ThaiPublica > เกาะกระแส > “เนวิน”ชี้กัญชายิ่งกว่าบัตรทอง เป็นยาแก้จนให้คนไทย แนะรัฐบาลจะออก ม.44 เพื่อปลดล็อกกัญชาใช้กัญชารักษาโรคได้

“เนวิน”ชี้กัญชายิ่งกว่าบัตรทอง เป็นยาแก้จนให้คนไทย แนะรัฐบาลจะออก ม.44 เพื่อปลดล็อกกัญชาใช้กัญชารักษาโรคได้

20 เมษายน 2019


ส่วนราชการในจังหวัดบุรีรัมย์ ร่วมกับองค์กรภาคประชาชน และภาคเอกชน จัดงานเผยแพร่ความรู้ในการนำพืชกัญชาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์อย่างถูกกฎหมาย ผู้ป่วยที่จำเป็นต้องใช้ สามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ในการรักษาอาการเจ็บป่วยได้ กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-21 เมษายนนี้ ที่สนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ได้รับความสนใจจากประชาชน นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ,ผู้ป่วย, บุคลากรทางการแพทย์ เพื่อฟังเสวนาความรู้ โดยยอดผู้เข้าชมงานวันแรกที่เป็นวันศุกร์เกือบสองหมื่นคน

โดยในพิธีเปิดงานอย่างเป็นทางการ นายธีรวัฒน์ วุฒิคุณ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นประธานเปิดงาน นอกจากนี้ยังมี นายแพทย์วิทิต สฤษฎีชัยกุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ รวมทั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และนายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ยูไนเต็ด ตัวแทนจากหน่วยราชการ ทหาร ตำรวจ ปกครองและประชาชน ร่วมงาน

นายธีรวัฒน์ วุฒิคุณ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า การจัดงาน “พันธุ์บุรีรัมย์” เป็นการเผยแพร่ความรู้แก่ประชาชนว่า พืชกัญชามีประโยชน์ สามารถรักษาโรคได้ และได้พบปะนักวิชาการผู้ที่มีความรู้ ผู้ที่ใช้ประโยชน์จากกัญชาบำบัดรักษาโรค ในช่วงจัดงานขณะนี้ โรงแรมที่พักในเมืองบุรีรัมย์ ได้ถูกจองเต็มทั้งหมดคาดว่าจะมีการใช้จ่ายหมุนเวียนในจังหวัดบุรีรัมย์หลายสิบล้านบาท

สำหรับเงื่อนไขผู้เข้าร่วมงาน ดังนี้ 1.ผู้ป่วยที่ประสงค์ที่จะใช้กัญชาเพื่อการแพทย์ และดำเนินการตามกฎหมายนิรโทษกรรม จังหวัดบุรีรัมย์ โดยสาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ จะแนะนำวิธีปฏิบัติ และอำนวยความสะดวกภายในงาน 2. ขอความร่วมมือให้ผู้ร่วมงานปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด และหากกระทำผิดจะไม่มีข้อยกเว้นทุกๆกรณี

ด้านนายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ยูไนเต็ด กล่าวว่าการจัดงานครั้งนี้เพื่อให้คนไทยเข้าใจในการใช้กัญชา เข้าถึงกัญชาว่ามีประโยชน์อย่างไร จะช่วยชีวิตมนุษย์ได้อย่างไร ซึ่งกัญชามีทั้งคุณและโทษ หากใช้ในแง่ที่เป็นคุณจะเป็นประโชยน์มาก กัญชาเป็นยาแก้จน เป็นพืชเศรษฐกิจที่สามารถปลูกสร้างรายได้ให้กับประชาชนได้ จะช่วยให้ประชาชนรู้ว่าจะใช้กัญชาทางการแพทย์ได้อย่างไร ปลูกอย่างไรถึงจะเป็นประโยชน์ ใช้อย่างไรถึงจะไม่เป็นโทษ ปัจจุบันต่างประเทศต่างใช้กัญชาทางการแพทย์กันหลายประเทศแล้ว

“ในอดีตชีวิตคนไทยผ่านมากับบัตรทอง 30 บาทรักษาโรค แต่ผมเชื่อว่ากัญชาในอนาคตจะเป็นยิ่งกว่าบัตรทองที่ช่วยคนไทยรักษาอาการเจ็บป่วย และในอนาคตจะเป็นการรักษาโรคแก้จนให้คนไทยทั้งประเทศด้วย ดังนั้นการสร้างความเข้าใจกับคนในสังคมจึงจำเป็น การจัดงานครั้งนี้เพื่อสร้างความเข้าใจว่าการจะสะกัดมารักษาโรคอย่างไร แปรรูปเป็นอาหาร เครื่องดื่ม ซึ่งมีมูลค่ามหาศาลได้อย่างไร และโอกาสการเข้าถึงของคนไทยในการปลูกอย่างไรให้ได้ผลที่ดี สะกัดได้ในครัวเรือน สามารถรักษาโรคได้ งานนี้จะให้คนเข้าใจว่ามีพืชที่รักษาโรคคน โรคจนของคนไทยได้ด้วย”นายเนวินกล่าว

