ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเอกฉันท์ วินิจฉัย ให้คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขคำปรารภของร่างรัฐธรรมนูญ ให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริง เนื่องจากในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จสวรรคต
ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์วินิจฉัยชี้ขาด ว่าการปรับปรุงคำปรารภของร่างรัฐธรรมนูญให้สอดคล้องกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นสามารถกระทำได้ ตามคำร้องของคณะรัฐมนตรี ที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยชี้ขาดตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับชั่วคราว พุทธศักราช 2557 มาตรา 5 วรรคสอง ว่า นายกรัฐมนตรี จะปรับปรุงคำปรารภของร่างรัฐธรรมนูญให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริง เนื่องด้วยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จสวรรคต ได้หรือไม่ เนื่องจากคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.)ได้ส่งร่างรัฐธรรมนูญให้นายกรัฐมนตรีเพื่อนำขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม ที่ผ่านมาแต่ไม่มีบทบัญญัติใดของรัฐธรรมนูญให้อำนาจคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ในอันที่จะดำเนินการดังกล่าวได้ แต่ศาลรัฐธรรมนูญ เห็นควรว่า ให้คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญเป็นผู้มีหน้าที่ปรับปรุงคำปรารภของร่างรัฐธรรมนูญให้สอดคล้องกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นเพื่อให้สมบูรณ์ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะนำขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยต่อไป
โดยนายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวว่าศาลมีมติว่าแก้ได้เพราะพิจารณาจากมาตรา 5 วรรคหนึ่งของรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 ที่บัญญัติว่าเมื่อไม่มีบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้บังคับแก่กรณีใดให้กระทำการนั้น หรือวินิจฉัยกรณีนั้นไปตามประเพณีการปกครองประเทศไทยในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษํตริย์ทรงเป็นประมุขฯ ซึ่งตามประเพณีแล้วกฎหมายจะสมบูรณ์ได้ก็เมื่อมีการลงพระปรมาภิไธย แต่เมื่อร่างรัฐธรรมนูญนี้ยังไม่มีการลงพระปรมาธิไธยจึงยังสามารถปรับแก้ไขได้ ส่วนที่ศาลเห็นว่า อำนาจแก้เป็นของกรธ. เนื่องจากมาตรา 4 ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวแก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 2 ที่ให้เพิ่มเติมเป็นความในมาตรา 39/1 วรรคสิบของรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557ว่า บัญญัติไว้ชัดเจนว่าก่อนนายกรัฐมนตรีนำร่างรัฐธรรมนูญขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายตามวรรคเก้า ให้คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญดำเนินการปรับปรุงคำปรารภของร่างรัฐธรรมนูญให้สมบูรณ์และสอดคล้องกับผลการลงประชามติ ดังนั้นกรธ.จึงสามารถแก้ไขปรับปรุงได้