ThaiPublica > เกาะกระแส > ธปท. เปิดตัว “คิวอาร์โค้ด” ระบบการชำระเงินมาตรฐานกลาง ดีเดย์ไตรมาส 4 ปี 60

ธปท. เปิดตัว “คิวอาร์โค้ด” ระบบการชำระเงินมาตรฐานกลาง ดีเดย์ไตรมาส 4 ปี 60

31 สิงหาคม 2017


เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2560 ดร.วิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ร่วมกับผู้บริหารบริษัท American Express, JCB International, Mastercard, VISA, UnionPay International, สมาคมธนาคารไทย, สภาสถาบันการเงินของรัฐ สมาคมธนาคารนานาชาติ, สมาคมการค้าผู้ให้บริการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ไทย, สมาคมโทรคมนาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์, บริษัท National ITMX จำกัด และบริษัท Thai Payment Network จำกัด แถลงข่าวความร่วมมือการใช้มาตรฐานคิวอาร์โค้ด (QR Code) เพื่อการชำระเงิน ณ ห้องภัทรรวมใจ อาคาร 2 ชั้น 2 สำนักงานใหญ่ ธนาคารแห่งประเทศไทย

เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2560 ดร.วิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ร่วมกับผู้ให้บริการเครือข่ายบัตรรายใหญ่ของโลก 5 แห่ง ได้แก่ American Express, JCB, Mastercard, UnionPay และ VISA และผู้ให้บริการทางการเงินในไทย ได้แก่ สมาคมธนาคารไทย, สภาสถาบันการเงินของรัฐ, สมาคมธนาคารนานาชาติ, สมาคมการค้าผู้ให้บริการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ไทย, สมาคมโทรคมนาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์, บริษัท National ITMX จำกัด และบริษัท Thai Payment Network จำกัด แถลงข่าวความร่วมมือการใช้มาตรฐานคิวอาร์โค้ด (QR Code) เพื่อการชำระเงินว่า ธปท. ได้ผลักดันการพัฒนาระบบการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์มาอย่างต่อเนื่อง เช่น การผลักดันโครงการ National e-Payment การปรับเปลี่ยนบัตร ATM และบัตรเดบิตให้เป็นชิปการ์ด การยกระดับความปลอดภัยการชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือ การนำหลักการของ Regulatory Sandbox มาใช้เพื่อสนับสนุนนวัตกรรมทางการเงิน และการนำพระราชบัญญัติระบบการชำระเงินมาใช้ในการกำกับดูแลธุรกิจด้านการชำระเงิน

อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ ธปท. ได้ยกระดับระบบการชำระเงินไปอีกขั้นหนึ่ง และถือเป็นครั้งแรกของโลกที่ประสานความร่วมมือกับผู้ให้บริการเครือข่ายบัตรรายใหญ่ของโลก 5 แห่งมาร่วมกันนำมาตรฐานคิวอาร์โค้ดมาใช้ในประเทศไทย เพื่อให้การชำระเงินเป็นมาตรฐานเดียวกัน, ลดความซ้ำซ้อนในการใช้คิวอาร์โค้ดซึ่งมีหลากหลายรูปแบบ, ช่วยเสริมต่อแนวทางการพัฒนาระบบการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Payment ในมิติต่างๆ และยังช่วยส่งเสริมการเข้าถึงบริการทางการเงินของประชาชน

ทั้งนี้ การใช้มาตรฐานคิวอาร์โค้ดเพื่อการชำระเงินมีหลักการและประโยชน์สำคัญใน 4 ประการ คือ

    1) เป็นมาตรฐานกลางที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากล เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการสามารถเข้าถึงและใช้งานร่วมกันได้ทั้งรายการชำระเงินในประเทศและต่างประเทศ โดยร้านค้าคิวอาร์โค้ดเดียวก็สามารถรับชำระเงินผ่านช่องทางที่หลากหลายจากลูกค้าได้

    2) เป็นการเพิ่มช่องทางการชำระเงินที่สะดวกและมีต้นทุนต่ำให้แก่ประชาชนและร้านค้า ช่วยให้การจัดทำบัญชีและกระทบยอดเงินเข้าง่ายกว่าการทำธุรกรรมด้วยเงินสดมาก

    3) เป็นการเพิ่มความปลอดภัยในการชำระเงิน เจ้าของบัตรไม่ต้องให้บัตรหรือข้อมูลบนบัตรแก่ร้านค้าและระบบงานที่รองรับเป็นระบบโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน จึงมีความปลอดภัย

    4) สามารถต่อยอดนวัตกรรมทางการเงินที่หลากหลายได้โดยง่าย เป็นรากฐานสำคัญของร้านค้าขนาดกลางและขนาดเล็กที่จะเก็บข้อมูลการรับชำระเงินอย่างเป็นระบบ เพื่อให้นำไปใช้ประโยชน์ในหลายด้านรวมถึงการขอสินเชื่อ ซึ่งสถาบันการเงินในหลายประเทศได้เริ่มให้สินเชื่อโดยใช้ข้อมูลชำระเงินเป็นข้อมูลอ้างอิง (Information-based lending) แทนการใช้สินทรัพย์ถาวรเป็นหลักประกันแล้ว และยังช่วยให้ก้าวข้ามอุปสรรคของการปล่อยสินเชื่อเอสเอ็มอีจากเดิมที่ต้องใช้หลักประกันเพียงอย่างเดียว

