ที่ประชุมคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล (บอร์ดสลาก) มีมติเห็นชอบมาตรการแก้ปัญหาสลากเกินราคาเพื่อนำไปสู่การเปิดโอกาสให้ผู้ค้าสลากรายย่อย เข้ามาซื้อหรือจองสลากล่วงหน้าได้โดยตรงกับสำนักงานสลากฯ ในราคาคู่ละ 70.40 บาท โดยไม่ต้องผ่านยี่ปั๊ว-ซาปั๊ว จองซื้อขั้นต่ำ 5 เล่มต่อราย (1 เล่มมี 100 ฉบับคู่) สูงสุดไม่เกิน 50 เล่มต่อราย ภายใต้ “โครงการซื้อ-จองล่วงหน้าสลากกินแบ่งรัฐบาล”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับสลากที่จะนำมาขายในโครงการนี้มี 2 รูปแบบ คือ รูปแบบที่ 1 สลากสั่งซื้อ คือ สลากที่เหลือจากการจัดสรรโควตา (74 ล้านฉบับ) แต่ละงวดมีสลากเหลือประมาณ 1 ล้านฉบับ และ รูปแบบที่ 2 สลากสั่งจองล่วงหน้า คือ สลากที่สำนักงานสลากฯ จะพิมพ์เพิ่มตามจำนวนที่จองไว้สำหรับงวดถัดไป โดยผู้สั่งซื้อจะได้รับการจัดสรรก็ต่อเมื่อมียอดสั่งจองครบทุก 10,000 เล่มคู่ หรือ 1 ล้านฉบับ หากไม่ครบก็ไม่มีการพิมพ์สลากเพิ่มตามคำสั่งจอง ธนาคารกรุงไทยจะโอนเงินคืนพร้อมค่าธรรมเนียมภายในวันสุดท้ายของการจอง
ทั้งนี้ ผู้ค้าสลากรายย่อยที่สนใจที่จะเข้าร่วมโครงการนี้ ต้องลงทะเบียนซื้อหรือจองซื้อสลากล่วงหน้าตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน 2558 เป็นต้นไป ผ่านสาขาของธนาคารกรุงไทย 1,200 แห่งทั่วประเทศ, ตู้ ATM และระบบ NET BANK (อินเทอร์เน็ต) รวมทั้งเว็บไซต์สำนักงานสลากฯ (www.glo.or.th) โดยจะเปิดให้ขายสลากประเภทสั่งซื้อและสลากสั่งจองล่วงหน้าได้ตั้งแต่วันที่ 3-7 ตุลาคม 2558
หลังจากผู้ค้าสลากรายย่อยลงทะเบียนสั่งซื้อ หรือจองซื้อสลากล่วงหน้า และชำระเงินเสร็จเรียบร้อย ภายใน 3 วันให้ผู้สั่งซื้อไปรอรับสลาก ณ ที่ทำการไปรษณีย์ 954 แห่ง ตามที่ผู้ค้าสลากแจ้งความประสงค์ไว้ในช่วงที่ลงทะเบียน โดยการสั่งซื้อหรือจองซื้อสลากล่วงหน้าครั้งนี้ ผู้ค้าสลากต้องจ่ายค่าธรรมเนียมให้กับธนาคารกรุงไทยเพียง 10 บาทต่อการดำเนินธุรกรรม 1 ครั้ง ไม่ต้องเสียค่าเดินทางมารับสลากที่สำนักงานสลากฯ จังหวัดนนทบุรี
พล.ต. อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า หลังจากสำนักงาน ฯ ประกาศมาตรการแก้ไขปัญหาสลากเกินราคา 3 ระยะ คือ ระยะที่ 1 จัดระเบียบและเน้นการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง จนสามารถควบคุมราคาสลากให้จำหน่ายในราคา 80 บาทได้ จากนั้นได้ดำเนินมาตรการระยะที่ 2 บอร์ดสลากได้แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการสลาก