ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 21-27 ก.พ. 2559
- แผนห้าปี ขึ้นภาษีเครื่องดื่มน้ำตาลสูง
- เตือน “ลัทธิต่อต้านวัคซีน” เข้าไทย
- รออีไอเอ จ่อสร้าง “กระเช้าภูกระดึง”
- ภาษีบาปกดยอดขายบุหรี่ลด ยาสูบเล็งออกบุหรี่ถูก
- กกต. เตรียมลุย นักการเมืองป่วนประชามติ-คุก 10 ปี
แผนห้าปี ขึ้นภาษีเครื่องดื่มน้ำตาลสูง
21 ก.พ. 2559 เว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังว่า แผนการจัดเก็บภาษีเครื่องดื่มทำลายสุขภาพ เครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง และการจัดเก็บภาษีพนันนั้น เป็นแผนงานที่ทางกระทรวงการคลังมอบหมายให้กรมสรรพสามิตเตรียมพร้อมไว้เสนอฝ่ายนโยบาย โดยเรื่องนี้เป็นแผนระยะ 5 ปี เพื่อสร้างรายได้ให้ประเทศเพิ่มขึ้นอีก 3 แสนล้านบาท จากขณะนี้กรมสรรพสามิตจัดเก็บรายได้ 5 แสนล้านบาท หากพ้นรัฐบาลชุดนี้ไปแล้วต้องติดตามว่ารัฐบาลชุดใหม่จะเห็นด้วยหรือไม่ เรื่องนี้เป็นแผนภาษีที่ศึกษามานาน แต่ที่ผ่านมายังไม่สามารถทำได้ เนื่องจากฝ่ายนโยบายยังไม่เห็นด้วย เพราะกลัวกระแสต่อต้านจากสังคมและผู้ประกอบการ
แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้ที่เคยศึกษาไว้เกี่ยวกับการปรับปรุงภาษีสรรพสามิตในกลุ่มของเครื่องดื่ม คือการปรับปรุงประเภทเครื่องดื่มที่ได้รับการยกเว้นภาษีสรรพสามิตใหม่จากขณะนี้มีมากถึง 111 รายการ โดยเครื่องดื่มที่ได้รับการยกเว้นภาษีนั้นประเมินจากการเป็นเครื่องดื่มที่ส่งเสริมการใช้วัตถุดิบการเกษตรภายในประเทศ และเป็นเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพหรือไม่ แต่ต่อมาพบว่าสินค้าหลายประเภทที่ได้รับการยกเว้นนั้นไม่ได้ใช้วัตถุดิบในประเทศ นำหัวเชื้อหรือใช้ผงสำเร็จรูปต่างประเทศมาผลิตแทน ดังนั้น อาจจะปรับหลักเกณฑ์ใหม่ จะให้มีส่วนผสมจากธรรมชาติมากขึ้นจากขณะนี้กำหนดไว้ 10% อาจเพิ่มเป็น 30-50% โดยสินค้าที่ถูกจับตาและพูดถึงทุกครั้งเมื่อมีการพูดถึงภาษีเครื่องดื่มคือ ชาเขียวที่มีตลาดใหญ่ประมาณ 1.55 หมื่นล้านบาท โตปีละประมาณ 13-14%
ด้านนายตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าไม่กังวลกับการเก็บภาษีดังกล่าว แต่อยากให้ทำอย่างเท่าเทียม คือ เก็บทั้งชา กาแฟ และเครื่องดื่มอื่นที่ผสมน้ำตาลในระดับที่ภาครัฐกำหนด ไม่เลือกเก็บเฉพาะชาเขียวแต่เพียงอย่างเดียว
