ThaiPublica > เกาะกระแส > ธอส.ขายสลาก Premium ชุดวิมานเมฆใบละล้าน – แจงเงื่อนไข “รีเวิร์ส มอร์ทเกจ” ให้กู้คนชราไม่เกิน 10 ล้าน รับเงินรายเดือน 25 ปี

ธอส.ขายสลาก Premium ชุดวิมานเมฆใบละล้าน – แจงเงื่อนไข “รีเวิร์ส มอร์ทเกจ” ให้กู้คนชราไม่เกิน 10 ล้าน รับเงินรายเดือน 25 ปี

23 พฤษภาคม 2019


นายฉัตรชัย ศิริไล
กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า หลังจาก พ.ร.บ.ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2562 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา และมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 17 เมษายน 2562 โดยกฎหมายฉบับนี้จะทำให้ธนาคารสามารถขยายขอบเขตการทำธุรกิจได้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น ในขณะนี้อยู่ระหว่างจัดทำกฎกระทรวงเพื่อให้ดำเนินการในเรื่องที่เกี่ยวข้องได้ อาทิ การจำหน่ายสลากออมทรัพย์ ธอส. ธนาคารได้เตรียมการออกสลากทั้งหมด 3 ชุด โดยชุดแรกที่จะเริ่มจำหน่ายได้แก่ สลาก Premium ชุดวิมานเมฆ หน่วยละ 1 ล้านบาท วงเงิน 27,000 ล้านบาท ออกรางวัลทุกวันที่ 16 ของเดือน จำนวน 27 รางวัลต่อเดือน รางวัลละ 200,000 บาท อายุสลาก 3 ปี ทำให้ผู้ถือสลากมีโอกาสลุ้นรางวัลถึง 972 รางวัล มีโอกาสในการถูกรางวัล 0.1% สูงกว่าสลากทั่วไปที่มีโอกาสถูกรางวัลแค่ 0.0001% เท่านั้น และเมื่อฝากครบ 3 ปี จะให้ผลตอบแทนหน้าสลากสูงถึง 1.4% ต่อปี เทียบเท่ากับเงินฝากประจำ หากถูกรางวัลเพียง 1 ครั้ง ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีจะเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 8.07% ต่อปี และยังสามารถถือสลากต่อเพื่อมอบเป็นมรดกได้ คาดว่าจะเปิดขายในช่วงเดือนสิงหาคม 2562 และออกรางวัลครั้งแรกได้ในเดือนกันยายน 2562

ส่วนสลากชุดที่ 2 ชุด ขายราคาหน่วยละ 10 ล้านบาท วงเงิน 30,000 ล้านบาท และสลากชุดที่ 3 ราคาหน่วยละ 500 บาท จำหน่ายอีกจำนวน 50,000 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำรายละเอียด คาดว่าจะมีความชัดเจนภายหลังจากจำหน่ายสลากออมทรัพย์ชุดวิมานเมฆแล้ว

แจงเงื่อนไข “รีเวิร์ส มอร์ทเกจ” ให้กู้คนชราไม่เกิน 10 ล้าน/ราย รับเงินรายเดือน 25 ปี

นอกจากนี้ พ.ร.บ. ธนาคารอาคารสงเคราะห์ฉบับล่าสุด ยังเปิดโอกาสให้ธนาคารสามารถจัดทำสินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ Reverse Mortgage ภายใต้กรอบวงเงิน 1,000 ล้านบาท ทั้งนี้ เพื่อช่วยเหลือผู้สูงอายุที่มีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยของตนเอง และปลอดภาระหนี้ สามารถนำมาใช้หลักประกันในการจดจำนองกับธนาคาร เพื่อรับเงินดำรงชีพเป็นรายเดือนได้ สำหรับโครงการนำร่องจะมีเงื่อนไขดังนี้ คือ

    1. หลักประกันที่จะนำมาใช้ในการจดจำนอง ต้องตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพ ฯ และปริมณฑล

    2. ผู้กู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไป แต่ไม่เกิน 80 ปี และ ต้องไม่เป็นผู้ไร้ความสามารถ หรือ เสมือนไร้ความสามารถ กู้ร่วมได้เฉพาะกับคู่สมรสตามกฎหมาย หรือ พี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันที่มีกรรมสิทธิ์ในหลักประกันเดียวกัน

    3. อนุมัติวงเงินให้กู้สูงสุดไม่เกิน 50% ของราคาประเมิน และสูงสุดไม่เกิน 10 ล้านบาท โดยไม่พิจารณารายได้ของผู้กู้

