ThaiPublica > เกาะกระแส > บอร์ดสลากฯ สั่งพิมพ์หวย 11 ล้านฉบับ แก้ขายเกินราคา-ศึกษาขายออนไลน์พร้อมกลไกดูแลคนพิการ

บอร์ดสลากฯ สั่งพิมพ์หวย 11 ล้านฉบับ แก้ขายเกินราคา-ศึกษาขายออนไลน์พร้อมกลไกดูแลคนพิการ

29 ธันวาคม 2016


เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2559 พล.ต. ฉลองรัฐ นาคอาทิตย์ ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล (กลาง) พร้อม พ.ท. หนุน ศันสนาคม กรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล และนายธนวรรธน์ พลวิชัย แบ่งรัฐบาล โฆษกคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล แถลงข่าวแนวทางในการแก้ไขปัญหาจำหน่ายสลากฯ เกินราคา
เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2559 พล.ต. ฉลองรัฐ นาคอาทิตย์ ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล (กลาง) พร้อม พ.ท. หนุน ศันสนาคม กรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล และนายธนวรรธน์ พลวิชัย แบ่งรัฐบาล โฆษกคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล แถลงข่าวแนวทางในการแก้ไขปัญหาจำหน่ายสลากฯ เกินราคา

เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2559 พล.ต. ฉลองรัฐ นาคอาทิตย์ ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พร้อมด้วย พ.ท. หนุน ศันสนาคม กรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล ในฐานะประธานคณะทำงานบริหารจัดการสลาก และนายธนวรรธน์ พลวิชัย กรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล ในฐานะโฆษกคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยถึงแนวทางในการแก้ไขปัญหาขายสลากฯ เกินราคา

โดยนายธนวรรธน์กล่าวว่า หลังจากที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลดำเนินโครงการซื้อ-จองล่วงหน้าสลากกินแบ่งรัฐบาลผ่านธนาคารกรุงไทย พบว่าในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา มีผู้สนใจทำรายการซื้อ-จองล่วงหน้าสลากฯ เป็นจำนวนมาก โดยในแต่ละงวดมีผู้โอนเงินเข้าบัญชีเพื่อทำรายการสั่งซื้อสลากฯ กว่า 90,000 รายต่องวด แต่มีผู้ที่ทำรายการซื้อ-จองล่วงหน้าสลากฯ ได้เฉลี่ย 67,000 รายต่องวด ส่วนที่เหลือ 23,000 ราย ไม่ซื้อ-จองล่วงหน้าสลากฯ ได้ คิดเป็นจำนวนสลากฯ ประมาณ 120,000 เล่ม หรือประมาณ 12 ล้านฉบับคู่ สำหรับผู้ที่สามารถซื้อ-จองสลากฯ ได้จำนวนหนึ่ง ต้องการจะรับสลากฯ ไปจำหน่ายมากกว่า 5 เล่ม/ราย คาดว่าผู้ค้าสลากฯ กลุ่มนี้มีความต้องการสลากฯ เพิ่มอีกประมาณ 150,000-160,000 เล่มคู่ หรือประมาณ 15-16 ล้านฉบับคู่ โดยในการทำรายการซื้อ-จองล่วงหน้าสลากฯ แต่ละครั้ง ใช้เวลาเพียง 6-7 นาที และเมื่อเร็วๆ นี้ ก็มีเหตุการณ์วิวาทเพื่อแย่งกันทำรายการซื้อ-จองล่วงหน้าสลากฯ บริเวณตู้ ATM อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาความต้องการสลากฯ ในส่วนของผู้ขายทวีความรุนแรงมากขึ้น ประกอบกับช่วงเทศกาลปีใหม่และตรุษจีน ผู้ค้ามีความต้องการสลากกินแบ่งรัฐบาลสูง เนื่องจากเป็นช่วงที่นิยมเสี่ยงโชคหรือซื้อสลากฯ ให้เป็นของขวัญ อีกทั้งยังมีการจับกุมผู้จำหน่ายสลากฯ เกินราคาอย่างต่อเนื่อง