ทำหน้าที่ศึกษาและกำหนดหลักเกณฑ์การจัดสรรสลากให้ถึงมือผู้ค้ารายย่อย โดยบอร์ดสลากได้มอบหมายให้คณะกรรมการชุดนี้ลงพื้นที่ รับฟังความคิดเห็น และเก็บข้อมูลจากผู้ค้าสลากจริงในพื้นที่ต่างจังหวัด ทุกภูมิภาค รวมทั้งจัดเสวนารับฟังความคิดเห็นจากนักวิชาการ ซึ่งข้อมูลที่ได้รับจากการระดมความคิดเห็นของทุกภาคส่วน เป็นไปในทิศทางเดียวกัน กล่าวคือ ต้องการให้สำนักงานฯ จัดสรรสลากให้กับผู้ค้าสลากตามจำนวนที่ขายได้จริง
ในวันนี้ที่ประชุมบอร์ดสลากวันนี้ จึงตัดสินใจเลือกแนวทางที่ 4 จัดสรรสลากให้กับผู้ค้าสลากรายย่อยไม่เกิน 50 เล่มคู่ ตามข้อเสนอของคณะกรรมการบริหารจัดการสลาก โดยให้ผู้ค้าสลากสั่งซื้อ หรือ จองซื้อสลากล่วงหน้าได้โดยตรงกับสำนักงานสลากฯ ผ่านเว็บไซต์สำนักงานสลากฯ และสาขาของธนาคารกรุงไทย โดยมีบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ทำหน้าที่จัดส่งสลากให้กับผู้ค้าสลาก
ผู้สื่อข่าวถามว่าปัจจุบันสำนักงานสลากพิมพ์สลากออกขายงวดละ 74 ล้านฉบับ แต่มีกำลังการผลิตสูงสุดอยู่ 100 ล้านฉบับ สำนักงานสลากฯ จะพิมพ์เพิ่มเท่าไหร่ พล.ต. อภิรัชต์กล่าวว่า “ ผมสั่งให้สำนักงานสลากฯ พิมพ์เพิ่มเต็มตามความต้องการซื้อ มีกำลังการผลิตเหลือเท่าไหร่ ใส่หมด ปัจจุบันผู้ค้าสลากรายย่อยไปรับสลากจากยี่ปั๊วขั้นต่ำ 72-74 บาทต่อคู่ แต่วันนี้ผมเปิดให้มารับตรงกับสำนักงานสลากฯ คู่ละ 70.40 บาท คุณยังอยากจะไปรับจากยี่ปั๊วอีกหรือไม่ และถ้าไม่ไปรับสลากแล้วยี่ปั๊วจะขายใคร อย่าลืมว่าคนที่ได้รับการจัดสรรโควตาจากสำนักงานสลากฯ มีเงื่อนไขสำคัญ คือ ต้องมีเครือข่ายหรือสมาชิกที่จะมาช่วยขายใช่หรือไม่ วันนี้ทุกคนสามารถมาสั่งซื้อสลากผ่านธนาคารกรุงไทย ATM ได้แล้ว และในอนาคตจะให้สั่งซื้อผ่านสาขาของธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ด้วย”
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ถ้าผู้ที่ได้รับการจัดสรรโควตาก่อนหน้านี้ทิ้งโควตาทำอย่างไร พล.ต. อภิรัชต์ ตอบว่า “มีสิทธิ์ ตามเงื่อนไขสัญญา ต้องบอกล่วงหน้า 1 เดือน สำนักงานสลากฯ จะโอนโควตาสลากส่วนนี้มาขายให้ผู้ที่จองซื้อล่วงหน้า ซึ่งวันนี้คนที่ถือครองโควตาสลากเดิมอยู่ อาจจะรู้ตัวแล้ว หากไม่มีคนมาซื้อสลากแล้วก็ต้องทิ้งโควตา ขอเปลี่ยนมาจองโดยตรงผ่านธนาคารกรุงไทยดีกว่า ผมไม่ได้ตัดแขนตัดขายี่ปั๊ว แต่จากผลการสำรวจตลาดช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมา ช่วงแรกๆ ควบคุมไม่เกิน 80 บาทได้ 100% แต่ระยะหลังเริ่มมีคนร้องเรียนว่ามีการขายสลากเกินราคามากขึ้น