นายเนวินได้เรียกร้องให้รัฐบาลออกมาตรการช่วยเหลือผู้ป่วยที่ต้องการกัญชารักษาโรคก่อนวันที่ 19 พ.ค.2562 ที่จะหมดเวลานิรโทษกรรมครอบครองกัญชา โดยระบุว่าถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลจะออกม.44 เพื่อปลดล็อกกัญชาให้คนไทยสามารถใช้กัญชารักษาโรคได้ โดยไม่ผิดกฏหมายและเป็นพืชเศรษฐกิจที่สร้างรายได้ให้กับประชาชนทั้งประเทศ

ส่วนนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้เดินทางมาติดตามกิจกรรมดังกล่าว และรับฟังสะท้อนต่างๆ จากประชาชน ตลอดทั้ง 3 วัน เพื่อนำข้อมูลกลับไปผลักดันนโยบายกัญชาเสรีของพรรคภูมิใจไทยต่อไป

สำหรับประชาชนที่มาร่วมงานในครั้งนี้ สามารถแจ้งการครอบครองกัญชาได้ภายงานนี้ด้วย โดยจะมีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ มาให้บริการตลอดทั้งวัน ซึ่งผู้แจ้งครอบครองกัญชาจะต้องมีใบรับรองแพทย์ และเอกสารแสดงการครอบครองต้นกัญชา น้ำมันกัญชา หากไม่มีใบรับรองแพทย์ ก็สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่และแจ้งความประสงค์ได้ ภายในงาน ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำจนได้ใบรับรองแพทย์ และถือครองได้ในฐานะที่เป็นผู้ป่วยที่ต้องการใช้กัญชาในการรักษาโรค และสามารนำเอกสารหลักฐานไปขอรับน้ำมันกัญชาได้ในจุดที่แจกฟรีหรือนำไปใช้เป็นหลักฐานประกอบการถือครองได้ภายในงาน โดยถ้าเป็นน้ำมันกัญชาจะสามารถถือครองได้ 5 ขวดต่อคน

นพ.สมยศ กิตติมั่นคง กล่าวว่า เพื่อความรวดเร็วในการวิจัยสารสกัดกัญชาให้ทันต่อความต้องการของประชาชน ภาครัฐควรนำผลงานวิจัยจากสถาบันการศึกษาที่ทำไว้แล้วอย่างเช่นที่ ม.รังสิตที่ศึกษาไว้แล้วมาดำเนินการต่อ จะได้ดำเนินการได้เร็วขึ้น รวมทั้งกรณีของนายเดชา ศิริภัทร ก็สามารถต่อยอดได้ด้วยการพิจารณาให้เป็นหมอพื้นบ้านเพื่อจะได้ดำเนินการแจกน้ำมันกัญชาได้ภายในสิ้นเดือนนี้ได้

อย่างไรก็ตามการใช้น้ำมันกัญชาในการรักษาโรคสิ่งที่สำคัญที่สุดคือสายพันธ์กัญชา โดยเฉพาะในส่วนของ “อาจารย์เดชา” ที่ไม่แน่ใจว่าเป็นสายพันธ์ชนิดใด และยังมีอยู่หรือไม่ หากเป็นสายพันธ์ที่สามารถรักษามะเร็งและโรคอื่นๆได้อีก ถ้าหากมีการนำไปต่อยอดได้เป็นประโยชน์ต่อวงการแพทย์มหาศาล และจะเป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างยิ่งหากถูกทำลายไปแล้ว

สำหรับรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายของประชาชนที่ร่วมกิจกรรม จะนำไปเป็นทุนประเดิม “กองทุนพันธุ์บุรีรัมย์” เพื่อใช้ศึกษาวิจัยและพัฒนาการใช้กัญชาเพื่อการแพทย์ และช่วยเหลือผู้ป่วย ท่านใดที่ต้องการบริจาคของกองทุนฯเพิ่มเติม สามารถโอนเงินไปที่ กองทุนพันธุ์บุรีรัมย์ ธนาคารกรุงไทย เลขบัญชี 308-0-74593-0