ขณะที่นายนันทิวัต ธรรมหทัย ผู้อำนวยการองค์กรสัมพันธ์และการสื่อสาร บริษัท โคคา-โคลา (ประเทศไทย) จำกัด และเลขาธิการสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องดื่มไทย กล่าวว่า กรณีกรมสรรพสามิตมีแนวคิดจัดการภาษีเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมน้ำตาล เนื่องจากมีส่วนในการทำลายสุขภาพนั้น ในส่วนของผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเครื่องดื่มไทยคงเร็วเกินไปที่จะประเมิน หากจะมีการเก็บภาษีจริง ทางสมาคมก็คงยอมรับและไม่ได้ขัดข้องอะไร แต่อยากจะให้มีการเรียกผู้ประกอบการเข้ามาพูดคุยกันก่อน เพราะในขณะนี้อุตสาหกรรมเครื่องดื่มก็มีการเสียภาษีสรรพสามิตอยู่แล้ว ในช่วงที่ผ่านมาเวลาจะมีการปรับเปลี่ยนอะไรกรมสรรพสามิตก็จะเรียกผู้ประกอบการไปพูดคุยด้วยดีเสมอมา โดยจุดยืนของสมาคมมองว่าน้ำตาลไม่ได้มีแค่ส่วนผสมในเครื่องดื่มเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีอยู่ในสินค้าทุกชนิด เพราะฉะนั้นหากมีการจัดเก็บภาษีเฉพาะเครื่องดื่มเพียงอย่างเดียว จะถือเป็นการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมหรือไม่
เตือน “ลัทธิต่อต้านวัคซีน” เข้าไทย
22 ก.พ. 2559 เว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์รายงาน ว่าจากการที่มี “ลัทธิต่อต้านวัคซีน” เผยแพร่ข้อมูลบนโลกออนไลน์ในทำนองว่า การฉีดวัคซีนจะทำให้เป็นโรค หากไม่ฉีดก็จะไม่ป่วย ซึ่งทำให้เกิดความกังวลว่าหากมีคนเชื่อแล้วทำตาม อาจทำโรคที่ควบคุมได้แล้วกลับมาระบาดอีกครั้ง
ต่อเรื่องดังกล่าว พญ.สุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ กุมารแพทย์ทารกแรกเกิด รพ.บีเอ็นเอช และอนุกรรมการมูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย กล่าวว่า วิธีสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ทารกแรกเกิดที่ดีที่สุด คือ การให้ลูกรับประทานนมแม่เพียงอย่างเดียวนาน 6 เดือน หลังจากนั้น จึงให้อาหารเสริมอื่นๆ ควบคู่กับนมแม่ ซึ่งเด็กที่รับประทานนมแม่จะมีโอกาสติดโรคอาการรุนแรงน้อยกว่าเด็กที่ไม่รับประทานนมแม่ อาการแทรกซ้อนน้อย นอกจากนี้ คือ การพาลูกไปรับวัคซีนพื้นฐานตามระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งเด็กที่รับประทานนมแม่ ภูมิคุ้มกันจากวัคซีนก็จะขึ้นสูงกว่าเด็กที่ไม่รับประทานนมแม่ด้วย อย่างไรก็ตาม ที่น่าเป็นห่วงคือ ในปี 2558 ทั่วโลกยังมีเด็กเสียชีวิตจากโรคที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีนถึง 9 แสนคน ปัญหาหนึ่งที่พบคือในต่างประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา มีลัทธิต่อต้านวัคซีนเป็นจำนวนมาก โดยเชื่อว่าการฉีดวัคซีนจะทำให้เป็นโรคมากกว่า และเห็นว่าลูกไม่ต้องฉีดวัคซีนก็ไม่ป่วย ไม่เป็นอะไร