thaipublica1-lottery

ดังนั้น ที่ประชุมคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล จึงมีมติให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลพิมพ์สลากฯ เพิ่มอีก 5,000,000 ฉบับ ในงวดวันที่ 30 ธันวาคม 2559 ทำให้งวดนี้มีสลากฯ หมุนเวียนอยู่ในตลาดเพิ่มเป็น 65 ล้านฉบับคู่ จากปกติมียอดพิมพ์สลากฯ อยู่ที่ 60 ล้านฉบับคู่ หลังจากนั้น ให้สำนักงานสลากฯ พิมพ์สลากฯ เพิ่มขึ้นอีก 3 ล้านฉบับ เป็นระยะเวลา 2 งวด คือ ในงวดวันที่ 17 มกราคม 2560 และ งวดวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2560 ทำให้ทั้ง 2 งวดมีสลากฯ หมุนเวียนในตลาดงวดละ 68 ล้านฉบับคู่ จากนั้น ตั้งแต่งวดวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2560 เป็นต้นไป ให้สำนักงานสลากฯ พิมพ์สลากฯ เพิ่มขึ้นอีก 3 ล้านฉบับคู่ รวมแล้วจะมีปริมาณสลากฯ หมุนเวียนอยู่ในตลาด 71 ล้านฉบับคู่ ไปจนกว่าตลาดจะมีการปรับตัวเข้าสู่สมดุล

พล.ต. ฉลองรัฐ นาคอาทิตย์ ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า สำหรับการจัดสรรสลากฯ ในส่วนที่พิมพ์เพิ่มขึ้นมาอีก 11 ล้านฉบับคู่นั้น สำนักงานสลากฯ จะนำไปจัดสรรให้กับผู้ค้าสลากฯ รายย่อย 8 ล้านฉบับคู่ ผ่านระบบจองล่วงหน้าสลากฯ ของธนาคารกรุงไทย ที่เหลืออีก 3 ล้านฉบับคู่นำไปจัดสรรให้กับองค์กร สมาคม มูลนิธิคนพิการ เพื่อรักษาสมดุลระหว่างผู้ค้าสลากรายย่อย ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนอยู่ที่ 85% ของจำนวนสลากที่พิมพ์ออกจำหน่าย และสมาคม องค์กรและมูลนิธิ ซึ่งมีสัดส่วนอยู่ที่ 15% นอกจากนี้ รวมทั้งยังตอบสนองนโยบายของรัฐบาลในการสนับสนุนและให้ความช่วยเหลือองค์กรภาคสังคม สมาคม และมูลนิธิ ที่ดูแลคนพิการและผู้ด้อยโอกาส ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากและยังขาดโอกาสในการเข้าถึงโควตาสลาก สำหรับหลักเกณฑ์ในการจัดสรรโควตาสลากให้กับองค์กร มูลนิธิ และสมาคมเพิ่มเติมนั้น คงทำเรื่องเสนอต่อที่ประชุมบอร์ดสลากพิจารณาอีกครั้ง

“ปัญหาขายสลากเกินราคาเป็นปัญหาที่เกิดจากระบบ ดังนั้น ในการแก้ไขปัญหาก็ต้องแก้ที่ระบบ จากการส่งเจ้าหน้าที่ไปสอบถามผู้ที่ค้าสลากในพื้นที่ต่างๆ พบว่า ผู้ค้าสลากมีความต้องการสลากไปขายมากกว่า 10 เล่มต่องวด แต่สำนักงานสลากฯ จัดสรรโควตาสลากฯ ให้กับผู้ค้าสลากฯ รายย่อย รวมทั้งผู้ค้าสลากฯ ที่ซื้อ-จองสลากฯ ผ่านธนาคารกรุงไทยรายละ 5 เล่ม เมื่อสลากฯ ไม่พอขาย ผู้ค้าสลากฯ จริงก็ต้องไปซื้อกับยี่ปั๊ว ซาปั๊ว เป็นต้นเหตุที่ทำให้ต้องขายสลากฯ เกินราคา เพราะรับสลากฯ มาแพงก็ต้องขายแพง โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลต่างๆ มักจะมีการฉวยโอกาสขึ้นราคา” พล.ต. ฉลองรัฐ กล่าว

พล.ต. ฉลองรัฐ นาคอาทิตย์ ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล
พล.ต. ฉลองรัฐ นาคอาทิตย์ ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล

พล.ต. ฉลองรัฐ กล่าวต่อว่า ทางสำนักงานสลากฯ จึงต้องเพิ่มปริมาณสลากฯ ให้เพียงพอกับความต้องการของผู้ต้องการขายสลากฯ จริง สลากฯ ที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่จะนำไปขายผ่านระบบจองล่วงหน้าของธนาคารกรุงไทย ซึ่งระบบจองล่วงหน้านี้จะเป็นเครื่องมือในการปรับความสมดุล กล่าวคือ หลังจากมีการเพิ่มปริมาณและจัดสรรสลากฯ ให้เพียงพอกับความต้องการของผู้ค้าสลากฯ รายย่อยตัวจริง คนที่ไม่ได้ขายจริงก็อาจจะทิ้งโควตาไม่มารับสลากไปขาย เพราะไม่รู้จะไปขายให้ยี่ปั๊ว ซาปั๊วรายใด ส่วนใหญ่เข้าถึงสลากฯ ได้เป็นการทั่วไป สำนักงานสลากฯ ก็จะนำโควตาสลากฯ ส่วนที่ตัวแทนจำหน่ายสลากฯ ไม่มารับไปขายผ่านระบบจองของธนาคารกรุงไทย เมื่อระบบจองล่วงหน้ามีปริมาณเพิ่มมากขึ้น ก็มีความเป็นไปได้ที่บางงวดอาจจะมีคนจองน้อยลง ปริมาณสลากฯ ที่พิมพ์ออกขายทั้งหมดก็จะปรับตัวลดลงโดยอัตโนมัติสอดคล้องกับความต้องการของตลาดที่แท้จริง ดังนั้น ยอดการพิมพ์สลากฯ ที่จะเพิ่มเป็น 71 ล้านฉบับคู่ อาจจะเป็นแค่เพดานการพิมพ์สลากฯ ออกจำหน่ายสูงสุด ก็มีความเป็นไปได้ โดยมีระบบจองล่วงหน้าของธนาคารกรุงไทยเป็นเครื่องมือในปรับความสมดุลให้กับตลาด

นอกจากนี้ สำนักงานสลากฯ ยังคงดำเนินมาตรการกวดขันจับกุมผู้ค้าสลากเกินราคาอย่างเข้มงวดต่อไป ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2558 จนถึงเดือนธันวาคม 2559 เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารและฝ่ายปกครองได้จับกุมผู้จำหน่ายสลากฯ เกินราคาและดำเนินคดีอาญาแล้ว 986 ราย ยกเลิกสัญญาการเป็นตัวแทนจำหน่าย 152 ราย และยกเลิกสิทธิการลงทะเบียนโครงการซื้อ-จองล่วงหน้าสลากฯ อีก 154 ราย นอกจากนี้ ในช่วงต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ตนยังได้มอบหมายให้ผู้ตรวจการของสำนักงานสลากฯ ลงพื้นที่ตรวจสอบ บันทึกภาพ และบันทึกหมายเลขสลากฯ ที่นำมารวมชุดขายเกินราคาตามแผงต่างๆ ในเขตปริมณฑล โดยนำข้อมูลหมายเลขสลากฯ จำนวน 667 ชุด หรือ 3,277 ฉบับคู่ (ส่วนใหญ่ชุดละ 5 ฉบับคู่) กลับมาตรวจสอบ หากพบว่าโควตาสลากฯ ของผู้ใด สำนักงานสลากฯ จะตัดโควตาทันที

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีแนวทางแก้ไขปัญหาสลากฯ เกินราคาอย่างเบ็ดเสร็จไหม นายธนวรรธน์ตอบว่า กำลังจะถามเรื่องสลากฯ ออนไลน์ใช่หรือไม่ หากเป็นประเด็นนี้สังคมไทยถือเป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อนมาก ปัจจุบันสำนักงานสลากฯ ต้องดูแลผู้ซื้อ ดูแลผู้ขาย ดูแลคนพิการ ซึ่งเรื่องนี้สำนักงานสลากฯ กำลังศึกษาอยู่ หากนำระบบจำหน่ายสลากฯ แบบออนไลน์มาใช้เป็นมาตรการแก้ปัญหาขายสลากฯ เกินราคาจะมีผลกระทบรุนแรงกว่าการเพิ่มปริมาณสลาก ระบบออนไลน์จะทำให้เกิดการพัฒนาเกมการเล่นได้หลากหลายรูปแบบ ขณะที่คนขายสลากฯ ส่วนใหญ่เป็นคนด้อยโอกาส แค่สำนักงานสลากฯ เพิ่มปริมาณสลากฯ เข้ามาในตลาด คนกลุ่มนี้บอกว่าเขาอยู่ไม่ได้ และถ้าสำนักงานสลากฯ ไปปรับระบบแบบหักดิบ สังคมไทยอาจรับไม่ได้ ดังนั้น ต้องศึกษาให้รอบครอบ วันนี้สังคมไทยพร้อมหรือยัง บางประเทศเป็นระบบผสม คือมีทั้งสลากฯ ออนไลน์และสลากฯ แบบใบ สลากฯ แบบใบให้คนพิการจำหน่ายสลากฯ เท่านั้น ในปีหน้าสำนักงานสลากฯ จะทำการศึกษาเรื่องนี้อย่างจริงจัง จัดสัมมนารับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และจะนำผลการศึกษาทั้งหมดออกมาเผยแพร่ให้สังคมได้รับรู้

