ดร.สุทธิ สุนทรานุรักษ์
![](https://thaipublica.org/wp-content/uploads/2018/11/001ec949c22b1425bb8e02-620x496.jpg)
นับตั้งแต่ สี จิ้นผิง ก้าวขึ้นเป็นผู้นำสูงสุดของสาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อปี ค.ศ. 2013 นโยบายที่ “โดนใจ” คนจีนมากที่สุด เห็นจะเป็นการปราบปรามการคอร์รัปชันอย่างเอาจริงเอาจังภายใต้แคมเปญที่ว่า ปราบเสือ ตีแมลงหวี่ (Killing tigers and swatting flies)
ด้วยท่าทีอันถ่อมตนของสี จิ้นผิง ทำให้เขากลายเป็นผู้นำใจดี มีเมตตาและมีเสน่ห์อยู่เสมอ แต่เมื่อลงมือปฏิบัติแล้วกลับรวดเร็ว เด็ดขาด เข้มงวด ไม่มีผ่อนปรนแต่อย่างใด ทำให้ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา การปราบปรามคอร์รัปชันของจีนถูกกล่าวขวัญบ่อยที่สุดว่า “เอาจริง ไม่มีปาหี่”
การปราบปรามคอร์รัปชันของรัฐบาลจีนอาจจำแนกได้ในสองลักษณะ กล่าวคือ การปราบคอร์รัปชันในกลุ่มสมาชิกพรรค และการปราบคอร์รัปชันในกลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐ
การปราบคอร์รัปชันลักษณะแรก คือ การจัดการกับสมาชิกพรรคที่ฉ้อฉล คอร์รัปชัน ซึ่งโดยมากมักเป็นกลุ่มผู้นำองค์กรที่ได้โปรโมตจากพรรค ทั้งนี้รัฐบาลมีคณะกรรมการตรวจสอบวินัยแห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ (Central Commission for Discipline Inspection หรือ CCDI) ที่นับวันยิ่งจะทรงอิทธิพลมากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อต้นปีที่ผ่านมา CCDI ได้ประกาศรายงานล่าสุดว่า ปี 2017 CCDI ได้ลงโทษทางวินัยสมาชิกพรรคไปแล้ว 527,000 คน ในจำนวนนี้เป็นเจ้าหน้าที่รัฐระดับรัฐมนตรีถึง58 คน
ปัจจุบันสี จิ้นผิง มอบหมายให้นายจ้าว เล่อจี้ (Zhao Leji) ทำหน้าที่เลขาธิการ CCDI
![](https://thaipublica.org/wp-content/uploads/2018/11/b57cf310-227a-4462-9a1c-8271ad620ce0-620x349.jpg)
…จะว่าไปแล้ว CCDI เปรียบเสมือน “หมัดเหล็ก” ที่ สี จิ้นผิง ใช้กำราบสมาชิกพรรคที่ทุจริต แต่หากมองอีกด้านหนึ่ง CCDI คือเครื่องมือที่ท่านประธานสีใช้จัดการกับศัตรูทางการเมืองที่มีชนักติดหลังเป็นเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับทุจริตคอร์รัปชัน(ตัวอย่างที่ชัดเจน กรณีของนายป๋อ ซี ไหล และ โจว หย่งคัง)
นอกจาก CCDI จะเป็นมือไม้ให้รัฐบาลสีปราบปรามทุจริตแล้ว สี จิ้นผิง ยังได้เลือกใช้บริการองค์กรตรวจเงินแผ่นดินจีน (Chinese National Audit Office) หรือ CNAO ทำหน้าที่ป้องกันและปราบปรามการทุจริตอีกเช่นกัน
CNAO ถือกำเนิดเมื่อปี ค.ศ. 1983 หน้าที่หลักคือ ตรวจสอบความถูกต้องของหน่วยงานรัฐที่ใช้เงินงบประมาณแผ่นดิน ทั้งนี้ CNAO ไม่ค่อยยุ่งเกี่ยวกับเรื่องทุจริตคอร์รัปชันมากนัก เนื่องจากเมื่อตรวจพบพฤติการณ์ผิดปกติ CNAO จะรายงานพฤติการณ์ดังกล่าวให้ตำรวจหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป
CNAO เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 เมื่ออดีตผู้ว่าการ สตง.จีน (Auditor General)นายหลี จิ้นหัว (Li Jinhua) เสนอรายงานภาพรวมการทำงานตรวจสอบของ CNAO ต่อที่ประชุมสมัชชาพรรคคอมมิวนิสต์ครั้งที่ 10 ซึ่งการนำเสนอรายงานในครั้งนั้นแสดงข้อมูลการทุจริตคอร์รัปชันจำนวนมากที่พบจากการตรวจสอบ จนทำให้หลายฝ่ายเริ่มวิตกกังวลกับปัญหาคอร์รัปชันที่กำลังทำลายสังคมจีน
![](https://thaipublica.org/wp-content/uploads/2018/11/0019b91ed7d10c1bed8815.jpg)
ผลสะเทือนครั้งนั้นทำให้เกิดศัพท์ในแวดวงการเมืองจีนว่า Audit Storm เพราะพลันที่ หลี จิ้นหัว นำเสนอรายงานต่อที่ประชุมพรรค สื่อมวชนจีนได้ตีข่าว และกลายเป็นประเด็นร้อนในสังคมจีนจนกระทั่งเกิดการตรวจสอบครั้งใหญ่ราวกับพายุที่ทำให้สังคมจีนเริ่มเรียนรู้แล้วว่าปัญหาคอร์รัปชันภายในประเทศไม่ใช่เรื่องเล็กอีกต่อไป
CNAO ยังคงทำหน้าที่ตรวจสอบได้อย่างมีประสิทธิภาพ พัฒนางานตรวจสอบจนเป็นที่โดดเด่นในเวทีการตรวจเงินแผ่นดินโลก
หลังเหตุการณ์ Audit Storm สตง.จีน ได้พัฒนาแนวทางการตรวจสอบที่เรียกว่า Real-time Audit ขึ้นในสมัยของนายหลิว เจียยี่ (Liu Jiayi) เป็น Auditor General โดยแนวคิดของ Real-time Audit คือ การตรวจสอบให้เป็นปัจจุบันทันกาล สามารถยับยั้งความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับเงินแผ่นดินก่อนเบิกจ่ายได้
ที่มาของ Real-time Audit เริ่มต้นหลังจากเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่มณฑลเสฉวนในปี ค.ศ. 2008 ทำให้การฟื้นฟูมณฑลจำเป็นต้องใช้เงินงบประมาณมหาศาลทั้งจากรัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่น อย่างไรก็ดี เมื่อเม็ดเงินความช่วยเหลือลงไปในพื้นที่ประสบภัยจำนวนมาก โอกาสรั่วไหลและทุจริตก็เกิดขึ้นได้ง่าย ด้วยเหตุนี้ CNAO จึงใช้วิธีการตรวจสอบตั้งแต่เริ่มต้นโครงการ ระหว่างดำเนินโครงการ และติดตามความก้าวหน้าของโครงการช่วยเหลือนั้นไปด้วย โดยไม่ต้องรอให้โครงการช่วยเหลือนั้นแล้วเสร็จจึงลงตรวจ
![](https://thaipublica.org/wp-content/uploads/2018/11/901d93ae-30cf-4a59-b241-e956c090e62d.jpg)
ที่มาภาพ :http://en.sdcom.gov.cn/attachments/image/20180309/901d93ae-30cf-4a59-b241-e956c090e62d.jpg
ต่อมา แนวคิด Real-time Audit ได้รับการสนับสนุนด้วยเทคโนโลยีการตรวจสอบที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะในยุคที่ Big Data Analytic กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการเปลี่ยนโฉมหน้าทุกวงการ ไม่เว้นแม้แต่วงการตรวจเงินแผ่นดิน1