“ผมขอเตือน อย่าสั่งซื้อสลากมากเกินไปจนขายกันไม่ได้ ต้องคิดเสมอว่าได้สลากไปแล้วจะไปขายใคร เพราะต่อไปนี้ทุกคนมีโควตาสลากเหมือนกันหมด อยากได้โควตาสลากก็มาซื้อผ่านธนาคาร ไม่ต้องไปซื้อผ่านใครแล้ว หันซ้าย หันขวา ทุกคนมีสลากเหมือนกันหมด สมัยก่อนไปรับสลากจากยี่ปั๊ว โดนบวกกำไร แต่ต่อไปนี้สามารถรับสลากไปขายได้ด้วยตัวเอง แต่ขอให้ประมาณตนเองอย่าซื้อมากเกินไป แต่ถ้าขาดเงินลงทุน ให้ติดต่อธนาคารกรุงไทย”
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่าตอนนี้ถือว่าเปิดเสรีหรือยัง พล.ต. อภิรัชต์ ตอบว่า ยังไม่ถือว่าเปิดเสรี เพียงแต่เปิดให้สั่งซื้อสลากได้ตามความต้องการของผู้ค้าสลากจริง สำนักงานสลากฯ ต้องการข้อมูลหรือตัวเลขของผู้ซื้อและผู้ขายที่แท้จริง ปัญหาที่เกิดขึ้นตอนนี้ 1. ผู้ค้าสลากรายย่อยไม่ได้รับการจัดสรรโควตา หรือได้โควตาน้อยอยากได้เพิ่ม 2. ผู้ที่ไม่ได้รับการจัดสรรโควตา ต้องไปรับสลากราคาแพงมาขาย วิธีนี้จะทำให้ผู้ค้าทุกคนเข้าถึงสลาก ปล่อยให้ดีมานด์และซัพพลายปรับตัวตามกลไกตลาด ผมยังไม่มั่นใจ หลังจากดำเนินมาตรการระยะที่ 2 แล้วจะเหลือผู้ค้าสลากกี่ราย”
พล.ต. อภิรัชต์ กล่าวว่า “ปัจจุบันสำนักงานสลากฯ ยังพิมพ์สลาก 74 ล้านฉบับ หรือ 37 ล้านฉบับคู่ตามปกติ แต่เปิดโครงการใหม่ให้ซื้อและสั่งจองล่วงหน้า ไม่ได้ไปทำอะไรกับโควตาเดิม 74 ล้านฉบับ เพราะฉะนั้นให้อยู่เฉยๆ อย่ามารบกวน คนที่เขาต้องการซื้อสลากไปขายจริงๆ ซึ่งยังมีประชาชนที่ต้องการขายสลากเป็นจำนวนมาก รวมทั้งคนพิการ หากผู้มีโควตาอยู่แล้ว เอาเปรียบมาจองเพิ่มเติม แย่งคนอื่น ผมตรวจสอบได้ เพราะเป็นการทำธุรกรรมผ่านธนาคาร”
“ในอดีตที่ผ่านมาสำนักงานสลากฯ เคยเปิดให้ผู้ค้ารายย่อยสั่งจองสลากล่วงหน้า แต่จำกัดปริมาณการผลิตไม่เกิน 3 ล้านฉบับ แต่ครั้งนี้พิมพ์ไม่จำกัด หากมียอดจอง 10 ล้านฉบับ ก็พิมพ์ให้ 10 ล้านฉบับ ไม่อั้น สามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้อีก 26 ล้านฉบับ แต่ผมคาดว่ายอดจองสลากล่วงหน้าที่ต้องพิมพ์เพิ่มน่าจะอยู่ที่ 7-8 ล้านฉบับคู่ หรือ 14-16 ล้านฉบับ” พล.