ThaiPublica > เกาะกระแส > ช่วง 15 ปี หนังสือพิมพ์ในอเมริกาเกือบ 1,800 ฉบับ ปิดกิจการ หลายเมืองกลายเป็น “ทะเลทรายข่าวสาร”

ช่วง 15 ปี หนังสือพิมพ์ในอเมริกาเกือบ 1,800 ฉบับ ปิดกิจการ หลายเมืองกลายเป็น “ทะเลทรายข่าวสาร”

5 สิงหาคม 2019


รายงานโดย ปรีดี บุญซื่อ

ฉบับสุดท้ายของ Warroad Pioneer หนังสือพิมพ์ที่มีอายุมานาน 121 ปี ที่มาภาพ: inhnews.com

เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม ที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ของเมือง Warroad รัฐมินนิโซตา สหรัฐอเมริกา ชื่อ Warroad Pioneer ที่มีอายุมานาน 121 ปี ได้พิมพ์ออกจำหน่ายเป็นฉบับสุดท้าย โดยพาดหัวข่าวตัวโตว่า “ฉบับสุดท้าย” (Final Edition) Warroad Pioneer เป็นแบบฉบับของหนังสือพิมพ์ ที่สะท้อนวิถีชีวิตของเมืองเล็กๆ เนื้อหาประกอบด้วยคอลัมน์ต่างๆ กิจกรรมของคนในท้องถิ่น และการแข่งกีฬาของโรงเรียน

แต่ Warroad Pioneer มีชะตากรรมที่เหมือนกับหนังสือพิมพ์ในท้องถิ่นอื่นๆ ของสหรัฐฯ คือในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา ดำเนินงานท่ามกลางสภาพที่ตกต่ำ หลังจากวิกฤติเศรษฐกิจในปี 2008 จำนวนสมาชิกคนอ่านของ Warroad Pioneer ลดจาก 2,700 มาเหลือ 1,100 ราย ครอบครัวในเมืองนี้ ที่เคยบอกรับเป็นสมาชิกหนังสือพิมพ์กันแทบทุกบ้าน ก็หันมาเป็นสมาชิกเพียงไม่กี่ราย แล้วก็มาแบ่งปันการอ่าน

ในช่วงที่ผลิตฉบับสุดท้ายของ Warroad Pioneer สื่อมวลชนต่างๆ เดินทางไปทำข่าว เช่น สถานีโทรทัศน์ Tokyo Broadcasting System และ New York Times เพื่อรายงานผลกระทบของการปิดหนังสือพิมพ์ เพราะนับจากนี้ต่อไป ชุมชนเล็กๆ จะไม่มีหนังสือพิมพ์ของตัวเอง เมือง Warroad จะมีสภาพที่วงการสื่อสารมวลชน เรียกว่า “ทะเลทรายข่าวสาร” (news desert) ที่อยู่โดดเดี่ยว ต่อไป เมืองนี้จะไม่มีหนังสือพิมพ์ที่จะรายงานข่าวการเสียชีวิตของคนในเมือง ผลการแข่งขันของทีมกีฬาฮ็อกกี้ของโรงเรียน หรือกิจกรรมของพิพิธภัณฑ์ คนในเมือง Warroad กล่าวกับผู้สื่อข่าว New York Times ว่า นับจากนี้ ข่าวสารคงจะเผยแพร่แบบปากต่อปาก หรือรายงานลงใน Facebook โดยไม่มีกลั่นกรองและการตรวจสอบ

ช่วงปี 2004-2018 หนังสือพิมพ์ในสหรัฐฯ สูญหายไป 1779 ฉบับ” และกราฟหน้า 28 มีข้อความใต้กราฟว่า “ช่วง 2004-2017 การจ้างงานนักข่าวในสหรัฐฯ หายไป 32,430 คน หรือ 45% ที่มาภาพ: https://www.cislm.org/wp-content/uploads/2018/10/The-Expanding-News-Desert-10_14-Web.pdf

“ทะเลทรายข่าวสาร”

เมื่อปี 2018 คณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลนา ได้เผยแพร่รายงานชื่อ The Expanding News Desert โดยกล่าวว่า ในระยะ 15 ปีที่ผ่านมา (2004-2018) เป็นช่วงเวลาที่มีความหมายสำคัญต่ออุตสาหกรรมหนังสือพิมพ์ เพราะหนังสือพิมพ์ประสบทั้งการดำเนินงานที่ชะงักงัน (disruptive) และความยากลำบากทางการเงิน นับจากปี 2004 เป็นต้นมา การจ้างงานในสื่อหนังสือพิมพ์ลดลง 45% หรือเกือบครึ่งหนึ่ง และรายได้จากโฆษณาก็ลดต่ำเป็นประวัติการณ์

