ThaiPublica > Sustainability > Sustainable Business > สายการบิน KLM สร้างธุรกิจการบินยั่งยืน แนะลูกค้าลดบิน ลดโลกร้อน เพิ่มเดินทางด้วยรถไฟ

สายการบิน KLM สร้างธุรกิจการบินยั่งยืน แนะลูกค้าลดบิน ลดโลกร้อน เพิ่มเดินทางด้วยรถไฟ

15 กรกฎาคม 2019


ที่มาภาพ: https://www.dailymail.co.uk/news/article-7241341/Dutch-airline-KLM-tells-passengers-fly-LESS.html

สายการบิน KLM ของเนเธอร์แลนด์ได้ยกระดับการทำธุรกิจเพื่อความยั่งยืน โดยได้แนะนำลูกค้าให้บินน้อยลงและเดินทางด้วยรถไฟให้มากขึ้น เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งจะช่วยผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากธุรกิจการบิน

ในแคมเปญ บินด้วยความรับผิดชอบ Fly Responsibly คือ KLM ตั้งคำถามกับลูกค้าว่า “จริงๆ แล้วคุณต้องเจอหน้ากันหรือไม่” และ “คุณเดินทางด้วยรถไฟแทนได้ไหม”

สายการบิน KLM ของเนเธอร์แลนด์ ให้คำมั่นว่าจะดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืน ท่ามกลางแรงกดดันต่อธุรกิจการบินเพื่อลดผลกระทบต่อโลก

สายการบิน KLM แนะนำให้ลูกค้าพิจารณาเลือกการเดินทางด้วยวิธีอื่น ในบางกรณี รถไฟหรือการเดินทางในแบบอื่นก็ยั่งยืนกว่าการเดินทางด้วยเครื่องบิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบินระยะสั้น เช่น ภายในยุโรป อีกทั้งให้ข้อมูลว่า การเดินทางด้วยเครื่องบินจากกรุงอัมสเตอร์ดัมไปกรุงบรัสเซลส์ใช้เวลานานกว่าการเดินทางด้วยรถไฟ

“KLM สนับสนุนการเดินทางด้วยทางเลือกอื่นๆ สำหรับระยะทางใกล้ๆ แทนการเดินทางระยะใกล้กับเครื่องบิน เพราะการกระทำเล็กๆ ก็สามารถสร้างผลกระทบมหาศาลได้ ทุกอย่างที่คุณเลือกมีความสำคัญ ดังนั้นก็ควรพิจารณาให้รอบคอบ”

นายปีเตอร์ เอลเบอร์ ซีอีโอของ KLM ให้การสนับสนุนแคมเปญนี้ โดยกล่าวว่า “เมื่อเราเริ่มธุรกิจใน 100 ปีก่อน สิ่งที่เรากังวลมากคือความปลอดภัย แต่เราไม่รู้ว่าเราได้สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทุกวันนี้เราตระหนักว่า สายการบินมีความรับผิดชอบอย่างมาก เพื่อให้โลกคงอยู่สำหรับเด็กรุ่นหลังๆ”

นอกจากนี้ นายเอลเบอร์ยังได้เชิญชวนธุรกิจการบินให้เข้ามาร่วมกันเพื่อให้โลกรับรู้ว่าสายการบินมีความรับผิดชอบร่วมกัน และเชิญชวนให้ผู้ที่เดินทางด้วยเครื่องบินเข้ามาร่วมรับผิดชอบด้วยการคิดก่อนตัดสินใจที่จะบิน

ตลอดจนยังเชิญชวนให้ลูกค้าร่วมบริจาคให้กับโครงการ CO2ZERO โดยจะนำเงินไปใช้ในการแก้ปัญหาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการบิน ด้วยการปลูกป่าเขตร้อน ซึ่งยังมีส่วนในการสร้างงานในพื้นที่อีกด้วย

ธุรกิจการบินมีส่วนในการปล่อยก๊าซคาร์บอนราว 2-3% ของการปล่อยก๊าซคาร์บอนที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์ทั่วโลก เนื่องจากผู้คนต้องการเดินทางไปทั่วโลกด้วยการบินมากขึ้น

ในปีนี้คาดว่า ธุรกิจการบินจะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 930 ล้านตัน มากกว่าประเทศอุตสาหกรรมอย่างเยอรมนีเสียอีก

สายการบิน KLM ระบุว่า ที่ผ่านมาได้ดำเนินการอย่างมากเพื่ออนาคตที่ยั่งยืนของธุรกิจการบิน ดังจะเห็นว่า ทั้งสายการบินแอร์ฟรานซ์ (Air France)-KLM ติดอันดับสองในดัชนี DJSI (Dow Jones Sustainability Indices) ต่อเนื่องในช่วง 14 ปีที่ผ่านมา และยังคงลงทุนสร้างนวัตกรรมต่อเนื่องเพื่อให้ผลิตภัณฑ์และกระบวนการธุรกิจมีความยั่งยืนมากขึ้น

