“เซ็นทรัล รีเทล” ฉลองข่าวดีต้อนรับปีใหม่ หลัง ก.ล.ต. ไฟเขียวแบบไฟลิ่ง พร้อมส่งหุ้นไอพีโอเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ พร้อมขับเคลื่อนองค์กรสู่ความสำเร็จด้วยทีมผู้บริหารมากประสบการณ์และมืออาชีพ ชี้เทคโนโลยีสร้างโอกาสทางธุรกิจ ยึดหลัก ESG สร้างความยั่งยืนในระยะยาว
นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (CRC) ซึ่งเป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกมากว่า 70 ปี เปิดเผยว่า CRC พร้อมเปิดศักราชใหม่ด้วยการเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) หลังแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (แบบไฟลิ่ง) ผ่านการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 26 ธันวาคม 2562 เป็นต้นไป หลังจากเตรียมความพร้อมตลอดระยะเวลากว่า 3 ปีที่คณะผู้บริหารของ CRC ซึ่งมีครอบครัวจิราธิวัฒน์และทีมผู้บริหารมืออาชีพมากประสบการณ์ ได้ร่วมกันวางโครงสร้างธุรกิจค้าปลีกของกลุ่มเซ็นทรัลใหม่ (New Central New Retail) เพื่อที่จะให้นักลงทุนได้มาร่วมเติบโตกับ CRC บนเวทีระดับโลก
เงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ CRC จะนำไปขยายสาขาทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ รวมถึงการปรับปรุงสาขาต่าง ๆ อาทิ 1. การขยายสาขาใหม่ของห้างสรรพสินค้าโรบินสัน และ โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ เซ็นเตอร์ 2. การขยายสาขาของไทวัสดุ 3. การขยายสาขาของบิ๊กซี/GO! ในประเทศเวียดนาม 4. การปรับปรุงสาขาต่าง ๆ ของแต่ละกลุ่มธุรกิจ และการชำระคืนหนี้เงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน
ทั้งนี้ CRC ถือเป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกที่มีรูปแบบและเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยการรวบรวมแบรนด์ค้าปลีกชั้นนำหลากหลายประเภท (Multi-category) ใน 3 กลุ่มหลัก คือ กลุ่มแฟชั่น กลุ่มฮาร์ดไลน์ และกลุ่มฟู้ด หลากหลายรูปแบบและช่องทาง (Multi-format) ที่ครอบคลุมทั้งในและต่างประเทศ (Multi-market) โดยมีแบรนด์ค้าปลีกชั้นนำ เช่น ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ซูเปอร์สปอร์ต เซ็นทรัลมาร์เก็ตติ้งกรุ๊ป เพาเวอร์บาย ไทวัสดุ ท็อปส์ แฟมิลี่มาร์ท โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ เซ็นเตอร์ ในประเทศไทย รวมไปถึงบิ๊กซี/GO! เหงียนคิม ลานชีมาร์ท ในประเทศเวียดนาม และรีนาเชนเต ห้างสรรพสินค้าระดับไฮเอนด์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศอิตาลี
จากข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2562 และรายงานจาก Euromonitor International “CRC” เป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกผ่านรูปแบบที่หลากหลายที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีร้านค้าทั้งหมดประมาณ 1,922 ร้านค้าใน 51 จังหวัดทั่วประเทศ นอกจากนี้ CRC ยังได้ขยายความสำเร็จไปยังต่างประเทศ โดยเป็นผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้าระดับไฮเอนด์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศอิตาลี จำนวน 9 สาขา ใน 8 เมืองสำคัญ และยังเป็นผู้ประกอบการค้าปลีกข้ามชาติและค้าปลีกประเภท Hypermarket อันดับ 1 ในประเทศเวียดนามที่มีร้านค้าในรูปแบบต่าง ๆ จำนวน 133 ร้านค้า ใน 40 จังหวัด พร้อมด้วยแผนการเติบโตของ CRC ในการก้าวสู่การเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจค้าปลีกหลากหลายรูปแบบที่ประสบความสำเร็จที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และภูมิภาคอื่นของโลก
นายญนน์ กล่าวอีกว่า CRC ประสบความสำเร็จในการพัฒนาแพลตฟอร์มสู่ Customer-Centric Omnichannel ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ผสมผสานจุดเด่นที่ดีที่สุดของออนไลน์และออฟไลน์เข้าไว้ด้วยกันอย่างไร้รอยต่อ ยกระดับประสบการณ์ช้อปปิ้งที่สมบูรณ์แบบ ด้วยการนำเสนอสินค้าและบริการลูกค้าแบบรู้ใจตรงกับความต้องการเฉพาะบุคคล (Personalization) ผ่านการวิเคราะห์ฐานข้อมูลสมาชิก Loyalty Program ที่มีมากกว่า 28.8 ล้านรายทั่วโลก
ทั้งนี้การมอบประสบการณ์พิเศษสุดภายใต้แนวคิด Central of Life และนำมาซึ่งความสำเร็จของลูกค้า (Customer Success) ใน 3 ด้าน ได้แก่
-
1. Convenience ความสะดวกสบาย สามารถซื้อสินค้าได้ทุกที่ทุกเวลาทั่วโลก
2. Quality of Choice การเข้าถึงตัวเลือกของสินค้าที่มากกว่า มั่นใจในคุณภาพของแท้
3. Superior Omnichannel Service ด้วยบริการที่หลากหลาย เชื่อมโยงออฟไลน์จากหน้าร้าน สู่ออนไลน์ อาทิ Click & Collect, Click & Delivery, Reserve & Collect บริการรับจองสินค้าทางออนไลน์และมาดูสินค้าที่หน้าร้านได้ภายในเวลาอันสั้น สามารถรับสินค้าหรือสั่งให้ไปส่งสินค้ายังที่ที่ต้องการ, Chat & Shop, e-Ordering และ Express Delivery บริการส่งของด่วนภายใน 1-2 ชั่วโมง หรือแม้กระทั่งบริการหลังการขายแบบไร้กังวล
นอกจากการปรับตัวทางธุรกิจอยู่เสมอ โดยให้ความสำคัญสูงสุดกับประสบการณ์และความพึงพอใจของลูกค้าแล้ว สิ่งที่ CRC ยึดมาโดยตลอดคือการดำเนินธุรกิจภายใต้ความยั่งยืนตามหลักสิ่งแวดล้อม สังคมและธรรมภิบาล ( Environmental Social Governance ) โดยให้ความสำคัญและความร่วมมือกับทุกภาคส่วนที่จะขับเคลื่อนความยั่งยืนให้เกิดขึ้น ทั้งนี้ CRC ได้พัฒนาคุณภาพชีวิตใน 3 ด้านหลัก ได้แก่
-
1. ด้านการศึกษา โดยได้ลงนามกับกระทรวงศึกษาธิการในการดำเนินงานทางด้านการศึกษาในแบบองค์รวมสำหรับโครงการพาร์ทเนอร์ชิพสคูล
2. ด้านคุณภาพชีวิตคนพิการ โดยได้สร้างโอกาสในการประกอบอาชีพและพัฒนาอาชีพด้วยการจัดฝึกอบรมอาชีพคนพิการให้เหมาะสม
3. ด้านกีฬาและความเป็นอยู่ที่ดีของผู้คน โดยได้จัดกิจกรรมสนับสนุนการกีฬาต่างๆ เช่น Mini Marathon และ Cycling Championship รวมไปถึงแคมเปญ Eat Play Love และ Every Child Can Read
สำหรับด้านการพัฒนาสินค้าชุมชนและส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก ได้จับมือกับกลุ่มเซ็นทรัลในการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นและกระจายรายได้สู่เกษตรกร และร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและกลุ่มเกษตรกรรุ่นใหม่ในการจัดงานเพื่อการเกษตร เช่น ตลาดจริงใจ รวมทั้งสนับสนุนโครงการของหอการค้าไทยในการทำ Business Matching กับ SME เพื่อแบ่งปันองค์ความรู้และสนับสนุนให้ธุรกิจ SME สามารถแข่งขันทางการค้าได้
ส่วนการรักษาสิ่งแวดล้อม ได้จัดทำโครงการ “เซ็นทรัล รีเทล เลิฟ ดิ เอิร์ท” (Central Retail Love the Earth ) ซึ่งมีแนวทางการทำงาน Journey to Zero เช่น กิจกรรม “No Bag Day” ซึ่งจัดทุกวันที่ 4 ของเดือนในประเทศไทย และเชิญชวนลูกค้าเปลี่ยนมาใช้ถุงผ้าแทนถุงพลาสติก
CRC มีความตั้งใจที่จะเป็นห้างค้าปลีกรายแรกของประเทศไทยที่ปลอดถุงพลาสติกภายใต้โครงการ “Say No to Plastic Bags” นอกจากนี้ยังมีโครงการเพื่อลดการสร้างคาร์บอน (Zero Carbon) ได้จัดทำหลังคาเซลล์แสงอาทิตย์ และติดตั้งสถานีชาร์จไฟฟ้าให้กับรถยนต์ไว้ที่ร้านค้าเพื่อช่วยประหยัดพลังงาน และลดมลพิษทางอากาศ
นอกเหนือจากการลดขยะ ประหยัดพลังงาน และลดมลพิษทางอากาศแล้ว CRC มีแนวคิดที่จะเพิ่มพื้นที่สีเขียว ผ่านโครงการ Central Green เพื่อพัฒนาชุมชมและสิ่งแวดล้อมรอบบริเวณร้านค้าปลีกของ CRC โดยการดูแลและปรับปรุงให้พื้นที่ภายในรัศมี 4 ตารางกิโลเมตรของร้านค้าปลีกของ CRC ให้มีความสะอาดปลอดภัย มีระบบการจัดการสาธารณูปโภคที่ดี และโครงการปลูกป่า Forest Restoration โดยความร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ เช่น มูลนิธิชัยพัฒนาในการรักษาปอดของคนกรุงเทพฯ ที่คุ้งบางกะเจ้า