ThaiPublica > เกาะกระแส > “ชิมช้อปใช้” 3 วันแรก มีคนใช้สิทธิ 3.7 แสนราย ใช้เงินแล้ว 294 ล้าน KTB โต้ข่าวนักช้อปทิ้งรถเข็น ยันระบบไม่ล่ม – ชี้เป็นปัญหาของห้างฯ

“ชิมช้อปใช้” 3 วันแรก มีคนใช้สิทธิ 3.7 แสนราย ใช้เงินแล้ว 294 ล้าน KTB โต้ข่าวนักช้อปทิ้งรถเข็น ยันระบบไม่ล่ม – ชี้เป็นปัญหาของห้างฯ

30 กันยายน 2019


นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.)

“ชิมช้อปใช้” 3 วันแรก มีคนใช้สิทธิ 3.7 แสนราย ใช้เงินแล้ว 294 ล้าน KTB โต้ข่าวนักช้อปทิ้งรถเข็น ยันระบบไม่ล่ม – ชี้เป็นปัญหาของห้างฯ

นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในช่วง 8 วันแรก มีผู้ลงทะเบียนรับสิทธิ์มาตรการ “ชิมช้อปใช้” เต็มตามโควตา 1 ล้านรายทุกวันโดยระบบจะใช้เวลาตรวจสอบ 3 วันทำการ และเมื่อได้รับ SMS แจ้งสิทธิ์และยืนยันตัวตนในแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” แล้ว จะสามารถใช้สิทธิ์ได้ในวันถัดไป ซึ่งการยืนยันตัวตนนั้นเพื่อประโยชน์ของผู้ใช้ให้มั่นใจว่าจะไม่มีผู้อื่นใช้สิทธิ์ของท่าน หากสแกนใบหน้า 3 ครั้งแล้วยังไม่สามารถใช้งานได้ สามารถไปยืนยันตัวตนที่สาขาของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ทั้งนี้การใช้งานแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” และ “เป๋าตัง” ขอให้เปิด location ทุกครั้ง เพื่อเป็นการยืนยันว่ามีการไปใช้สิทธิ์ในจังหวัดที่เลือกจริง

โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า สำหรับผู้ที่ลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 23 ถึงวันที่ 26 กันยายน 2562 มีผู้ได้รับ SMS ยืนยันสิทธิ์ 3,115,449 ราย และการเริ่มใช้จ่ายวันแรกวันที่ 27 ถึงวันที่ 29 กันยายน 2562 รวม 3 วัน มีผู้เริ่มไปใช้สิทธิ์แล้ว 370,523 ราย โดยมียอดการใช้จ่ายประมาณ 294 ล้านบาท

เมื่อพิจารณาในรายละเอียดการใช้จ่าย พบว่า กว่าร้อยละ 50 ของการใช้จ่าย หรือประมาณ 148 ล้านบาท เป็นการใช้จ่ายที่ร้าน “ช้อป”ซึ่งเป็นร้านในกลุ่มOTOP ร้านวิสาหกิจชุมชน รวมทั้งร้านธงฟ้าประชารัฐ รองลงมา คือร้าน “ชิม”หรือร้านอาหารและเครื่องดื่ม ที่มียอดใช้จ่ายประมาณ 60 ล้านบาท สำหรับร้าน “ใช้” เช่น โรงแรม โฮมสเตย์ เป็นต้น มียอดใช้จ่ายประมาณ 7 ล้านบาทส่วนร้านค้าทั่วไป มียอดใช้จ่ายประมาณ 79 ล้านบาท โดยร้านค้าที่รับชำระเงินด้วยแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” g-Wallet ช่อง 1 วงเงิน 1,000 บาท จากรัฐบาล จะได้รับเงินโอนเข้าบัญชีของร้านค้าไม่เกินเวลา 21.00 น. ของวันทำการถัดไป ส่วน g-Wallet ช่อง 2 ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่ประชาชนเติมเอง จะได้รับเงินโอนเข้าบัญชีของร้านค้าในวันถัดไปไม่เกินเวลา 6.30 น.ของทุกวัน

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาระบบการชำระเงินระหว่าง “ถุงเงิน” และ “เป๋าตัง” สามารถใช้งานได้ปกติ โดยระบบไม่ได้ล่มตามที่ปรากฏเป็นข่าว ซึ่งตามเงื่อนไขการลงทะเบียนร้านค้า “ถุงเงิน” 1 ร้านค้า จะสามารถเข้าใช้งานพร้อมกันได้ 20 จุดใน 1 จังหวัด เพื่ออำนวยความสะดวกในการรับชำระเงิน โดยเฉพาะร้านในกลุ่ม “ชิมช้อปใช้”เพื่อให้เกิดการกระจายรายได้ไปยังเศรษฐกิจฐานรากให้ได้มากที่สุด ทั้งนี้ สำหรับร้านค้าขนาดใหญ่ซึ่งเป็นร้านประเภททั่วไปที่มีหลายสาขาสามารถบริหารจัดการโดยลดจำนวนสาขาลงเพื่อให้มีจุดรับชำระเงินในแต่ละสาขาเพิ่มขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนผู้ใช้สิทธิ์

  • คลังโชว์ความพร้อมแอป “เป๋าตัง” รองรับ10 ล้านคน ลงทะเบียน “ชิมช้อปใช้” เริ่ม 23 ก.ย.นี้
  • บัญชีกลางแจงขั้นตอนเบิกจ่ายเงินร้านค้า – ย้ำได้เงินชัวร์!

