษณะเอกลักษณ์เฉพาะ ที่ส่งเสริมการเติบโตแบบกำไรของบริษัท โดยวิธีการกระจายอำนาจแบบเต็มที่ ภายในบริษัทจะมีหน่วยธุรกิจเล็กๆ ที่ให้ความสำคัญกับลูกค้า จำนวนนับพันหน่วย

    บริษัทเคียวเซร่าตั้งขึ้นในปี 1959 เดิมมีชื่อว่า เกียวโตเซรามิก ที่ผลิตเซรามิกอุตสาหกรรม ส่วนประกอบเซมิคอนดักเตอร์ และอุปกรณ์โทรคมนาคม ในปี 2018 มีพนักงาน 8 หมื่นกว่าคนทั่วโลก มีรายได้ 1.5 ล้านล้านเยน และกำไร 81 พันล้านเยน
    การดำเนินธุรกิจที่ผ่านมาในหลายทศวรรษ

    กุญแจความสำเร็จของเคียวเซร่าที่สำคัญคือวัฒนธรรมการประกอบการที่เรียกว่า “การบริหารแบบอะมีบา” การใช้คำว่า “อะมีบา” เพราะต้องการสื่อแนวคิดการดำรงอยู่อิสระที่เป็นหน่วยเล็กที่สุด และความสามารถของหน่วย ที่จะรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องและรวดเร็ว

    บทความของ MIT Sloan Management กล่าวว่า เคียวเซร่าแตกต่างจากบริษัทอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ คือมีโครงสร้างที่ประกอบด้วยการรวมตัวของหน่วยธุรกิจเล็กๆ ที่ยึดถือลูกค้าเป็นศูนย์กลาง คาซูโอะ อินาโมริ พัฒนาแนวคิดนี้ขึ้นมา เพื่อให้พนักงานธรรมดาๆของบริษัท แม้จะไม่มีพื้นฐานด้านการเงิน ก็สามารถมองเห็นว่า ตัวเองจะมีส่วนทำให้บริษัทประสบความสำเร็จได้อย่างไร

    ภายในเคียวเซร่ามีหน่วยอะมีบาประมาณ 3,000 หน่วย แม้แต่ละหน่วยจะมีกลุ่มลูกค้าแตกต่างกัน แต่มีวัตถุประสงค์และเป้าหมายทางกลยุทธ์ร่วมกัน คือ พันธกรณีต่อราคา คุณภาพ การส่งมอบตรงเวลา และค่านิยมองค์กรในเรื่อง ความเที่ยงธรรม คุณธรรม ความขยัน และสวัสดิการแก่พนักงาน แต่ละหน่วยอะมีบา ที่ประกอบด้วยพนักงาน 5-50 คน ที่ทำงานอย่างอิสระ หาหนทางการทำงานกับหน่วยอะมีบาอื่นๆ เพื่อให้เกิดการเติบโตอย่างมีกำไร

    คาซูโอะ อินาโมริ ที่มาภาพ : https://global.kyocera.com/inamori/

    แนวคิดที่ว่า ความสำเร็จขององค์กรมาจากผลงานร่วมกันของพนักงาน เป็นหัวใจความสำเร็จของเคียวเซร่า พนักงานของเคียวเซร่าเองบอกว่า Amoeba Management คือ การบริหารจัดการโดยพนักงานทุกคน ที่คาซูโอะ อินาโมริ เรียกว่า management by all ซึ่งเป็นวัตถุประสงค์ข้อหนึ่งของ Amoeba Management

    การประชุมประจำวันของหน่วยอะมีบา ที่ใช้เวลา 30 นาที ทำให้มีการแลกเปลี่ยนแนวคิดที่จะปรับปรุงธุรกิจขององค์กร เช่น การพิจารณารายจ่ายของหน่วยในเดือนหน้า เปรียบเทียบกับค่าใช้จ่ายของเดือนที่ผ่านมา หรือการระดมความคิดของพนักงานของหน่วยเรื่อง การปรับปรุงบริการลูกค้า ที่จะมีพนักงานจากฝ่ายอื่นมาร่วมด้วย เช่น ฝ่ายประกันคุณภาพ หรือฝ่ายวิจัยและพัฒนา

    การบริหารแบบอะมีบาทำให้หน่วยธุรกิจต่างๆของเคียวเซร่า สามารถมีกลไกภายในหน่วย ที่จะรับมือกับการแข่งขันในด้านราคา คุณภาพ และการส่งมอบสินค้า หากราคาสินค้าในตลาดลดลง หรือการสั่งซื้อชะลอตัว หน่วยอะมีบาสามารถตัดสินใจได้เลยเพื่อรับมือ เช่น การลดราคา หรือลดปริมาณการผลิต โดยไม่ต้องไปรอการบันทึกตัวเลขในระบบบัญชีเสียก่อน

    บทความของ MIT Sloan Management Review กล่าวสรุปว่า การกระจายอำนาจให้แก่พนักงาน คือหัวใจสำคัญของการบริหารแบบอะมีบา องค์กรที่ต้องการนำแนวคิดการบริหารแบบนี้ไปใช้ จะต้องมีผู้นำองค์กร ที่สามารถส่งเสริมการกระจายอำนาจให้แก่พนักงาน และส่งเสริมพนักงานทั้งหมดให้เกิดความรู้สึกการเป็นเจ้าของบริษัท

    เอกสารประกอบ
    Amoeba Management, Kazuo Inamori, CRC Press, 2013.
    JAL chief touts “amoeba” style of management, October 21, 2010, japantimes.co.jp
    Amoeba Management: Lessons From Japan’s Kyocera, sloanreview.mit.edu