“ความเชื่อเช่นนี้ถือว่าน่าเป็นห่วงมาก เพราะการไม่ฉีดวัคซีนแม้ครอบครัวตัวเองจะไม่เดือดร้อน แต่กลับทำให้ครอบครัวอื่นเดือดร้อนไปด้วย ซึ่งเคยมีกรณีเกิดขึ้นแล้วในชุมชนแห่งหนึ่งของสหรัฐอเมริกาเมื่อมีโรคระบาดเกิดขึ้น โดยครอบครัวที่ไม่ยอมพาลูกไปฉีดวัคซีนนั้น แม้ลูกจะติดโรคแต่เนื่องจากเป็นเด็กโต อาการจึงไม่รุนแรง แต่กลับเอาโรคมาติดเด็กเล็กอีกครอบครัวหนึ่ง ซึ่งพ่อแม่มีความตั้งใจจะพาลูกไปฉีดวัคซีน แต่อายุของลูกยังไม่ถึงเกณฑ์จึงยังไม่ได้ฉีด ทำให้เด็กเล็กป่วยหนักและเสียชีวิตในที่สุด ที่น่าห่วงคือ ขณะนี้เริ่มมีแนวคิดต้านวัคซีนนี้เข้ามาในประเทศไทยแล้ว เมื่อเร็วๆ นี้ ก็มีคนส่งมาให้ดูว่ามีการแพร่แนวคิดไม่ฉีดวัคซีนกันในเฟซบุ๊ก ซึ่งแปลมาจากข้อมูลของแพทย์เพี้ยนๆ ในสหรัฐอเมริกาที่ต่อต้านการให้วัคซีน ตรงนี้ถือว่าน่าเป็นห่วงมาก เพราะคนไทยกลุ่มหนึ่งก็พร้อมที่จะเชื่อโดยที่ไม่ไตร่ตรอง จึงอยากให้ตั้งสติ และหาข้อมูลเพิ่มเติม หรือปรึกษาแพทย์ก่อนที่จะหลงเชื่อข้อมูลต่างๆ ในโซเชียลมีเดีย” พญ.สุธีรา กล่าว
รออีไอเอ จ่อสร้าง “กระเช้าภูกระดึง”
25 ก.พ. 2559 เว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์รายงานว่า พล.อ. ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวถึงกรณีคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติรับทราบผลการศึกษาโครงการการก่อสร้างกระเช้าไฟฟ้าขึ้นภูกระดึง จ.เลย ตามที่องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) เสนอว่า รัฐบาลจะเดินหน้าสร้างกระเช้าขึ้นภูกระดึง จ.เลย มูลค่า 633 ล้านบาท โดยจะแบ่งใช้งบประมาณออกเป็น 3 ปี ปีละ 200 ล้านบาท เพื่อนำไปดำเนินการก่อสร้าง
พล.อ. ธนะศักดิ์ กล่าวว่า ทั้งนี้ ประโยชน์จาการสร้างกระเช้าไฟฟ้าขึ้นภูกระดึงคือ 1. สร้างงาน สร้างรายได้ให้กับพื้นที่ 2. เพิ่มความปลอดภัยในการลำเลียงนักท่องเที่ยวที่เจ็บป่วยหรือบาดเจ็บ และ 3. การดูแลรักษาความปลอดภัย และการรักษาความสะอาดจะทำได้ง่าย เพราะมีความสะดวกสบาย อย่างไรก็ตาม ในส่วนผลกระทบสิ่งแวดล้อมและปัญหาที่ตามมานั้น ได้มีการศึกษาเรื่องนี้เป็นอย่างดีแล้ว และเห็นว่าถ้าสร้างกระเช้าขึ้นภูกระดึงจริงจะสามารถควบคุมปัญหาและผลกระทบที่เกิดขึ้นมาได้ สำหรับการสร้างครั้งนี้จะใช้เทคโนโลยีใหม่จากต่างประเทศ โดยการเจาะหลุม ไม่มีการตัดต้นไม้ ใช้พื้นที่ในการสร้างฐานกระเช้าแค่ 1 ไร่เท่านั้น ส่วนจุดที่ตั้งจะอยู่ในหุบ ที่ไม่บดบังทัศนียภาพของภูกระดึง
“ขณะนี้คณะกรรมการรอลุ้นผลการพิจารณาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) อยู่ ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 6 เดือน ถ้าอีไอเอผ่าน คาดว่าจะใช้เวลา 2–3 ปีในการสร้างกระเช้า และขอยืนยันอีกครั้งว่า จากการหารือ พบว่าคน 99.99% เห็นด้วย มีไม่ถึง 1% เท่านั้นที่ไม่เห็นด้วย” พล.อ. ธนะศักดิ์ กล่าว
