ThaiPublica > ประเด็นสืบสวน > เปิดขุมทรัพย์สลากกินแบ่ง เงินสะพัดต่อปีกว่าแสนล้าน ยี่ปั๊ว-ซาปั๊วกินส่วนต่าง 4 หมื่นล้าน ส่งคลัง 1.3 หมื่นล้าน “ไอ้โม่ง” รับบท “เสือนอนกิน” ปีละพันล้าน

เปิดขุมทรัพย์สลากกินแบ่ง เงินสะพัดต่อปีกว่าแสนล้าน ยี่ปั๊ว-ซาปั๊วกินส่วนต่าง 4 หมื่นล้าน ส่งคลัง 1.3 หมื่นล้าน “ไอ้โม่ง” รับบท “เสือนอนกิน” ปีละพันล้าน

6 พฤษภาคม 2015


สูตรสำเร็จในการแก้ไขปัญหาสลากเกินราคาที่นิยมนำมาใช้ในรอบหลายทศวรรษที่ผ่านมามี 2 แนวทาง คือ สั่งการให้ตำรวจไล่จับกุมคนขายหวยตัวจริงที่ไม่มีโควตา กับเพิ่มปริมาณการพิมพ์สลากแล้วจัดสรรโควตาให้ยี่ปั๊ว-ซาปั๊ว เมื่อกระแสเริ่มซา ก็กลับมาขายหวยเกินราคากันต่อ เป็นวงจรการผูกขาดที่ไม่มีใครกล้าเข้าไปล้างบาง อย่างไรก็ตามจากที่สำนักข่าวออนไลน์ไทยพับลิก้านำเสนอข่าวเปิดตัว “ไอ้โม่ง” ต้นเหตุ ปัญหาสลากเกินราคา เป็นการเปิดเผยข้อมูลรายชือผู้ที่ได้โควตาสลากกินแบ่งที่ไม่เคยเปิดเผยมาก่อนด้วยการใช้พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของทางราชการพ.ศ. 2542

จากข้อมูลดังกล่าวทำให้เห็นว่าโครงสร้างการจัดสรรโควตาอยู่ในมือใครมากที่สุด และที่ผ่านมาสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เป็นที่หมายปองของนักการเมืองทุกยุคทุกสมัยด้วยผลประโยชน์มูลค่านับแสนล้านบาท ปัจจุบันสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลพิมพ์สลากออกขายงวดละ 74 ล้านฉบับ แต่เนื่องจากสำนักงานสลากฯ พิมพ์สลากออกขายเป็นคู่ และในทางปฏิบัติจริงไม่มีผู้ค้ารายใดตัดแบ่งสลากหรือแยกขายเป็นรายฉบับ คอหวยต้องซื้อสลากเป็นคู่ ดังนั้น แต่ละงวดจึงมีพิมพ์วางขายแค่ 37 ล้านคู่ หรือ 37 ล้านใบเท่านั้น

สำหรับตัวแทนจำหน่ายประเภทบุคคลทั่วไป คนพิการที่ได้รับการจัดสรรโควตา สำนักงานสลากฯ มอบส่วนลด 7% ของราคาสลาก สมมติ ราคาสลากคู่ละ 80 บาท ตัวแทนจำหน่ายประเภทนี้ได้ส่วนลด 5.6 บาท สำนักงานสลากฯ ได้เงิน 74.40 บาท แต่ถ้าเป็นตัวแทนจำหน่ายประเภทมูลนิธิ สมาคม องค์การการกุศล นิติบุคคล ได้ส่วนลด 9% หรือ 7.20 บาท สำนักงานสลากฯ ได้เงิน 72.80 บาท

สำนักงานสลากฯ พิมพ์สลากพิมพ์ออกขายงวดละ 37 ล้านคู่ แบ่งเป็นสลากกินแบ่งรัฐบาล 26 ล้านคู่ และสลากการกุศล 11 ล้านคู่ ผลิตภัณฑ์ทั้ง 2 ประเภท แตกต่างกันตรงที่สลากกินแบ่งรัฐบาลต้องนำเงินส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน 28% ของรายได้จากการจำหน่าย ส่วนสลากการกุศลไม่ต้องนำเงินส่งคลัง หน่วยงานหรือองค์กรที่ขออนุญาตออกสลาก ตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 โดยหน่วยงานหรือองค์กรที่ได้รับอนุญาต นำเงินรายได้จากการจำหน่ายสลากฯ ไปใช้จ่ายได้ตามวัตถุประสงค์ที่ได้รับอนุญาต

