ThaiPublica > คอลัมน์ > ปัญหามา… ปัญญามี (1): ต่อลมหายใจ

ปัญหามา… ปัญญามี (1): ต่อลมหายใจ

30 มีนาคม 2020


ปพนธ์ มังคละธนะกุล www.facebook.com/Lomyak

ผลกระทบทางเศรษฐกิจจากโควิด-19​ ที่เริ่มได้รับกันบ้างแล้ว​ และจะทวีความรุนแรงขึ้นตามลำดับ​นั้น​ เป็นสิ่งหลีกหนีไม่ได้​ จะมากจะน้อยขึ้นอยู่กับสภาวะของแต่ละธุรกิจ​ แต่ละอุตสาหกรรมที่เราอยู่

แต่ที่แน่ๆ​ เราต้องเอาตัวรอด​ ต่อลมหายใจในระยะสั้นนี้ไปให้ได้ก่อน​ อย่างน้อยก็ 6 เดือนข้างหน้านี้ที่สถานการณ์จะมีแต่แย่ลง​ โดยหวังว่าใน​ 6 เดือนนี้มาตรการต่างๆ​ จะเอาอยู่​ และเริ่มทำให้วงจรเศรษฐกิจ​เริ่มปรับตัวเข้าสู่โหมดฟื้นฟู

จากการอ่านข้อมูลจากหลายสำนัก​ ส่วนใหญ่บอกตรงกันว่าเร็วสุด​ 6 เดือนจากนี้​ (เน้นว่าเร็วสุด)​ และตอกย้ำด้วยมาตรการช่วยเหลือของธนาคารต่างๆ​ ที่ให้หยุดพักชำระเงินต้นที่​ 6 เดือน​

ดังนั้น​ ธุรกิจจะต่อลมหายใจตัวเองให้ผ่าน​ 6 เดือนนี้ได้อย่างไร​ ขณะที่รายได้หดตัวอย่างรุนแรง

สิ่งแรกๆ​ ที่ต้องทำเลยคือ​ การลดภาระเงินไหลออกให้กับบุคคลภายนอก​ เนื่องจากเราไม่สามารถคาดเดาได้ว่า กลุ่มบุคคลเหล่านี้​​เขาจะตกลงยินยอมกับเราขนาดไหน​ จึงต้องคุยก่อนเป็นกลุ่มแรกๆ

1. หากใครมีสินเชื่ออยู่กับธนาคาร​ เดินหน้าคุยกับแบงก์เลยครับ​ ตอนนี้ทุกแบงก์มีมาตรการช่วยลูกค้ากันหมดแล้ว​ แต่ต้องรีบเดินเข้าหา​ อย่ารอ!!!

ตอนนี้เจ้าหน้าที่ของแบงก์งานชุกทุกคน​ ไหนจะต้องดูแลลูกค้า​ ไหนจะวุ่นเรื่อง​ BCP​ ขององค์กรตัวเอง​ หากตามตัวยาก​ ใจเย็นนิดนึงครับ

ทุกแบงก์ตอนนี้ให้พักชำระเงินต้นหมดแล้ว​ เหลือแต่จ่ายดอกเบี้ย​ หากใครมีสินเชื่อระยะยาว​ น่าจะช่วยลดภาระไปได้พอควร​ แต่หากใครมีวงเงินประเภท​ OD​ คงเป็นการซื้อเวลาซะมากกว่า

2. คุยกับคู่ค้า​ (โดยเฉพาะคนขายของให้เรา) หันหน้าเข้าหากัน​ สอบถามดูว่าเขามีกำลังขนาดไหน​ สามารถช่วยเราผ่อนลดภาระช่วงนี้ได้แค่ไหน​ คุยกันตรงๆ​ เลยว่าเราเจอหนักขนาดไหน

การคุยกับคู่ค้านี้​ คนส่วนใหญ่มักจะกลัว​ เพราะว่าต้องค้าขายกันอีกนาน​

ยิ่งอย่างนี้​ ยิ่งต้องคุยกัน​ เพราะหากเศรษฐกิจฟื้น​ เรายังอยากจะทำการค้าด้วยกันต่อไป​ ดังนั้น​ ช่วงนี้จึงต้องช่วยๆ กัน​เท่าที่ทำได้

