ThaiPublica > คอลัมน์ > Cockroach in The Making ตอนที่ 6: เจาะกะโหลกยักษ์

Cockroach in The Making ตอนที่ 6: เจาะกะโหลกยักษ์

14 เมษายน 2018


ปพนธ์ มังคละธนะกุล
www.facebook.com/Lomyak

ต่อจากตอนที่5

ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีข่าวยักษ์ใหญ่ขยับตัวในสองวงการ ขยับทีสะเทือน แต่ส่งผลกระทบต่างกันสุดขั้ว

ข่าวแรกเป็นข่าวยักษ์ใหญ่ค้าปลีก ลงมาเล่นตลาดรากหญ้า เปิดตัวร้านสะดวกซื้อเคลื่อนที่ ส่งตรงไปถึงชุมชน ไม่เพียงแต่ดัดหลังเจ้าตลาดที่ยึดหัวหาด ทำเลดีๆ ไปเสียหมดแล้ว จนวันนี้ไม่ใช่ร้านสะดวกซื้อแล้ว แต่เป็น “ร้านสะดวก…” ตามแต่จะสะดวกใจกันไป

อีกข่าว สองแบงก์ยักษ์ลุกออกมาประกาศไม่คิดค่าธรรมเนียมการใช้บริการพื้นฐานทางการเงิน ไม่ว่าจะเป็นโอนเงิน ชำระเงิน หรือเติมเงิน ผ่านแอปฯ จะไม่มีค่าธรรมเนียม ประกาศตูมตามว่าเป็นการให้ผู้บริโภคแบบจุใจ ใจถึง ว่างั้น

เอาเรื่องธนาคารก่อน เพราะผมอยู่วงใน และมีส่วนร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมรับรู้ มาตั้งแต่ต้น การยกเว้นค่าธรรมเนียมไม่ใช่เรื่องใหม่ ธนาคาร TMB (ทหารไทย) ทำมาตั้งเกือบจะสิบปีแล้ว โดยเนื้อแท้แล้วต้นทุนของบริการพื้นฐานเหล่านี้ไม่ได้มีมากมาย แต่ธนาคารแต่ละธนาคารยังคิดกัน เพราะเป็นรายได้หลักของแบงก์ใหญ่ ตอนที่ TMB ออกบริการฟรีค่าธรรมเนียมมา ตลาดตื่นเต้นนะครับ แต่ผลกระทบในเชิงระบบไม่ได้มากอย่างที่คิด

แน่นอน TMB ได้ลูกค้าใหม่ไปพอตัว สร้างแบรนด์เป็นล่ำเป็นสัน จนทุกวันนี้ติดเป็นหนึ่งในองค์กรที่มีคนอยากทำงานด้วยมากที่สุดองค์กรหนึ่งในประเทศไทย

แต่…ลูกค้าอีกมากมายยังไม่ขยับ โดยเฉพาะลูกค้าของเหล่าแบงก์ใหญ่ เพราะติดกับคำว่า “ความเคยชิน” นี่แหละ ขี้เกียจไปเปิดบัญชีใหม่ ขี้เกียจบอกบัญชีใหม่ให้คนอื่น และยิ่งกว่านั้น มันอาจเป็นเรื่องท้ายๆ ที่เขาคิดในหนึ่งวันก็อาจเป็นได้

คงไม่ได้คำนึงถึงความสมเหตุสมผลของบริการนั้นว่า ตัวเองกำลังจ่ายแพงโดยไม่จำเป็นหรือไม่ ต้องใช้เวลาเกือบ 10 ปี กว่าที่แบงก์ใหญ่จะออกมาทำสิ่งที่ควรจะทำตั้งนานแล้ว

แต่กรณีนี้ ยักษ์ขยับตัว ผู้ใช้บริการได้ประโยชน์ คู่แข่งตัวเล็กก็ต้องหาทางแทรก สร้างจุดยืนกันต่อไป แต่เป็นสิ่งที่ควรสนับสนุน

มาเรื่องร้านสะดวกซื้อเคลื่อนที่บ้าง ด้วยการที่คิดจะช่วงชิง หาช่องเล่น เพื่อแข่งกับยักษ์ใหญ่เจ้าตลาด ยักษ์ที่เล็กกว่าเลยใช้ช่องที่เป็นที่ทำมาหากินของคนตัวจิ๋ว เลยออกบริการร้านสะดวกซื้อเคลื่อนที่ขึ้นมา

เคสนี้แทนที่จะได้รับเสียงแซ่ซ้องจากคนทั่วไป กลับโดนกระแสยี้อย่างแรง ก็ไหงเล่นขยับเข้ามาในพื้นที่สงวนของคนหาเช้ากินค่ำเขาล่ะ ลำพังไม่มีพวกคุณ เขาก็อยู่ยากแล้ว นี่ขยับประชิดตัวขนาดนั้น เขาจะรอดเหรอ

สองเคสนี้มีความเหมือนในความต่าง…

เคสธนาคาร คนใช้บริการได้ประโยชน์เต็มที่ เขาไม่ต้องเปลี่ยนพฤติกรรม เปลี่ยนธนาคาร แล้วยังได้บริการที่ดีขึ้น ถึงแม้มาช้ามาก แต่เขาถือว่าดีกว่าไม่มา เขารู้สึกว่าได้

เคสร้านสะดวกซื้อ เขาต้องเปลี่ยนพฤติกรรมเล็กน้อย เพราะแทนที่จะซื้อกับคนสนิทชิดเชื้อที่ช่วยดูแลกันมา ต้องมาซื้อกับใครก็ไม่รู้ โอเคอาจจะดีกว่า แต่ผลทางใจต่างกัน มันเลยไม่ได้รู้สึกฟินอย่างที่คาดไว้

แต่ทั้งสองเคสเหมือนกันคือ ยักษ์เขาไม่สนใจใครหรอกครับ เขาคิดแค่จะแข่งกับยักษ์ด้วยกันเองเท่านั้น หากคุณตัวเล็กท่ามกลางหมู่ยักษ์ คุณก็ต้องหาทางอยู่ หาที่อื่น ให้มั่นคงให้ได้ อย่าหวังว่ายักษ์จะคิดปรานีเลยนะ เพราะหากยักษ์ตนนึงปรานี ก็ใช่ว่ายักษ์อีกตนจะปล่อยให้ลอยนวลนิ ไม่งั้นทำไมอยู่ๆ แบงก์ใหญ่สองแบงก์จะมาประกาศยกเว้นค่าธรรมเนียมห่างกันแค่วันเดียวเอง ที่ผ่านมาเกือบสิบปี ไม่ทำอะไร

ก็เพราะอีกยักษ์จะขยับนั่นเอง

ยักษ์ฟาดฟันกัน ก็ปล่อยให้เขาฟัดกันไปเอง ไม่อยากเดือดร้อน ต้องมีความชัดเจน มีที่ยืนอย่างมั่นคง

เหนื่อย…และท้าทายดีเนอะ