ต. อภิรัชต์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าการพิมพ์สลากเพิ่ม ถือเป็นการมอมเมาประชาชนหรือไม่ ประธานคณะกรรมการสลากฯ ตอบว่า “ตอนนี้ต้องการทราบตัวเลขที่แท้จริงว่ามีผู้ซื้อ-ผู้ขายมีเท่าไหร่ ปัจจุบันทราบแต่ว่าพิมพ์สลาก 37 ล้านฉบับคู่ ผู้ค้าสลากก็อยากได้โควตาสลากเพิ่ม ไประดมคนมาขอโควตา บางครั้งไปตรวจสอบรายชื่อ ก็พบว่ารายชื่อซ้ำกัน ขณะที่มูลนิธิองค์กรต่างๆ ก็มาเรียกร้องขอโควตาเพิ่ม ผมต้องการปรับดีมานด์และซัพพลาย ความต้องการของผู้ซื้อและผู้ขายให้เกิดความสมดุล เพื่อต้องการทราบความต้องการขายสลากที่แท้จริงมีเท่าไหร่ แต่ต้องขอเตือนคนสั่งซื้อสลาก ต้องประมาณตนด้วยได้สลากไปแล้วขายได้หรือเปล่า อย่าลืมสำนักงานสลากฯ ไม่เคยรับซื้อสลากคืน และถ้าหากเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองมีรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศจะมาทำให้เกิดปัญหา ขายสลากเกินราคาอีก ตรงนี้คงต้องฝากให้เป็นหน้าที่สื่อมวลชน”
ด้านนายวรภัค ธันยาวงษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า หลักการสำคัญของโครงการคือ ผู้ที่ต้องการซื้อ-จองล่วงหน้าสลากกินแบ่งรัฐบาล ต้องลงทะเบียนผ่านเคาน์เตอร์ของธนาคารทุกสาขา หรือ เว็บไซต์ของสำนักงานสลากฯ (www.glo.or.th) และต้องเปิดบัญชีกับธนาคารกรุงไทยได้ทุกสาขาที่ต้องการ เนื่องจากระบบนี้จะหักเงินจากบัญชีเงินฝากเท่านั้น โดยสามารถทำการซื้อ–จองผ่านระบบของทางธนาคารทั้ง 3 ช่องทาง ได้แก่ ผ่านเคาน์เตอร์ของธนาคารกรุงไทยกว่า 1,200 สาขาทั่วประทศ ผ่านระบบ ATM และระบบ Net Bank ตนเชื่อว่า โครงการนี้จะทำให้ผู้ที่ต้องการซื้อ-จองสลากกินแบ่งรัฐบาลสามารถเข้าถึงสลากได้อย่างสะดวก และรวดเร็วยิ่งขึ้น
นายปิยะวัตร์ มหาเปารยะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส รักษาการในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า ในส่วนของบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด จะอำนวยความสะดวกในการจัดส่งสลากให้กับผู้ที่ซื้อ-จองล่วงหน้าสลากกินแบ่งรัฐบาล ตามที่ทำการไปรษณีย์ที่ลงทะเบียนไว้ และผู้ซื้อ-จองล่วงหน้าสามารถตรวจสอบสถานะการจัดส่งผ่านระบบ Track&Trace ได้ทุกขั้นตอนของการจัดส่งตลอด 24 ชั่วโมง
ทั้งนี้ หากผู้ค้าสลากหรือประชาชนมีข้อสงสัยและต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถสอบถามได้ที่ Call Center ของทั้ง 3 หน่วยงานดังนี้ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล หมายเลข 02-345-1466 ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หมายเลข 02-111-1111 บริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด หมายเลข 1545
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมโครงการซื้อ-จองล่วงหน้าสลากกินแบ่งรัฐบาล