พ.ท. หนุน ศันสนาคม กรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล
พ.ท. หนุน ศันสนาคม กรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ปัจจุบันสำนักงานสลากฯ ใช้กำลังตำรวจ ทหาร จำนวนมากไล่จับกุมผู้ค้าสลากฯ เกินราคาทั่วประเทศ มีวิธีอื่นที่ดีกว่าหรือไม่ เช่น หากมีการนำระบบออนไลน์มาใช้ อาจจะแบ่งเงินรายได้จากผู้ค้าสลากฯ ออนไลน์ไปช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสซึ่งมีอยู่ 15% เป็นรายงวดหรือรายเดือน โดยไม่ต้องไปเดินขายอีกต่อไป พ.ท. หนุน ศันสนาคม กรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล และประธานคณะทำงานบริหารจัดการสลาก กล่าวว่า “มันต้องแยกให้ออกระหว่างคำว่าอาชีพการขายสลากฯ กับการได้รับเงินในการอุดหนุนจุนเจือ ผู้ค้าสลากฯ ส่วนใหญ่ต้องการอาชีพ อยากมีสลากฯ ไปขาย เขาบอกว่าไม่ต้องการได้เงินให้เปล่า เขาไม่ใช่ขอทาน เพราะฉะนั้น ต้องแยกประเด็นระหว่างอาชีพกับเงินให้เปล่า สำนักงานสลากฯ ก็ศึกษาที่จะหาแนวทางช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างอาชีพหรือการจัดสรรเงินไปช่วยเหลือ”

ในสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนมกราคม 2560 สำนักงานสลากฯ เตรียมจัดสัมมนาทางวิชาการเกี่ยวกับการดูแลคนพิการ ว่าควรจะเป็นการจัดสรรสลากฯ ให้จำหน่ายหรือบริหารจัดการเงินส่วนลดผ่านองค์กรที่ดูแลคนพิการ นำไปพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการให้ดีขึ้นอย่างทั่วถึง โดยเชิญตัวแทนภาคประชาชน นักวิชาการ และตัวแทนสมาคม องค์กร มูลนิธิคนพิการ ที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายสลากเพื่อรวบรวมความคิดเห็นที่ได้จากการสัมมนามาประกอบการพิจารณาแก้ไขปัญหาต่อไป และหลังจากนั้น คณะกรรมการสลากฯ ผู้บริหารระดับสูง และตัวแทนภาคประชาชน จะลงพื้นที่ติดตามการแก้ไขปัญหาและรณรงค์ต่อต้านการจำหน่ายสลากฯ เกินราคาอย่างต่อเนื่อง โดยจะเริ่มลงพื้นที่ปลายเดือนมกราคม 2560 อย่างต่อเนื่องในทุกภูมิภาคของประเทศด้วย

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า หากต้องการสร้างอาชีพ เป็นได้หรือไม่ที่จะจัดสรรเครื่องจำหน่ายสลากฯ อัตโนมัติให้กับผู้ด้อยโอกาส พล.ต. ฉลองรัฐ ตอบว่า “การค้าขายสลากฯ ในอนาคตจะเป็นอย่างไร ประเด็นนี้เป็นเรื่องที่ท้าทายมาก ปัจจุบันประเทศไทยเป็นประเทศเดียวที่มีการขายสลากฯ เพียงผลิตภัณฑ์เดียว ส่วนประเทศมาเลเซียมี 6 ผลิตภัณฑ์ ญี่ปุ่นมี 5 ผลิตภัณฑ์ รูปแบบการค้าสลากฯ ของไทยก็แตกต่างจากประเทศอื่นๆ คนไทยทุกคนสามารถเป็นผู้ค้าสลากฯ ได้ ไม่มีกฎหมายบังคับ ใครอยากขายก็มากด ATM รับไป 5 เล่ม ไปเดินขายได้ทันที ขณะที่ประเทศอื่นเป็นระบบสัมปทาน ตัวแทนจำหน่ายมีสถานที่จัดจำหน่ายถาวร ไม่มีเดินขาย ไทยเป็นแห่งเดียวในโลกที่ไม่เหมือนใคร คือ ขายสลากฯ เป็นใบๆ เปิดขายเพียง 7 นาทีหมด รัฐบาลได้เงินทันที 5,000 ล้านบาท”