    ด้านนางสาวสุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า ร้านค้าที่เข้าร่วมมาตรการชิมช้อปใช้ ขณะนี้มีจำนวน 76,961 ร้านค้า โดยกรมบัญชีกลางและสำนักงานคลังจังหวัดทุกแห่งทั่วประเทศ ยังคงตั้งจุดรับสมัครต่อเนื่อง ไปจนถึงวันที่ 15 ต.ค. 62 ในวันและเวลาราชการ ซึ่งคาดว่าหลังจากปิดรับสมัครจะมีร้านค้าเข้าร่วมมาตรการไม่น้อยกว่า 80,000 ร้านค้า โดยการใช้สิทธิชิมช้อปใช้ในวงเงิน 1,000 บาท(G-Wallet 1) และการเติมเงินในกระเป๋า G-Wallet 2 ได้เริ่มใช้งานจริงตั้งแต่วันที่ 27 ก.ย. 62 ผ่าน App เป๋าตัง โดยร้านค้าใช้ App ถุงเงิน ในการรับชำระค่าสินค้าและบริการจากผู้ใช้สิทธิ

    โดยกรมบัญชีกลางมีหน้าที่ในการจ่ายเงินค่าสินค้าและบริการให้กับร้านค้าที่เข้าร่วมมาตรการ ชิมช้อปใช้ โดยมีรอบการจ่ายเงิน ดังนี้

    1) กระเป๋าสิทธิ ชิมช้อปใช้ 1,000 บาท (G-Wallet 1) จะตัดยอดในเวลาเที่ยงคืน โดย ธ.กรุงไทยจะทำการตรวจสอบความถูกต้องและประมวลผล และกรมบัญชีกลางจะทยอยโอนเงินเข้าบัญชีของร้านค้า ตั้งแต่เวลา 17.00 น.ของวันทำการถัดไป แต่ไม่เกินเวลา 21.00 น. กรณีที่เป็นวันหยุดทำการ (เสาร์-อาทิตย์) จะดำเนินการโอนเงินให้ร้านค้าในวันทำการแรกถัดไป เช่น ร้านค้าที่รับเงินจาก App เป่าตัง ในวันศุกร์ที่ 27 ก.ย. 62 (ซึ่งเป็นวันแรกที่เริ่มจ่ายเงินร้านค้าตามมาตรการ) จะได้รับเงินในวันจันทร์ที่ 30 ก.ย. 62 ซึ่งรวมกับยอดรายการขายของวันเสาร์ที่ 28 และวันอาทิตย์ที่ 29 ก.ย. 62 ด้วย

    2) กระเป๋า G-Wallet 2 จะตัดยอดในเวลา 23.30 น. โดย ธ.กรุงไทยจะทำการประมวลผลและทยอย โอนเงินเข้าบัญชีของร้านค้าตั้งแต่เวลาเที่ยงคืนแต่ไม่เกินเวลา 05.00 น.ของวันถัดไป โดยไม่เว้นวันหยุดทำการ (เสาร์-อาทิตย์)

    ส่วนกรณีที่ร้านค้าต้องการตรวจสอบรายการแสดงการขายในแต่ละวันว่าถูกต้องครบถ้วนหรือไม่ สามารถเรียกดูข้อมูลได้จาก App ถุงเงิน ดังนั้น จึงขอให้ผู้ประกอบการ ร้านค้า มั่นใจได้ว่า ได้รับเงินจากการใช้สิทธิของ ปชช.ที่เข้าร่วมมาตรการชิมช้อปใช้ อย่างแน่นอน นอกจากการตรวจสอบรายการแสดงการขายของร้านค้าแล้ว กรมบัญชีกลางและ ธ.กรุงไทย ยังได้ดำเนินการตรวจสอบการดำเนินการของร้านค้าทุกร้านที่เข้าร่วมมาตรการด้วย หากพบว่ามีพฤติกรรมหรือการกระทำที่ผิดวัตถุประสงค์หรือส่อไปในลักษณะการทำผิดเงื่อนไขของมาตรการ จะดำเนินการระงับการจ่ายเงินไว้ก่อนจนกว่าจะตรวจสอบข้อเท็จจริงเรียบร้อย หากร้านค้ามีข้อสงสัยเกี่ยวกับการโอนเงินเข้าบัญชีร้านค้าและการใช้งาน App ถุงเงิน ติดต่อสอบถามธนาคารกรุงไทย โทร 02 111 1144 ตลอด 24 ชม.ทุกวัน

    อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวต่อว่า สำหรับ ปชช.ที่ยังไม่ได้ลงทะเบียนหรือลงทะเบียนไม่สำเร็จ ยังสามารถลงทะเบียนใช้สิทธิได้จนถึงวันที่ 15 พ.ย. 62 หรือจนกว่าจะครบ 10 ล้านคน โดยระบบเปิดรับลงทะเบียนวันละ 1 ล้านคน เท่านั้น ส่วนผู้ที่ลงทะเบียนและดาวน์โหลดใช้งาน App เป๋าตัง สำเร็จแล้ว สามารถใช้สิทธิชิมช้อปใช้วงเงิน1,000 บาท (G-Wallet 1) ในจังหวัดที่เลือกตอนลงทะเบียนไว้ 1 จังหวัดเท่านั้น ภายใน 14 วันหลังจากได้รับ SMS (หากเกินเวลาเงินจะถูกดึงกลับ) และหากมีการเริ่มใช้สิทธิแล้วจะสามารถใช้วงเงิน 1,000 บาท ต่อไปได้จนถึงวันที่ 30 พ.ย.62 ส่วนกระเป๋า G-Wallet 2 ที่ต้องเติมเงินใช้จ่ายผ่าน App เป๋าตังเอง นั้น สามารถใช้สิทธิได้ทุกจังหวัด โดยเป็นจังหวัดใดก็ได้ที่ไม่ซ้ำกับที่อยู่ตามทะเบียนบ้านและยังมีสิทธิได้รับเงินคืน (Cash Back) 15% ของยอดชำระเงินที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 4,500 บาทต่อคน ดังนั้น จึงขอเชิญชวนผู้มีได้สิทธิในมาตรการแล้ว เติมเงินใน G-Wallet 2 และไปท่องเที่ยวใช้จ่ายในจังหวัดที่ตนสนใจ เพื่อให้มีเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศ ตามนโยบายของรัฐบาล

    KTB โต้ข่าวนักช้อปทิ้งรถเข็น ยันระบบไม่ล่ม – ชี้เป็นปัญหาของห้างฯ

    ส่วนกรณีที่มีการแชร์ข่าวในโซเชี่ยลมีเดียว่าระบบชิมช้อปใช้ล่ม ทำให้ประชาชนทิ้งรถเข็นที่มีสินค้าในห้างเทสโก้โลตัส สาขาหลัก 4 เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2562 นั้น ทางธนาคารกรุงไทย ขอยืนยันว่า เมื่อวันที่ 29 กันยายนที่ผ่านมา แอปฯชิมชอปใช้ ทั้งเป๋าตังและถุงเงิน ไม่ได้ล่มตามที่ปรากฏเป็นข่าว แต่ปัญหาที่เกิดความไม่สะดวกในห้างดังกล่าว เป็นเพราะการบริหารจัดการของห้างเอง

    ทั้งนี้ตามเงื่อนไขการลงทะเบียนร้านค้าถุงเงิน 1 ร้านค้าขนาดใหญ่ ธนาคารกำหนดให้สามารถเข้าใช้งานพร้อมกันได้ 20 จุด ใน 1 จังหวัด ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้เงินกระจายไปสู่เศรษฐกิจฐานรากให้ร้านค้าชุมชนได้ประโยชน์สูงสุด

    สำหรับห้างเทสโกโลตัสได้ลงทะเบียนที่กรุงเทพฯ และให้สาขาจำนวนมากถึง 20 สาขาใช้ ทำให้ห้างเทสโก้โลตัสแต่ละสาขา มีจุดรับชำระเงินเพียง 1 จุด ซึ่งไม่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชนในบางสาขา

    ห้างเทสโก้โลตัส สามารถบริหารจัดการจุดรับชำระเงินของตนเองได้ดีกว่านี้ หากลดจำนวนสาขาลง และเพิ่มจุดรับชำระต่อ 1 สาขาให้มากขึ้น เช่นเดียวกับห้างอื่นๆ ที่มีการบริหารจัดการที่ดีกว่า เช่น ห้างเดอะมอลล์ ใช้เพียง 3 สาขา ในกรุงเทพฯ ห้างบิ้กซีใช้ 7 สาขา ในจังหวัดสมุทรปราการ ทำให้มีจำนวนจุดรับชำระเงินต่อสาขามากกว่า 1 จุด สามารถบริการลูกค้าได้ดีมากกว่า โดยไม่ได้ฉกฉวยประโยชน์ แต่คำนึงถึงความสะดวกสบายของประชาชนเป็นที่ตั้ง

    เจตนารมณ์ของรัฐบาลที่ออกมาตรการชิมช้อปใช้ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ และกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับฐานราก เพื่อให้เงินได้หมุนไปสู่ชุมชน ประชาชนในจังหวัดต่างๆได้ประโยชน์อย่างแท้จริงจึงขอความร่วมมือให้ประชาชนที่ได้รับสิทธิ์จากมาตรการนี้ เดินทางไปท่องเที่ยวและใช้จ่ายตามจังหวัดต่าง ซึ่งมีสิ่งดีๆให้ได้สัมผัสมากมาย