แต่ข้อเท็จจริงของการขายสลากแต่ละงวด แหล่งข่าวจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลกล่าวว่า สลากแต่ละเล่มมีเลขไม่สวย ขายไม่ได้อยู่ประมาณ 1.27% ของสลากทั้งหมด เช่น เลขที่เคยถูกรางวัลไปแล้ว เลขเบิ้ล เลขตอง 000000 เป็นต้น ในการคำนวณหาผลประโยชน์จากการจำหน่ายสลากต้องหักเลขกลุ่มนี้ออกไป ดังนั้นสลากที่พิมพ์ออกมาทั้งหมด 37 ล้านคู่ เหลือสลากขายได้จริงประมาณ 36 ล้านคู่ ออกจากสำนักงานสลากฯ ต้นทุนคู่ละ 72.80-74.40 บาท ถึงมือผู้บริโภคคู่ละ 100 บาท ยี่ปั๊ว-ซาปั๊วได้กำไรเฉลี่ยงวดละ 964 ล้านบาท สำนักงานสลากฯ พิมพ์สลากออกจาก 24 งวด/ปี กลุ่มยี่ปั๊ว-ซาปั๊วมีรายได้จากการขายเกินราคา 23,145 ล้านบาทต่อปี แต่ถ้าหากขายคู่ 120 บาท ยี่ปั๊ว-ซาปั๊ว ได้กำไรส่วนต่างเฉลี่ยงวดละ 1,695 ล้านบาท หรือปีละ 40,680 ล้านบาท(คลิ๊กที่ภาพเพื่อขยาย)

ขุมทรัพย์กองสลาก

ขณะที่ในระบบ สำนักงานสลากฯ มีรายได้จากการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล 37 ล้านคู่ (ขายเหมา) ปีละ 65,357 ล้านบาท จ่ายให้คนที่ถูกรางวัล(ุ60%) 39,214 ล้านบาท ส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน 12,859 ล้านบาท ส่งให้หน่วยงานที่ได้รับอนุญาตให้ออกสลากการกุศล 5,441 ล้านบาท กันไว้ให้สำนักงานสลากฯ ใช้ในการบริหารและค่าจัดจำหน่ายสลาก 7,843 ล้านบาท รวมผลประโยชน์จากการจำหน่ายสลากทั้งในระบบและนอกระบบขายสลากเกินมีเงินสะพัดปีละ 106,037 ล้านบาท

หากนำข้อมูลตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับการจัดสรรโควตามากที่สุด 10 อันดับแรก มาทำการวิเคราะห์ตามหลักการที่กล่าวมาในข้างต้น อันดับ 1 มูลนิธิสำนักงานสลากกินแบ่ง คาดว่าน่าจะมีรายได้จากส่วนลด 9% ปีละ 1,212 ล้านบาท อันดับ 2 สมาคมสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ คาดว่าน่าจะมีรายได้จากส่วนลด 230 บาท/ปี อันดับ 3 องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก คาดว่าน่าจะมีรายได้จากส่วนลด 200 บาท/ปี อันดับ 4 สมาคมพนักงานผู้เกษียณอายุสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล คาดว่าน่าจะมีรายได้จากส่วนลด 170 บาท/ปี อันดับ 5 ห้างหุ้นส่วนจำกัด ขวัญฤดี ,อันดับ 6 บริษัท สลากมหาลาภ จำกัด และอันดับ 7 บริษัท หยาดน้ำเพชร จำกัด คาดว่าน่าจะมีรายได้จากส่วนลดรายละ 136 บาท/ปี อันดับ 8 สมาคมผู้ค้าย่อยสลากกินแบ่งรัฐบาล (คนพิการ) อันดับ 9 สมาคมคนพิการผู้ค้าสลาก (ประเทศไทย) คาดว่าน่าจะมีรายได้จากส่วนลดรายละ 43 บาท/ปี และอันดับ 10 มูลนิธิสงเคราะห์ข้าราชการตำรวจและครอบครัว คาดว่าน่าจะมีรายได้จากส่วนลดรายละ 42 บาท/ปี รวมตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับการจัดสรรโควตาสูงสุด 10 อันดับแรก คาดว่าน่าจะมีรายได้ประมาณ 2,367 ล้านบาทต่อไป หากยี่ปั๊ว-ซาปั๊ว นำโควตาสลากลอตนี้มาบวกกำไรคู่ละ 20 บาท นอกระบบจะมีรายได้หมุนเวียน 3,368 ล้านบาท/ปี

ล่าสุด “สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล” ทำข้อเสนอถึงสำนักงานสลากฯ ให้ปรับราคาขายสลากจากคู่ละ 80 บาท เป็น 100 บาท เป้าหมายเพื่อโยกเม็ดรายได้ที่อยู่นอกระบบจากการขายสลากเกินราคา กลับเข้ามาอยู่ในระบบ ประกอบมาตรการแก้ปัญหาสลากเกินราคาตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 11/2558 ในภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในขณะนี้ ยี่ปั๊ว-ซาปั๊วไม่น่าจะตั้งราคาขายได้เกินกว่า 120 บาทต่อคู่ หากสำนักงานสลากฯ ทำตามข้อเสนอของ “สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล” ปรับราคาเป็นคู่ละ 100 บาท ก็จะทำให้กลุ่มที่อยู่ในระบบมีรายได้เพิ่มทันที รวมทั้ง “ไอ้โม่ง” ก็ได้รับอานิสงส์จากมาตรการนี้ด้วย