ทว่า ในวันต่อมา 26 ก.พ. 2559 เว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์รายงานว่า ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังประชาชนในพื้นที่ อ.ภูกระดึง และจังหวัดเลย และเฟซบุ๊กหลายกลุ่มของคนเมืองเลย ต่างมีความคิดเห็นไป 2 ทาง ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย โดยฝ่ายที่เห็นด้วยมองว่า หากมีกระเช้า นักท่องเที่ยวจะเข้ามาเป็นจำนวนมาก เป็นการสร้างงานสร้างรายได้ ส่วนผู้ที่ไม่เห็นด้วยถามว่ามีการทำโพลสอบถามประชามติกันเมื่อใด และมองว่าการสร้างกระเช้าเป็นการทำลายธรรมชาติ มนต์เสน่ห์ของภูกระดึง ที่นักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยที่เคยสัมผัสในการเดินขึ้นลงชมธรรมชาติ 2 ข้างทาง อีกทั้งระบบการกำจัดขยะยังไม่ดีพอ ถ้าสร้างกระเช้ามีคนขึ้นนับพันคนหรือหมื่นคน ขยะจะเท่าไร ทุกวันนี้ขนาดยังไม่มีกระเช้า ยังมีร้านขายหมูย่างหลายเจ้าอยู่ท่ารถ บขส. สร้างมากว่า 10 ปี ยังไม่มีรถโดยสารเข้ามาจอดเลย
“ขนาดยังไม่สร้างยังขนาดนี้ ถ้าสร้างกระเช้าจะบริหารจัดการได้อย่างไร โดยเฉพาะที่มีการกล่าวว่ามีการทำประชาพิจารณ์ ทำมติ ทำโพล ในการสร้างกระเช้าขึ้นภูกระดึง ทำกันเมื่อไหร่ คนอำเภออื่นของจังหวัดเลยยังไม่รู้เลย หรือว่าทำโพลที่ อ.ภูกระดึง ที่เดียว แม้คนภูกระดึงยังไม่เห็นด้วยก็มีมาก”
ขณะที่บางคนได้แสดงความคิดเห็นถามกลับว่า ภูกระดึงเป็นของคนจังหวัดเลยหรือของคนทั้งประเทศ ขณะเดียวกันได้มีชาวเมืองเลยที่ไม่เห็นด้วย ได้มีการตั้งกลุ่มขึ้นมาเพื่อคัดค้านการสร้างกระเช้าขึ้นภูกระดึง
ภาษีบาปกดยอดขายบุหรี่ลด ยาสูบเล็งออกบุหรี่ถูก
วันที่ 26 ก.พ. 2559 เว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจรายงานว่า น.ส.ดาวน้อย สุทธินิภาพันธ์ ผู้อำนวยการโรงงานยาสูบ (รยส.) เปิดเผยว่า จากกรณีที่เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมารัฐบาลได้ปรับขึ้นภาษีบุหรี่ ส่งผลให้ราคาบุหรี่ที่ขายในประเทศปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ภาพรวมของตลาดบุหรี่ภายในประเทศที่มีมูลค่าประมาณ 40,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นปริมาณบุหรี่ประมาณ 32,000 ล้านมวนต่อปี หดตัวลงประมาณ 3% ซึ่งถือเป็นการหดตัวที่สูงมากเมื่อเทียบกับขึ้นภาษีบุหรี่ในครั้งที่ผ่านมา