หากคู่ค้าเป็นบริษัทใหญ่​ ก็เหนื่อยหน่อย​ และเขาอาจไม่ขยับเลย​ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์​ ว่าแนบแน่นกันขนาดไหน​ คบหากันมานานมั้ย​

แต่​ ยังไงก็ต้องคุย​ คุยให้หมด​ จะได้รู้ว่า​ เราจะสามารถลดภาระได้แค่ไหนช่วงนี้​ และเขายังจะส่งของให้เราต่อไป​ บนเงื่อนไขอะไร

พูดถึงเรื่อง​การคุยกับคู่ค้า​ ผมเคยประสบมากับตัวช่วงวิกฤติต้มยำกุ้ง

ตอนนั้น​ ผมเป็นผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการของเครือโรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่ง​ ผู้บริหารแผน​ก็คือ​ ผู้บริหารกิจการของโรงพยาบาลแห่งนั้น​ แทนเจ้าหนี้ทุกคน

ความยากลำบากในช่วงแรก​ ก็เหมือนที่เราๆ​ กำลังเผชิญตอนนี้​ นั่นคือ​ เราต้องรู้ให้ได้ว่าโรงพยาบาลมีกระแสเงินสด​ให้เราจัดการแค่ไหน

สิ่งหนักใจที่สุดตอนนั้น​ ก็คือการคุยกับ​ supplier ทั้งหลายของโรงพยาบาล​ และที่ยากที่สุด​ ก็พวก​ supplier ยาและอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ทั้งหลาย

ผมกับนายต้องเดินสายเจรจากับทุกเจ้าใหญ่​ เราวางแผนไว้แล้วว่า​ หากเจ้าใหญ่ยอม​ รายเล็กลงมาก็จะยอมด้วย

มันยาก​ มันทรมาน​ แสนเข็ญจริงๆ

หูชา​ โดนขู่​ สารพัด​

บอกว่า​ ยาของเขา​ เครื่องมือของเขา​ เป็นสิ่งที่ช่วยชีวิตคนไข้​ หากไม่จ่ายตามเทอมเดิม​ จะไม่ส่งยาให้แล้ว​ จะมายึดเอาเครื่องคืนบ้าง

คิดดูเอาละกันครับว่า​ ผมจะเครียดแค่ไหน​ หากต้องมีคนไข้ตายช่วงนี้​ เพราะผมไม่จ่ายเงินให้แก่คู่ค้าเหล่านี้

แต่… ผมก็ผ่านมาได้​

ไม่มี​ supplier รายใดหยุดส่งยาให้เรา​ ไม่มีเครื่องมือแพทย์ถูกยึด

เราใช้หลักคุยกันด้วยเหตุผล​ เมื่อปล่อยให้ช่วงอารมณ์​โกรธ​ พลุ่งพล่าน​ ผ่านไป เขาจึงเข้าใจสถานการณ์​ และหาทางออกร่วมกันได้

ช่วงนี้​ เป็นช่วงที่ลำบากใจที่สุด​ ทุกคนเดือดร้อนถ้วนหน้า​ ประเด็นอยู่ที่ว่าเราเข้าใจสถานการณ์​กันแค่ไหน​ แล้วจะช่วยกันผ่อนปรนได้แค่ไหน​ เพื่อที่จะคบกันยาวๆ

เพราะวิกฤติ​ มาแล้วผ่านไป

แต่หากผ่านด้วยกันไปได้​ มันคือความสัมพันธ์​ระยะยาว​ ที่มีแต่จะแนบแน่นขึ้น​ และช่วยกันเติบโตกับการฟื้นฟูเศรษฐกิจ​รอบใหม่ต่อไป

หมายเหตุ: ตีพิมพ์ครั้งแรก เฟซบุ๊กล้อมยักษ์/Lom Yak วันที่ 21 มีนาคม 2563