KLM ให้ความสำคัญและมุ่งมั่นกับการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยได้เปิดศูนย์สิ่งแวดล้อมในปี 1990 และขณะนี้กำลังจัดทำแผนความยั่งยืนปี 2030 และหลังจากนั้น ซึ่งหนึ่งกลยุทธ์สำคัญคือ การลดการทำลายสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงการให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงานและเลือกซื้อผลิตภัณฑ์เพื่อความยั่งยืน

สายการบิน KLM เปิดเผยอีกว่า บริษัทได้เป็นสายการบินแรกในปี 2011 ที่ได้ลดการปล่อยก๊าซด้วยการหันมาใช้น้ำมันสำหรับปรุงอาหารและขยะอุตสาหกรรมแทนน้ำมันเชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้ 80% และยังมีส่วนทำให้การผลิตน้ำมันมีความยั่งยืน หลังจากเที่ยวบินทดสอบในปี 2009 ปัจจุบันนี้ KLM เป็นสายการบินยุโรปรายเดียวที่ใช้น้ำมันชีวภาพบางส่วนสำหรับเที่ยวบินภายในทวีปยุโรป

ใน 3 ปีที่ผ่านมาจนถึงสิ้นปี 2019 ทุกเที่ยวบินจากลอสแอนเจลิสมายังอัมสเตอร์ดัมใช้น้ำมันชีวภาพส่วนหนึ่ง และก่อนหน้านี้ปี 2012 ได้จัดตั้งโครงการ KLM Corporate BioFuel Programme ด้วยความร่วมมือกับหลายประเทศเพื่อพัฒนาน้ำมันชีวภาพสำหรับเครื่องบิน ซึ่งตั้งแต่ปี 2022 ศูนย์นี้จะผลิตน้ำมันที่ยั่งยืน 100,000 ตัน

นอกจากนี้ปี 2013 สายการบิน Air-France Martinair Cargo เป็นรายแรกที่นำตาข่ายคลุมสินค้านำหนักเบามาใช้ ซึ่งมีน้ำหนักเบากว่าแบบเดิม 50% หรือเบากว่าเดิม 9 กิโลกรัม ซึ่งน้ำหนักที่ลดลงช่วยประหยัดน้ำมันมากขึ้นและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนลง

สายการบิน KLM ยังหันมาใช้รถเข็นอาหารบนเครื่องบินน้ำหนักเบาทั้งประเภท Full-size และ Half-size โดยมีน้ำหนัก 8 กิโลกรัมและ 5 กิโลกรัมตามลำดับ ซึ่งลดน้ำหนักของเที่ยวบินได้ถึง 400 กิโลกรัม อีกทั้งการลดความเข้มของสีที่ทางบนตัวเครื่องบินภายนอกก็ช่วยลดน้ำหนักลงได้ 15%

สายการบิน KLM ยังหาวิธีประยัดการใช้น้ำด้วยการนำระบบ semi-dry wash มาใช้ในการทำความสะอาดเครื่อง จากเดิมที่ต้องใช้น้ำ 12,000 ลิตรในการล้างเครื่องบินโบอิ้ง 737 แต่ปัจจุบันใช้น้ำเพียง 150 ลิตร ส่งผลให้ปี 2017 ประหยัดน้ำได้ถึง 8 ล้านลิตร ส่วนการล้างเครื่องยนต์นั้นได้พัฒนาอุปกรณ์ทำความสะอาดเครื่องยนต์ขึ้นใหม่ ทำให้สามารถฉีดน้ำได้หลายครั้ง ขณะที่เครื่องยนต์กำลังหมุน น้ำก็จะถูกส่งไปที่ใบพัดและคอมเพรสเซอร์ ซึ่งทำให้เครื่องยนต์สะอาด ทำงานได้ดี ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้มาก

สายการบิน KLM ยังใช้อุปกรณ์ภาคพื้นดินที่ใช้ไฟฟ้าแทนการใช้น้ำมันแบบเดิม ปัจจุบันมีอุปกรณ์ใช้ไฟฟ้าราว 50% ของอุปกรณ์ทั้งหมด และเป็นสายการบินแรกที่ใช้ระบบลำเลียงสินค้าด้านล่างด้วยระบบไฟฟ้าแทนแบบเดิม และจะดำเนินการเป็นระยะๆ

KLM ระบุว่า บริษัทมีเป้าหมายที่ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนให้ได้ 15% ภายในปี 2030 เมื่อเทียบกับระดับของปี 2005 และจะลดลงให้ได้ 50% ภายใน ปี 2050

เรียบเรียงจาก : dailymail, internationalairportreview