แม้แต่หนังสือพิมพ์ที่มีอายุมานานกว่า 100 ปีจะสามารถฟันผ่าวิกฤติเศรษฐกิจในปี 2018 มาได้ แต่ก็ยังประสบกับปัญหาเรื่องอนาคตการอยู่รอด คำถามมีอยู่ว่า ในศตวรรษที่ 21 หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นจะยังเป็นธุรกิจที่มีความเป็นไปได้ในทางเศรษฐกิจหรือไม่ ในเมื่อคนอ่านมุ่งไปทางด้านสื่อดิจิทัล

ในยุคสมัยที่คนเราเชื่อมโยงกัน 24 ชั่วโมงและตลอด 7 วัน มีข่าวสารและทัศนะความเห็นที่เกิดขึ้นอย่างมากมาย คนเรามีเสรีภาพที่จะนำข่าวสารไปแชร์ต่อหรือเขียนความเห็นของเรา แต่สิ่งที่ขาดหายไปจากข่าวสารเหล่านี้ก็คือ ข่าวที่รายงานว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นที่หลังบ้านเรา ข่าวในท้องถิ่นอาจไม่ใช่กระแสใหญ่ แต่มีผลกระทบต่อชีวิตคนในท้องถิ่น เมื่อหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นหยุดกิจการไป ทำให้ท้องถิ่นกลายเป็น “ทะเลทรายข่าวสาร” เพราะไม่มีสื่อมวลชนทำหน้าที่รายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีกต่อไป

การสูญหายของหนังสือพิมพ์

The Expanding News Desert รายงานว่า นับจากปี 2004 เป็นต้นมา หนังสือพิมพ์ในสหรัฐฯ เกือบ 1,800 ฉบับต้องปิดกิจการลงไป โดยเป็นหนังสือพิมพ์รายวันกว่า 60 ฉบับ และรายสัปดาห์กว่า 1,700 ฉบับ ส่วนหนังสือพิมพ์ที่ยังเหลืออยู่ 7,112 ฉบับ คือรายวัน 1,283 ฉบับ และรายสัปดาห์ 5,829 ฉบับ กว่าครึ่งหนึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ของชุมชนในท้องถิ่นชนบท

รายงานฉบับนี้ยังกล่าวว่า การสูญหายของคนอ่านหนังสือพิมพ์ มีอัตราที่รวดเร็วกว่าการสูญหายของหนังสือพิมพ์ ในรอบ 15 ปีที่ผ่านมา ยอดพิมพ์ของหนังสือพิมพ์ทั้งรายวันและสัปดาห์ลดลง 40% จาก 122 ล้านฉบับเหลือ 73 ล้านฉบับ ในช่วง 4 ปีหลังๆ นี้ หนังสือพิมพ์มีจำนวนพิมพ์ลดลงรวมกันถึง 20 ล้านฉบับ แสดงว่า จำนวนยอดพิมพ์ยังคงมีแนวโน้มที่จะลดลงอย่างต่อเนื่องและมากยิ่งขึ้น

รายงานเรื่อง The Expanding News Desert (2018)

จำนวนคนอ่านที่ลดลง สะท้องถึงอิทธิพลของหนังสือพิมพ์ที่ตกต่ำลงไป ครั้งหนึ่งหนังสือพิมพ์เคยมีบทบาทกำหนดวาระการอภิปรายเรื่องสำคัญๆ ของชุมชน และช่วยส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน การลดลงของคนอ่าน ยังส่งผลต่อการอยู่รอดของหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น ที่อาศัยรายได้สำคัญจากยอดขาย เมื่อคนอ่านลดลง ทำให้หนังสือพิมพ์มีความเกี่ยวพันกับคนท้องถิ่นน้อยลง เมื่อรายได้จากโฆษณาลดลง ทำให้หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นไม่อยู่ในฐานะที่จะลงทุนการเปลี่ยนผ่านไปสู่สื่อดิจิทัล

รายงาน The Expanding News Desert กล่าวว่า เมื่อหนังสือพิมพ์สูญหายไป และจำนวนคนอ่านลดลงแบบฮวบฮาบ คนอเมริกันที่ใช้ชีวิตโดยปราศจากแหล่งที่มาของข่าวสารที่เชื่อถือได้ในท้องถิ่นจึงมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น เดิมคำว่า “ทะเลทรายข่าวสาร” เคยหมายถึงชุมชนที่ไม่มีหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น แต่จากสภาพที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้คำคำนี้มีความหมายเพิ่มเป็นชุมชนที่คนในท้องถิ่นมีโอกาสน้อยลงในการเข้าถึงข่าวสารสำคัญๆ ซึ่งสิ่งนี้เป็นปัจจัยที่หล่อเลี้ยงประชาธิปไตยระดับรากหญ้า หากคนในท้องถิ่นขาดข่าวสารในเรื่องของท้องถิ่นตัวเอง คนเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะไม่ไปลงคะแนนในการเลือกตั้ง