นอกเหนือจาก Real-time Audit แล้ว CNAO มีการตรวจสอบอีกประเภทที่เรียกว่า Economic Accountability Audit ซึ่งเป็นการตรวจสอบผู้บริหารหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ (State-owned Enterprises) ที่เมื่อพ้นจากตำแหน่งไปแล้ว จะต้องแสดงทรัพย์สินเพื่อให้ CNAO ตรวจสอบว่ามีการเปลี่ยนแปลงของทรัพย์สินส่วนตัวอย่างไร สมเหตุสมผลหรือไม่
…พูดง่ายๆ คือ CNAO ตรวจสอบการยื่นบัญชีทรัพย์สินของเหล่าสมาชิกพรรคที่ได้รับมอบหมายให้ดำรงตำแหน่งสำคัญๆ ด้วย
หลังจาก สี จิ้นผิง ขึ้นครองอำนาจ ในปี ค.ศ. 2013 นโยบายการปราบปรามการคอร์รัปชันเป็นนโยบายสำคัญที่ชูขึ้นมา ที่สำคัญ สีทำจริง ไม่กลัวใครหน้าไหน…โดย สี จิ้นผิง มอบหมายให้หลี่ เค่อเฉียง (Li Keqiang) นายกรัฐมนตรีเป็นผู้กำกับดูแล CNAO
ในยุคของสี จิ้นผิง CNAO เป็นองค์กรที่ทำหน้าที่ “ปิดทองหลังพระ” เพราะเรื่องทุจริตอื้อฉาวที่เป็นประเด็นในสังคมจีน ล้วนแล้วแต่มาจากการตรวจสอบของ CNAO
สี จิ้นผิง เคยให้กำลังใจกับเหล่าผู้ตรวจสอบของ CNAO ไว้ว่า การทำหน้าที่ตรวจสอบขององค์กรตรวจเงินแผ่นดินจีนเปรียบเสมือน “ดาบ” ที่ปราบคนโกง
อย่างที่กล่าวไปแล้วตอนต้นว่า สี จิ้นผิง เป็นผู้นำที่ “อ่อนนอกแต่แข็งใน” เขาให้ความสำคัญกับการตรวจสอบอย่างจริงจัง โดยเฉพาะหลังการประชุมสมัชชาพรรคครั้งที่ 19 เมื่อปีที่แล้ว สี จิ้นผิง จัดทัพ ปรับกระบวนงานใหม่เพื่อทำให้การบริหารประเทศในสมัยที่ 2 ของเขาเต็มไปด้วยความราบรื่น
…หนึ่งในหน่วยงานที่ถูกปฏิรูป ยกเครื่อง คือ CNAO
หลังจากที่หลิว เจียยี่ หมดวาระการดำรงตำแหน่ง Auditor General แล้ว สี จิ้นผิง ได้แต่งตั้งนางหู เซจุน (Hu Zejun) ขึ้นมาเป็น Auditor General
นางหู หรือมาดามหู นับเป็น Auditor General หญิงคนแรกของจีน
![](https://thaipublica.org/wp-content/uploads/2018/11/0711c740a27740df905d367379385b9d.jpg)
ขณะเดียวกัน สี จิ้นผิง ได้ปฏิรูปการตรวจเงินแผ่นดินจีนด้วยการรวมศูนย์อำนาจให้อยู่ในรูปของคณะกรรมการกลางด้านการตรวจเงินแผ่นดิน (The Central Audit Committee) โดยเขานั่งเป็นประธาน มีนายหลี่ เค่อเฉียง และนายจ้าว เล่อจี้ จาก CCDI เป็นรองประธาน
การปฏิรูปการตรวจเงินแผ่นดินจีนครั้งนี้ ทำโดยการยุบรวมหน่วยงานที่ทำหน้าที่กำกับดูแล ตรวจสอบติดตามรัฐวิสาหกิจ หน่วยงานในสังกัดกระทรวงการคลังที่ทำหน้าที่กำกับดูแลเรื่องการเบิกจ่ายเงิน ตลอดจนหน่วยงานที่ทำหน้าที่ติดตามโครงการขนาดใหญ่ของจีน…หน่วยงานที่ว่านี้ถูกยุบรวมเข้ากับ CNAO และมีคณะกรรมการกลางด้านการตรวจเงินแผ่นดินเป็นผู้กำกับดูแล ให้นโยบาย และติดตามผลการตรวจสอบที่สำคัญ
การปฏิรูปการตรวจเงินแผ่นดินจีนครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญของการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันในสังคมจีนที่มี สี จิ้นผิง เป็นแม่ทัพใหญ่
หมายเหตุ 1.ปัจจุบัน CNAO เป็นประธานคณะทำงานการพัฒนาการตรวจสอบโดยการใช้ Big Data (Working Group on Big Data) ขององค์การสถาบันการตรวจสอบสูงสุดของโลก (INTOSAI)