    4. คิดอัตราดอกเบี้ย 6.25% ต่อปีตลอดอายุสัญญากู้

    5. ยกเว้นค่าธรรมเนียม 4 รายการ คือ 1.ค่าธรรมเนียมการยื่นกู้ (0.1% ของวงเงินกู้) 2.ค่าประเมินราคาหลักประกัน 3.ค่าจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม (1,000 บาทต่อราย) และ 4.ค่าจดทะเบียนนิติกรรมจำนอง (1% ของวงเงินจำนอง)

    6.ระยะเวลาขอรับเงินได้นานสูงสุด 25 ปี หรือ จนถึงผู้กู้อายุ 85 ปี ธนาคารจะจ่ายเงินให้ผู้กู้เป็นรายเดือน อาทิ วงเงินกู้ 2 ล้านบาท หากผู้กู้อายุ 65 ปี ระยะเวลาการกู้ 20 ปี จะได้รับเงินจากธนาคารเดือนละ 8,300 บาท

    ึ7. หากครบระยะเวลาการกู้ตามสัญญาแล้ว สามารถขอชำระหนี้ปิดบัญชี โดยธนาคารจะคำนวณจำนวนเงินเท่ากับวงเงินกู้ที่ธนาคารจ่ายให้แก่ผู้กู้ทั้งหมดรวมกับดอกเบี้ยค้างรับ หรือ หากไม่สามารถชำระหนี้ปิดบัญชีผู้กู้ยังมีสิทธิอยู่อาศัยต่อในหลักประกันเดิมได้ตลอดชีวิต หรือ สามารถแจ้งความประสงค์ขอกู้เพิ่มได้ โดยขอรับวงเงินที่กู้เพิ่มได้นานสูงสุด 14 ปี

    8. กรณีผู้กู้เสียชีวิตให้ถือว่าสัญญาสิ้นสุดลงธนาคารจะให้สิทธิแก่ผู้รับผลประโยชน์ตามที่ระบุไว้ในสัญญากู้สามารถชำระหนี้ปิดบัญชี เพื่อไถ่ถอนจำนอง หรือ รับกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยดังกล่าว

    9. กรณีผู้รับผลประโยชน์ไม่ประสงค์ชำระหนี้ปิดบัญชี ธนาคารจะนำหลักประกันขายทอดตลาดต่อไป โดยผู้รับผลประโยชน์ไม่ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนต่าง หรือ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการส่วนต่าง ๆ แม้ราคาขายทอดตลาดจะต่ำกว่ายอดชำระหนี้

    10. กรณีราคาขายทอดตลาดสูงกว่ายอดชำระหนี้ธนาคารจะคืนเงินส่วนต่างให้ผู้รับผลประโยชน์หลังจากหักค่าใช้จ่ายในการดำเนินการส่วนต่าง ๆ แล้ว

ลุยปล่อยกู้ “บ้านล้านหลัง” เฟสแรก 4.3 พันล้าน เตรียมเปิดจองเฟส 2 ก.ย.นี้

ส่วนความคืบหน้าในการดำเนินโครงการบ้านล้านหลัง ซึ่งธนาคารเปิดรับคำขอกู้ตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2562 ล่าสุด ณ วันที่ 15 พฤษภาคม 2562 พบว่ามีลูกค้าประชาชนทยอยเดินทางเข้ามาติดต่อยื่นคำขอกู้รวมแล้วกว่า 7,300 ราย วงเงินกู้ 5,200 ล้านบาท และมีผู้ที่ได้รับการอนุมัติสินเชื่อแล้วกว่า 6,300 ราย วงเงินกู้ 4,300 ล้านบาท

ปัจจุบันธนาคารยังคงเร่งติดตามให้ผู้ที่มาจองสิทธิ์สินเชื่อเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2561 ทั้ง 127,000 ราย เข้ามาติดต่อขอรับคำปรึกษากับเจ้าหน้าที่ หรือ ยื่นกู้กับธนาคารให้ครบทุกรายภายในเดือนกรกฎาคม 2562 เพื่อไม่ให้เสียสิทธิ์การเข้าถึงสินเชื่อของโครงการบ้านล้านหลังที่กำหนดอัตราดอกเบี้ยเพียง 3% ต่อปี คงที่นานสูงสุด 5 ปี สำหรับผู้มีรายได้ไม่เกิน 25,000 บาท และฟรีค่าธรรมเนียมถึง 4 รายการ ก่อนที่จะเปิดจองสิทธิสินเชื่อโครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 2 ภายในเดือนกันยายนนี้ ซึ่งปัจจุบันธนาคารอยู่ระหว่างการรวบรวมและแนะนำผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่มีแผนก่อสร้างโครงการที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท มาเข้าร่วมโครงการให้ได้ไม่ต่ำกว่า 20,000 หน่วยต่อปี และเตรียมจัดทำผลิตภัณฑ์สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ โดยมุ่งเน้นส่งเสริมกลุ่มผู้ที่เลี้ยงดูบุพการี ผู้มีรายได้น้อย และคนวัยทำงาน หรือกำลังเริ่มต้นสร้างครอบครัวได้มีบ้านเป็นของตนเอง และอาจขยายระยะการผ่อนชำระให้นานสูงสุดถึง 50 ปี เพื่อลดภาระในการผ่อนรายเดือนให้กับผู้กู้ต่อไป