ดิจิทัลสตาร์ทอัป

ในสหรัฐฯ สื่อมวลชนที่เกิดขึ้นมาทดแทนหนังสือพิมพ์ที่สูญหายไป คือสื่อข่าวสารดิจิทัลออนไลน์ ที่มีจำนวน 525 แห่ง ทั้งที่แสวงหาและไม่แสวงหากำไร รายงาน The Expanding News Desert กล่าวว่า จากการสำรวจในปี 2015 ของหนังสือพิมพ์ Los Angeles Times เกี่ยวกับสื่อดิจิทัลออนไลน์ 1 ใน 4 ประสบความล้มเหลว

ส่วนมูลนิธิ The Knight Foundation ทำการวิเคราะห์สื่อออนไลน์จำนวน 153 แห่ง พบว่า มีเพียง 1 ใน 5 เท่านั้นที่สามารถดึงดูดความสนใจของคนอ่านแบบดิจิทัล และมีรายได้เงินทุนพอสำหรับการพึ่งตัวเอง โดย 1 ใน 4 ที่พึ่งตัวเองได้ เป็นสำนักข่าวออนไลน์ที่ไม่แสวงหากำไร และ 2 ใน 3 ตั้งอยู่ในเมืองใหญ่

ตัวอย่างของสำนักข่าวออนไลน์ ที่แสวงหากำไรและประสบความสำเร็จคือ The Orleans Hub (orleanshub.com) ของเมืองออร์ลีนส์ รัฐนิวยอร์ก ที่มีประชากร 43,000 คน หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นชื่อ The Medina Journal ปิดกิจการในปี 2014 สำนักข่าว The Orleans Hub จะทำหน้าที่รายงานกิจกรรมของชุมชน เช่น การแข่งขันกีฬาของโรงเรียน ไปจนถึงอาชญากรรมในท้องถิ่น ปัจจุบัน The Orleans Hub สามารถมีรายได้เลี้ยงตัวเอง โดยมีผู้ลงโฆษณา 100 ราย

ส่วนหนังสือพิมพ์ออนไลน์ชื่อ KY Forward ตั้งขึ้นในปี 2018 โดยเป็นสิ่งพิมพ์ไม่แสวงกำไร ที่จัดทำโดย Kentucky Center for Public Service Journalism เนื้อหาของสื่อออนไลน์นี้ เป็นการผลิตข่าวสารที่เจาะลึกด้านการศึกษา กิจการรัฐบาลท้องถิ่น สาธารณสุข ธุรกิจ และกีฬา เงินทุนมาจากเงินช่วยเหลือให้เปล่าของบุคคล และมูลนิธิ อย่างเช่น บริษัทโตโยต้า

รายงาน The Expanding News Desert กล่าวว่า หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ทั้งที่แสวงหาและไม่แสวงหากำไร ล้วนเผชิญปัญหาที่ท้าทายเหมือนๆ กันในเรื่องแหล่งเงินทุน คือต้องแสวงหาเงินทุนสนับสนุนที่มีแหล่งที่มาที่หลากหลาย

หนังสือพิมพ์ออนไลน์ที่แสวงหากำไร ต้องหารายได้จากผู้ลงโฆษณา ผู้สนับสนุน สมาชิกคนอ่านที่ต้องการเข้าถึงเนื้อหาข่าวสาร หรือคนที่ยินดีให้ทุนในการทำข่าวเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เพื่อเผยแพร่ในเว็บไซต์ เพราะเหตุนี้ สำนักข่าวออนไลน์ที่แสวงหากำไร จะมีเมนูข่าวที่หลากหลายเพื่อดึงดูดคนอ่าน ผู้สนับสนุน และคนลงโฆษณา ส่วนสำนักข่าวออนไลน์ที่ไม่แสวงหากำไร ต้องอาศัยการบริจาคจากบุคคลและมูลนิธิ โดย 20% มาจากการบริจาคของบุคคล ส่วน 60% มาจากเงินให้เปล่าของมูลนิธิ

รายงาน The Expanding News Desert กล่าวสรุปว่า การสูญหายของหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นเป็นความเสียหายอย่างหนึ่ง ท้องถิ่นต่างๆ จะพัฒนาศักยภาพได้เต็มที่ผู้คนจะต้องรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน นักเศรษฐศาสตร์เรียกสื่อมวลชนที่เป็นบริการสาธารณะว่า “สาธารณประโยชน์” (public goods) เพราะข้อมูลที่เผยแพร่ในรูปข่าวสารช่วยเป็นแนวทางการตัดสินใจของสังคมหรือชุมชน ชะตากรรมของชุมชนและข่าวสารที่มีพลังชีวิตชีวา จึงเป็นสิ่งที่เชื่อมโยงกันและกัน

เอกสารประกอบ

Dying Gasp of One Local Newspaper, The New York Times, August 1, 2019.
The Expanding News Desert (2018), School of Media and Journalism, University of North Carolina.