ในขั้นตอนต่อไป ธนาคารหรือผู้ให้บริการต้องเสนอโครงการเข้าพิจารณาใน Regulatory Sandbox เพื่อทดสอบให้มั่นใจในความถูกต้องของการทำรายการและการดูแลผู้ใช้บริการ ซึ่งมีธนาคาร 2 แห่งอยู่ระหว่างการทดสอบ ได้แก่ ธนาคารไทยพาณิชย์และธนาคารกสิกรไทย และมีอีก 6 แห่งที่อยู่ระว่างยื่นคำขอเข้าร่วมโครงการ ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ, ธนาคารกรุงไทย, ธนาคารทหารไทย, ธนาคารกรุงศรีอยุธยา, ธนาคารออมสิน และธนาคารธนชาติ โดยการให้บริการจริงจะทยอยเปิดตามความพร้อมต่อไป คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ภายในไตรมาส 4 ของปี 2560 ขณะที่ค่าธรรมเนียมการให้บริการจะยังคงเป็นไปตามรูปแบบการชำระเงินพื้นฐานเดิม เช่น ใช้บริการจ่ายเงินผ่านบัตรเครดิตหรือพร้อมเพย์ โดยระบบคิวอาร์โค้ดจะเป็นเพียงสื่อกลางของการชำระเงิน ซึ่งช่วยให้ประชาชนมีทางเลือก ความสะดวก รวมถึงความปลอดภัยมากขึ้น ตัวอย่างเช่น การชำระเงินด้วยบัตรเครดิตที่ผ่านลูกค้าจะต้องส่งบัตรเครดิตให้กับร้านค้า อาจจะเป็นช่องช่องทางให้เกิดการทุจริต ขณะที่ระบบคิวอาร์โค้ดจะย้ายเข้ามาอยู่ในมือถือของประชาชน สามารถปิดช่องการทุจริตได้ โดยทางผู้ให้บริการคิวอาร์โค้ดจะต้องมีระบบยืนยันตัวบุคคลที่ชัดเจนแทน เป็นต้น

สำหรับจำนวนร้านค้าที่คาดว่าจะเข้าร่วมใช้งานระบบคิวอาร์โค้ด ดร.วิรไท กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่สามารถประมาณการได้ ขึ้นอยู่กับรูปแบบของการให้บริการ หลังจากร้านค้าและประชาชนเริ่มต้นใช้บริการคิวอาร์โค้ดเมื่อไหร่ และพบว่าการชำระเงินในรูปแบบนี้มีความสะดวกและปลอดภัยมากกว่า คาดว่าจำนวนร้านค้าที่จะเปิดให้บริการคิวอาร์โค้ดก็จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งระบบคิวอาร์โค้ดของประเทศไทยมีความพิเศษตรงที่เป็นระบบมาตรฐานกลาง ทำให้ร้านค้าไม่จำเป็นต้องมีคิวอาร์โค้ดหลายอัน แยกตามผู้ให้บริการทางการเงิน นอกจากนี้ระบบคิวอาร์โค้ดยังช่วยให้ร้านค้าต่างๆ จัดเก็บข้อมูลได้อย่างละเอียดมากขึ้น สามารถนำไปใช้กำหนดกลยุทธ์ทางธุรกิจ และยังใช้เป็นหลักฐานประกอบการขอสินเชื่อได้ โดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมจะได้รับประโยชน์จากการนำระบบคิวอาร์โค้ดมาใช้ค่อนข้างมาก

ด้านนายอาจ วิเชียรเจริญ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวถึงระบบมาตรฐานคิวอาร์โค้ดว่าเป็นการวางระบบบนโครงสร้างพื้นฐานของพร้อมเพย์ แทนที่จะต้องใช้เลขบัญชี เบอร์มือถือ หรือเลขบัตรประชาชน ผู้ใช้บริการสามารถชำระเงินผ่านคิวอาร์โค้ดแทนได้ โดยระบบคิวอาร์โค้ดที่เปิดให้บริการจะมี 2 รูปแบบ คือ 1. ร้านค้าจัดพิมพ์เครื่องหมายคิวอาร์โค้ดออกมาวางให้ประชาชนสแกน กับ 2. เครื่องหมายคิวอาร์โค้ดสร้างผ่านแอปพลิเคชันสำหรับการชำระเงินเป็นรายครั้ง ขณะที่ระบบการชำระเงินหลังบ้านยังคงใช้รูปแบบเดิม ทั้งการโอนเงินปกติ การชำระเงินผ่านบัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือระบบพร้อมเพย์ ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้บริการได้อีกขั้นหนึ่ง