หากมาดูที่รูปแบบของการประกอบธุรกิจ ประเทศอื่นขายสลากฯ มีกำไรแบ่งเงินกำไรส่วนหนึ่งไปช่วยเหลือสังคม ส่วนประเทศไทยทำธุรกิจไปด้วย พร้อมกับแบ่งเงินส่วนหนึ่งที่อยู่ในราคาสลากฯ มาช่วยเหลือสังคม หากนำสลากฯ ออนไลน์หรือผลิตภัณฑ์อื่นเข้ามาในตลาด ก็ต้องมาดูว่าควรปรับเปลี่ยนรูปแบบของการทำธุรกิจด้วยหรือไม่ และต้องเริ่มต้นอย่างไร ทำอะไรก่อน หลังปี 2560 สำนักงานสลากฯ จะมีการศึกษาเรื่องนี้อย่างเข้มข้น พร้อมกับนำประเด็นปัญหาทั้งหมดออกมาเผยแพร่ให้สังคมไทยได้รับรู้ว่าเรื่องนี้มีข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร

ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลกล่าวต่อว่า นอกจากเพิ่มปริมาณการพิมพ์สลากฯ เป็น 71 ล้านฉบับคู่แล้ว ช่วงต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ทางสำนักงานสลากฯ ได้มีการทำสัญญากับตัวแทนจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลใหม่ทั้งหมด โดยสัญญาตัวแทนจำหน่ายสลากฯ ฉบับใหม่จะมีอายุตั้งแต่งวดวันที่ 16 ธันวาคม 2559 – 1 มิถุนายน 2560 ปรากฏว่ามีตัวแทนจำหน่ายส่วนกลางเดิมที่ไม่มาทำสัญญาเกือบ 300 ราย คิดเป็นจำนวนสลากฯ เกือบ 1,500 เล่มคู่ ซึ่งสลากฯ จำนวนนี้ได้นำไปเข้าสู่โครงการซื้อ-จองล่วงหน้า เพื่อให้ผู้ประสงค์จะรับสลากฯ ไปจำหน่ายเข้าถึงสลากฯ ได้มากขึ้น และในการตรวจสอบคุณสมบัติผู้ที่มาทำสัญญาใหม่รอบนี้ สำนักงานฯ ได้จัดส่งหมายเลขบัตรประชาชนของตัวแทนจำหน่ายรายย่อยบุคคลทั่วไป ทั้งหมดจำนวน 31,934 ราย ให้กรมบัญชีกลางตรวจสอบหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชนของตัวแทนจำหน่ายรายย่อยบุคคลทั่วไปว่าเป็นข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้างของส่วนราชการหรือไม่ หากพบว่าตัวแทนรายย่อยรายใดเป็นข้าราชการ พนักงานลูกจ้างของส่วนราชการ ทางสำนักงานสลากฯ ถือว่าขาดคุณสมบัติ จะยกเลิกสัญญาทันทีเช่นกัน

ส่วนการทำรายการซื้อ-จองล่วงหน้าสลากฯ ในรอบต่อไปนั้น สำนักงานสลากฯ จะเปิดให้ทำรายการสลากฯ ซื้องวดประจำวันที่ 17 มกราคม 2560 จำนวนสลากประมาณ 165,000 เล่มคู่ในวันที่ 5 มกราคม 2560 และเปิดให้ทำรายการสลากฯ จองงวดประจำวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2560 จำนวน 2 วัน คือ ในวันที่ 6 มกราคม 2560 จำนวนสลากฯ 180,000 เล่มคู่ และวันที่ 7 มกราคม 2560 จำนวนสลากฯ 80,000 เล่มคู่ และยังได้กล่าวถึงการมอบหมายให้ผู้ตรวจการของสำนักงานฯ ลงพื้นที่เก็บข้อมูลและตรวจสอบการจำหน่ายสลากฯ ของผู้จำหน่ายอย่างต่อเนื่อง เพื่อคัดกรองผู้จำหน่ายสลากฯ ที่แท้จริง หลังจากในรอบปีที่ผ่านมา สำนักงานฯ ได้ขอความร่วมมือหน่วยทหารและจังหวัด ในการตรวจสอบผู้จำหน่ายทั่วประเทศ โดยการจัดเก็บข้อมูลในครั้งนี้จะนำไปวิเคราะห์และใช้ประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาการจำหน่ายสลากฯ เกินราคาในอนาคต