ตั้งศูนย์ซื้อขาย NPL ช่วยลูกค้าปลดหนี้

นอกจากนี้ ธนาคารยังมีแผนจัดทำโครงการ Virtual NPL เพื่อช่วยเหลือลูกค้าธนาคารที่ประสบปัญหาด้านรายได้จนทำให้ไม่สามารถผ่อนชำระเงินกู้ได้ตามปกติ และ กลายเป็น NPL โดยโครงการดังกล่าว ธอส.จะเปรียบเสมือนศูนย์กลางในการรวบรวมที่อยู่อาศัยที่เป็น NPL ของธนาคาร เพื่อจำหน่ายให้แก่ประชาชนทั่วไป สามารถเข้ามาดูข้อมูล และ เลือกซื้อที่อยู่อาศัยในราคาที่ธนาคารกำหนดโดยได้รับความยินยอมจากผู้กู้เดิมของธนาคารแล้ว และเมื่อสามารถจำหน่าย NPL ได้แล้ว เงินที่ธนาคารได้รับจากผู้ซื้อจะถูกนำไปหักหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยคงค้างทั้งหมดให้แก่ผู้กู้เดิมของธนาคาร จึงทำให้ผู้กู้เดิมสามารถปลดภาระหนี้ โดยโครงการดังกล่าวนี้ถือเป็น 1 ใน 13 มาตรการ ที่ธนาคารให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่เป็น NPL ซึ่งจะช่วยลด NPL ของธนาคารลงให้อยู่ในระดับเป้าหมายที่ไม่เกิน 4% ของสินเชื่อคงค้างในสิ้นปี 2562

ขณะเดียวกัน ทางศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ ก็เตรียมที่จะเปิดตัวโครงการ “ระบบฐานข้อมูลอสังหาริมทรัพย์มือสอง” ภายในเดือนกันยายน 2562 ซึ่งเป็นโครงการที่ผ่านการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 4 กันยายน 2561 ในการพัฒนาระบบฐานข้อมูลอสังหาริมทรัพย์มือสอง โดยใช้เงินกองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ จำนวน 31.1 ล้านบาท เพื่อสร้างระบบฐานข้อมูลอสังหาริมทรัพย์มือสองที่แสดงอุปสงค์และอุปทานของตลาดอสังหาริมทรัพย์มือสอง สร้างตลาดเสมือนจริง (Digital Virtual Market) สำหรับอสังหาริมทรัพย์มือสอง เพื่อสร้างช่องทางกลางในการซื้อ – ขาย และ สร้างให้มีสภาพคล่องในตลาดอสังหาริมทรัพย์มือสอง ที่จะช่วยกระตุ้นอุปสงค์ของตลาดบ้านใหม่ด้วยการเปลี่ยนที่อยู่อาศัยให้เป็นสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่อง และนำข้อมูลที่ได้จากระบบฐานข้อมูลมาประมวล และวิเคราะห์สถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์มือสอง เพื่อการกำหนดและทบทวนนโยบายในการพัฒนาตลาดที่อยู่อาศัย และเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ได้ต่อไป

ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนของการจัดทำบันทึกความร่วมมือในการจัดทำโครงการ และจัดส่งข้อมูลทรัพย์รอการขายเข้ามายังฐานข้อมูล เพื่อให้เป็นศูนย์รวมทรัพย์ NPA ของหน่วยงานภาครัฐทั้งหมด ทั้งของสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ (SFIs) ทั้ง 7 แห่ง รวมถึงธนาคารกรุงไทย จำกัด(มหาชน) , บริษัท บริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM , บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (SAM) และกรมบังคับคดี ควบคู่ไปกับการพัฒนา Software ของระบบ เพื่อให้ผู้ที่สนใจสามารถเลือกซื้อทรัพย์ NPA ผ่านทางเว็บไซต์รวมถึง Application บนโทรศัพท์เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้นอีกด้วย

สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส แรกของปี 2562 ของธนาคาร ( 1 มกราคม – 31 มีนาคม 2562 )ว่า จากข้อมูล ณ วันที่ 31 มีนาคม 2562 ธนาคารได้ปล่อยสินเชื่อใหม่ไปแล้วทั้งสิ้น 35,971 บัญชี คิดเป็นวงเงิน 44,041 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้เป็นกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้น้อยและรายได้ปานกลางวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 2 ล้านบาท จำนวน 21,319 ราย ล่าสุด ธนาคารมียอดสินเชื่อคงค้างรวม 1,128,493 ล้านบาท หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2561 เพิ่มขึ้น 7.88% , สินทรัพย์รวม 1,167,362 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.95% , เงินฝากรวม 945,294 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.58% , หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จำนวน 49,295 ล้านบาท คิดเป็น 4.37% ของยอดสินเชื่อรวมเพิ่มขึ้น 0.03% โดยมีอัตราส่วนการตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ (Provision to NPL) ที่ 166.81% เพิ่มขึ้น 9.60% และมีรายได้ดอกเบี้ย 12,971 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย 5,432 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2,866 ล้านบาท

“ล่าสุด ณ วันที่ 30 เมษายน 2562 ธนาคารได้มีการอนุมัติสินเชื่อใหม่ไปแล้วทั้งสิ้น 53,348 ล้านบาท คาดว่า ณ สิ้นไตรมาส 2 ของปีนี้ ธนาคารจะสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่กำหนดไว้ 100,000 ล้านบาท (เป้าหมาย 6 เดือน) โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากมาตรการต่าง ๆ ของภาครัฐ อาทิ การลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับการซื้อบ้านพร้อมที่ดิน หรือ คอนโดมิเนียมที่มีมูลค่าไม่เกิน 5 ล้านบาท , มาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองของที่อยู่อาศัยราคาซื้อขายไม่เกิน 1 ล้านบาท และวงเงินจำนองไม่เกิน 1 ล้านบาท รวมถึงนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในด้านต่าง ๆ เพิ่มเติมของรัฐบาลในช่วงไตรมาสที่ 3-4 ของปี 2562 ซึ่งสินเชื่อที่อยู่อาศัยในช่วงครึ่งปีหลังของทุกปีจะเร่งตัวขึ้นจากครึ่งปีแรก ตามภาวะการแข่งขันของตลาดที่อยู่อาศัย เพราะผู้ประกอบการจะจัดทำโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นยอดขายและปิดยอดให้ได้ตามเป้าหมายในช่วงดังกล่าว” นายฉัตรชัย กล่าว

นอกจากนี้ในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา ธอส. ยังได้ประสบความสำเร็จในการนำระบบปฏิบัติงานหลัก GHB System ขึ้นใช้งาน (On Production) ทดแทนระบบเดิมที่ใช้งานมานานกว่า 10 ปี ได้สำเร็จตามกำหนดเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2562 และสามารถให้บริการลูกค้าได้ต่อเนื่อง ทั้งนี้ GHB System ถือเป็นระบบที่ใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดของธนาคาร ซึ่งบุคลากรของ ธอส. ทุกคนมีส่วนร่วมในการพัฒนาร่วมกับกลุ่ม SSS Consortium และไม่มีการจ้างที่ปรึกษา โดยใช้ระยะเวลาเพียง 18 เดือนจนแล้วเสร็จตามสัญญาจ้าง ซึ่ง GHB System จะสามารถรองรับการดำเนินธุรกิจของ ธอส. ไปได้อีกอย่างน้อย 10 ปี พร้อมรับกับการแข่งขันในธุรกิจสถาบันการเงิน การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี และความต้องการของลูกค้าที่ต้องการความสะดวกรวดเร็วในการใช้บริการ โดยเฉพาะการยกระดับบริการดิจิทัลด้วยเทคโนโลยี ภายในเดือนมิถุนายน 2562 ธนาคารมีกำหนดเริ่มให้บริการ Phase 2 ของ Mobile Application : GHB ALL ที่จะมีฟังก์ชั่นการให้บริการเพิ่มเติมประกอบด้วย การยื่นกู้สำหรับลูกค้าที่มีสวัสดิการกับธนาคาร บริการแจ้งเตือนให้ชำระหนี้ เชื่อมต่อกับระบบค้นหาและโปรโมชั่นพิเศษสำหรับผู้ซื้อทรัพย์ และการเชื่อมต่อกับระบบสะสมแต้ม Online ของลูกค้าเพื่อลุ้นรับของรางวัลต่าง ๆ ในโครงการ GHB Reward ภายหลังจากที่เปิดตัวแอปพลิเคชัน GHB ALL เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2561 ล่าสุดมีลูกค้าดาวน์โหลดและลงทะเบียนใช้งานแล้วกว่า 100,000 ราย