นอกจากนี้ คาดว่ารายได้ของ รยส. น่าจะหดตัวประมาณ 10% หรือลดลงประมาณ 1,000 ล้านบาทต่อเดือน เนื่องจากผู้ค้าและเอเยนต์ที่คาดการณ์ว่าบุหรี่จะขึ้นราคาได้ทำการสต็อกบุหรี่ไว้เป็นจำนวนมาก และรีบระบายสต็อกเก่าออกมาเมื่อบุรี่ปรับราคาขึ้น ปริมาณการซื้อบุหรี่จาก รยส. ในช่วงนี้จึงลดลงมากเมื่อเทียบกับช่วงที่ผ่านมา และถือเป็นเรื่องปกติของการปรับขึ้นราคาบุหรี่ทุกครั้ง เพราะทำให้ภาพรวมของตลาดจะเกิดการชะงักงัน หรือภาวะตลาดช็อก ซึ่งจะส่งผลให้ยอดขายบุหรี่ตกไปประมาณ 2-3 เดือน แล้วหลังจากนั้นคาดว่าจะกลับมาเป็นปกติ
อนึ่ง ต่อการขึ้นราคาดังกล่าว นอกจากจะหันสูบยาเส้นแล้ว ผู้บริโภคบางส่วนหันไปเลือกสูบบุหรี่ที่ไม่เสียภาษี บุหรี่ปลอมแปลง และบุหรี่ที่ผิดกฎหมายแทน เพราะมีราคาถูกกว่าในท้องตลาดประมาณ 1 ใน 3 เท่า ทาง รยส. จึงเตรียมออกบุหรี่ยี่ห้อใหม่ในเดือนเมษายนนี้ ในขนาดประมาณ 7.1 มิลลิเมตร (มม.) ซึ่งเป็นขนาดที่เล็กกว่ารุ่นปกติที่มีขนาดประมาณ 7.7 มม. ราคาจำหน่ายประมาณ 40 บาทต่อซอง เพื่อเจาะตลาดผู้บริโภคที่มีรายได้น้อย ให้สามารถซื้อบุหรี่ซองมาสูบได้
ทั้งนี้ ได้มีการจัดสรรงบประมาณวงเงิน 10 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนเงินรางวัลให้แก่เจ้าหน้าที่ภาครัฐ ที่สามารถจับกุมบุหรี่ต่างประเทศที่ผิดกฎหมายไม่เสียภาษีและบุหรี่ปลอมแปลง
กกต. เตรียมลุย นักการเมืองป่วนประชามติคุก 10 ปี
เว็บไซต์สปริงนิวส์รายงานว่า วันที่ 25 ก.พ. 2559 นายสมชัย ศรีสุทธิยากร คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการบริหารจัดการการเลือกตั้ง ให้สัมภาษณ์ภายหลังการหารือร่วมกับ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย ถึงพระราชบัญญัติว่าด้วยการประชามติ ว่า จะไม่มีการกำหนดเกณฑ์ในการเผยแพร่ร่างรัฐธรรมนูญ ที่เดิมกำหนดให้ต้องเผยแพร่อย่างน้อยร้อยละ 80 ของผู้มีสิทธิ แก้ไขเป็นให้คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) สรุปสาระสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญให้ กกต. หลังจากร่างรัฐธรรมนูญแล้วเสร็จ มาให้ กกต. เผยแพร่ร่างรัฐธรรมนูญ ใน 3 รูปแบบ ได้แก่ จัดพิมพ์ร่างรัฐธรรมนูญฉบับเต็ม 1.2 ล้านฉบับ เอกสารสรุปสาระสำคัญ 20 หน้า จำนวน 6 ล้านฉบับ ส่งไปยังผู้ที่สนใจ และ เอกสารฉบับย่อ 17 ล้านฉบับ
ทั้งนี้ การเผยแพร่ทั้ง 3 รูปแบบ ทำให้งบประมาณในการจัดพิมพ์ลดลงจาก 800 ล้านบาท เหลือเพียง 200 ล้านบาท ส่วนงบประมาณในการจัดทำประชามติทั้งหมด คาดว่าจะไม่เกิน 3,400 ล้านบาท
ส่วนร่างพระราชกำหนด ว่าด้วยความเรียบร้อยในการออกเสียงประชามติ ที่มีการกำหนดโทษนักการเมือง ที่ปลุกระดมให้เกิดความวุ่นวาย หรือชี้นำประชาชนให้เข้าใจผิดในเนื้อหาร่าง จะต้องได้รับโทษจำคุกสูงถึง 10 ปี ปรับ 200,000 บาท และตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิต