ThaiPublica > ประเด็นสืบสวน > ปมปลด”ธีระชัย” – คลังวงแตกแก้โควตาสลาก 4 ล้านใบ ‘กิตติรัตน์’ โยน ‘ทนุศักดิ์’ แก้ลำ หักดิบทหาร–ห้าเสือเอื้อนักการเมือง

ปมปลด”ธีระชัย” – คลังวงแตกแก้โควตาสลาก 4 ล้านใบ ‘กิตติรัตน์’ โยน ‘ทนุศักดิ์’ แก้ลำ หักดิบทหาร–ห้าเสือเอื้อนักการเมือง

11 กุมภาพันธ์ 2012


ความขัดแย้งในการจัดสรรโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาล ยังคงเป็นปัญหาคาราคาซังในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลปฏิบัติการยึดคืนสลากที่เคยให้กับบรรดามูลนิธิ องค์กรการกุศล และหน่วยงานไม่แสวงหากำไรรวม 4 หมื่นเล่ม หรือ 4 ล้านใบ เมื่อเดือน ก.ย. 2554 (อ่าน ปั่นตลาดลอตเตอรี่ 8 ล้านใบ ขุมข่ายผลประโยชน์ 2 พันล้าน “ร.อ.ธรรมนัส” ผงาดห้าเสือกองสลาก)

จากนั้น ได้มอบให้ “มูลนิธิสลากกินแบ่งรัฐบาล” ซึ่งเป็นแหล่งพักโควตาชั้นดี นำไปจัดสรรใหม่ให้แก่เครือข่ายหวยบนดินเลขท้าย 2-3 ตัว ที่เคยทำธุรกิจนี้ในยุค พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ด้วยการแจกจ่ายให้รายใหญ่ 7-8 กลุ่ม จนถูกมองว่าเป็นปฏิบัติการโยกโควตาไปให้เครือข่ายทางการเมืองของรัฐบาล

ความร้อนแรงของการยึดโควตาครั้งนี้อยู่ที่ 2 องค์กรใหญ่ภายใต้เงาของ “กลุ่มคนมีสี” ที่เคยมีรายได้จากธุรกิจนี้มายาวนาน หนึ่งคือองค์การทหารผ่านศึก ที่ถูกยึดโควตา 1.5 หมื่นเล่ม และสมาคมทหารผ่านศึกพิการถูกยึดโควตาไป 1.1 หมื่นเล่ม

ขณะที่มูลนิธิที่โดน “หางเลข” ครั้งนี้อย่างจังคือมูลนิธิเวชศาสตร์เขตร้อนของมหาวิทยาลัยมหิดล ที่เคยได้รับโควตาสลากงวดละ 1,000 เล่ม, มูลนิธิโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ เคยได้รับงวดละ 700 เล่ม และมูลนิธิ พ.อ.จินดา ณ สงขลา ของสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) เดือนละ 200 เล่ม

นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รัฐมนตรีว่ากระทรวงการคลัง ที่มาภาพ : http://124.109.24.121/vayupak/images/news/fulls/fm06Dec11-01%5Bcover%5D-20111206151336.JPG
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รัฐมนตรีว่ากระทรวงการคลัง ที่มาภาพ : http://124.109.24.121/vayupak/images/news/fulls/fm06Dec11-01%5Bcover%5D-20111206151336.JPG

ในช่วงที่นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เป็น รมว.คลัง ได้เกิดความขัดแย้งเรื่องการจัดสรรโควตาสลากในคณะกรรมการสลากฯ ชุดที่มีนางเบญจา หลุยเจริญ อธิบดีกรมสรรพสามิตเป็นประธาน เนื่องจากคณะกรรมการส่วนหนึ่งต้องการให้คืนโควตาที่รัฐบาลยึดมา 4 ล้านฉบับ กลับไปให้องค์กรการกุศลและทหารผ่านศึกโดยทันที ขณะที่อีกฝ่ายยืนยันว่า ถ้าจะคืนก็ต้องออกโควตาใหม่เท่านั้น

เป็นที่ทราบกันดีว่า นางเบญจาคือตัวเก็งนั่งปลัดกระทรวงการคลังคนใหม่ เป็นบุคคลที่ได้รับความไว้วางใจจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพราะเคยเป็นส่วนหนึ่งในทีมสรรพากรที่ดูแลคดีภาษีหุ้นของตระกูลชินวัตร ขณะเดียวกัน พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ส่ง พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ เพื่อร่วมรุ่นเตรียมทหาร 10 และอดีตผู้อำนวยการสำนักงานสลาก กลับเข้ามานั่งเก้าอี้กรรมการบอร์ดสลากแทนนายฐนนท์ศรณ์ เลิศฤทธิ์ศิริกุล ซึ่งเป็นคนของ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ และนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์

ความขัดแย้งทางผลประโยชน์จากการยึดโควตาสลากครั้งนี้ ได้บานปลายจนถูกโยงใยไปเป็นเหตุผลหนึ่งในการเปลี่ยนตัว รมว.คลังจากนายธีระชัย ซึ่งภายหลังได้แตกหักกับกลุ่มของ พ.ต.ท.ทักษิณ มาเป็นนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง มือทำงานที่ พ.ต.ท.ทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไว้วางใจ

ปลายเดือน ธ.ค. ที่ผ่านมา นางเบญจาได้ขอลาออกจากตำแหน่งประธานบอร์ดสลาก และขอให้นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง ที่เคย “ลอยตัว” กับเรื่องนี้มาตลอด ได้เข้ามานั่งเป็นประธานด้วยตัวเอง

เสียงที่เล็ดลอดออกจากสำนักงานสลากฯ คือ ทางนายกิตติรัตน์ รมว.คลังคนใหม่ที่เข้ามารับตำแหน่งปลายเดือน ธ.ค. 2554 ก็ไม่กล้าแตะ “เผือกร้อน” โควตาสลากใหม่ว่าจะเอาอย่างไร ทำให้โปรแกรมเดิมที่คณะกรรมการสลากฯ จะประชุมปลายเดือน ม.ค. 2554 เพื่อออกโควตาใหม่ 4 หมื่นเล่ม ต้องล่าช้าออกไป

ล่าสุด รมว.คลังได้ “เซ็นคำสั่ง” ในหนังสือมอบอำนาจการทำงานกำกับดูแลสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลให้นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.คลัง เป็นผู้ดำเนินการแทน เป็นการสะท้อนภาพของการปฏิเสธเรื่องอื้อฉาวที่อาจวุ่นวายขึ้นตามมา ไม่แตกต่างจากยุคที่นายกรณ์ จาติกวณิช เป็น รมว.คลัง ที่มอบให้นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง ดูแลสำนักงานสลากแทน

นายชัยวัฒน์ พสกภักดี อดีตผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ในฐานะประธานมูลนิธิสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวว่า ล่าสุด ทางสำนักงานสลากได้มีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขในการยึดโควตา 4 หมื่นเล่ม จากกลุ่มทหารผ่านศึกและองค์กรการกุศลทั้งหมด จากเดิมที่กำหนดว่าจะยึดคืนมาให้มูลนิธิสลากจัดจำหน่ายแทนเพียง 6 งวด มาเป็นการยึดคืนแบบถาวรแล้ว

โดยโควตาสลากขององค์กรการกุศลลอตดังกล่าว ถือเป็น “สลากปกติ” ภายใต้เงื่อนไขที่ว่าผู้รับโควตาต้องต่ออายุทุก 2 ปี ซึ่งที่ผ่านมา สำนักงานสลากได้ยึดโควตาคืนก่อนครบกำหนดในเดือน ก.ย. 2554 ซึ่งองค์กรการกุศลจะต้องต่อสัญญาฉบับใหม่

“การแก้ปัญหาคือต้องเพิ่มสลากคืนให้ก็น่าจะจบ แต่จนถึงตอนนี้เรื่องก็ยังคาราคาซังอยู่ จากเดิมที่บอร์ดจะประชุมเดือน ม.ค. เพื่อพิจารณาเพิ่มอีก 4 หมื่นเล่ม จนถึงตอนนี้ทุกอย่างก็ยังเงียบหมด” นายชัยวัฒน์ระบุ

แน่นอนว่า การตัดโควตาที่เคยได้รับไป ทำให้องค์กรการกุศลเหล่านี้ร้องเรียนและกดดันมายังสำนักงานสลากฯ อย่างหนักหน่วง ไม่เพียงแต่กลุ่มทหารผ่านศึกที่มีอิทธิพลทางการเมือง แต่บรรดาผู้บริหารมูลนิธิต่างๆ อาทิ มูลนิธิเวชศาสตร์เขตร้อน ก็ยังต้องวิ่งเข้ามาหารือกับนายชัยวัฒน์ เพื่อขอให้แก้ปัญหารายได้ในการช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก ที่หายไปปีละ 19 ล้านบาท

นายชัยวัฒน์กล่าวว่า สาเหตุที่สำนักงานสลากฯ ตัดโควตาขององค์การทหารผ่านศึกไป เพราะพบว่ามีการนำไปขายสัญญาล่วงหน้าให้แก่ผู้ค้ารายใหญ่ 2-3 ราย มิได้แจกจ่ายให้กับทหารผ่านศึกหรือทหารผ่านศึกพิการไปจำหน่ายจริง และเมื่อยี่ปั๊วใหญ่จ่ายเงินค่าโควตาไปแล้ว แต่กลับถูกเรายึดไป จึงต้องการหาสินค้ามาคืน

“องค์การทหารผ่านศึกไปทำสัญญาขายล่วงหน้าแล้ว เรามีหลักฐานชัดเจน ซึ่งคนซื้อเสียเงินแล้ว คนขายก็ได้รับเงิน สุดท้ายก็อยากได้สลากคืน” นายชัยวัฒน์ระบุ

พร้อมกล่าวต่อว่า”ขณะที่มูลนิธิเวชศาสตร์เขตร้อน ก็มีปัญหาเรื่องผู้ขายจริงไม่ตรงกับข้อมูลที่เราได้รับ และการทำสัญญาฉบับใหม่ ทางสำนักงานสลากฯ มีเงื่อนไขต้องการให้มีการจดทะเบียนในฐานะผู้ค้าสลากด้วย ทางมูลนิธิเวชศาสตร์เขตร้อน ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไร ไม่สามารถยอมรับเงื่อนไขนี้ได้ เช่นเดียวกับมูลนิธิ พ.อ.จินดา ณ สงขลา ที่ไม่ยินยอมที่จะแก้ไขการจดทะเบียนมูลนิธิเช่นกัน”

นายชัยวัฒน์กล่าวว่า ในเร็วๆ นี้จะมีการประชุมคณะกรรมการสลากฯ ชุดใหม่ที่นายอารีพงศ์เป็นประธาน คาดว่าจะมีการพิจารณาเรื่องการออกโควตาสลากชุดใหม่คืนให้กับองค์กรการกุศล เช่น องค์การทหารผ่านศึก ซึ่งเชื่อว่าถ้ามีมติอย่างนี้ ปัญหาทุกอย่างน่าจะจบลงได้ โดยคาดว่าจะวางจำหน่ายให้ทันในช่วงเทศกาลสงกรานต์

ปัจจุบัน ราคาของโควตาสลากได้ถูกปั่นไปถึงกว่า 83 บาทต่อคู่ (2ใบเล็ก) ขยับจากต้นทุนที่ออกจากกองสลากจริงแค่ 72.80 บาท หรือถีบตัวขึ้นไปแล้ว 10.20 บาท นั่นหมายความว่า ถ้ามีการเขย่าโควตา 4 หมื่นเล่ม หรือคิดเป็นจำนวน 4 ล้านใบภายใต้สัญญา 2 ปี ผลประโยชน์ที่จะรับจากส่วนต่างล่วงหน้า 48 งวด คิดเป็นเงินอย่างน้อย 979.20 ล้านบาท

ขณะที่ราคาขายปลีกในท้องตลาดยังแพงถึง 100 บาทต่อคู่ เนื่องจากยี่ปั๊วรายใหญ่ไม่ต้องการให้สลากราคาตก แม้จะจำหน่ายไม่หมดก็ตาม เนื่องจากต้นทุนที่ต้องจ่ายใต้โต๊ะค่าโควตาในแต่ละลอตนั้นมีราคาสูงมาก และจ่ายล่วงหน้าไปแล้ว 12-24 เดือน

แหล่งข่าวจากผู้ค้าสลากกล่าวว่า โควตาสลากขององค์การทหารผ่านศึก และสมาคมทหารผ่านศึกพิการรวม 2.6 หมื่นเล่ม ส่วนใหญ่อยู่ในมือของ “เจ๊แดง” หรือนางปลื้มจิตต์ กนิษฐสุต และ “เจ๊สะเรียง” หรือนางสะเรียง อัศววุฒิพงศ์ ซึ่งเป็นอดีตกลุ่ม 5 เสือกองสลาก โควตาที่เหลืออีกส่วนหนึ่งถูกแบ่งไปยังนายทุนหน้าใหม่ทางภาคเหนือ ที่เพิ่งเข้ามาเล่นในตลาดลอตเตอรี่ได้เพียง 2 ปี

เช่นเดียวกับโควตาของมูลนิธิเวชศาสตร์เขตร้อน แท้จริงแล้วก็มีเจ๊สะเรียงเป็นผู้รับไปจำหน่ายหลัก เนื่องจากมูลนิธิไม่มีเครือข่ายการจัดจำหน่ายรายย่อย ส่วนมูลนิธิ พ.อ.จินดา ณ สงขลา ของสำนักงาน ก.พ. มีนายชัยวัฒน์ พสกภักดี เป็นผู้ดำเนินการจัดจำหน่ายให้ เนื่องจากนายชัยวัฒน์เคยเป็นลูกหม้อเก่าของสำนักงาน ก.พ. จึงมีความสนิทสนมกับผู้บริหารมูลนิธินี้เป็นการส่วนตัว

ด้านมูลนิธิโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลของทาง กทม. ก็ไม่ได้จัดจำหน่ายเอง แต่มีบุคคลที่เป็นนักธุรกิจด้านบัญชี มีเส้นสายในกลุ่มมูลนิธิโรงพยาบาลของรัฐหลายแห่ง และเคยได้รับโควตาสลากในนามนิติบุคคลมาเป็นผู้จัดจำหน่ายสลากให้เช่นเดียวกัน

โดยคนกลุ่มนี้ทั้งหมด ได้รับโควตาดังกล่าวในช่วงรัฐบาลก่อนและมีการชำระผลประโยชน์ไปแล้ว แต่เมื่อเปลี่ยนรัฐบาลทำให้ต้องมีการเปลี่ยนผู้รับผลประโยชน์ใหม่ เนื่องจากแนวโน้มการออกสลากออนไลน์ยังไม่เป็นรูปธรรม กลุ่มผลประโยชน์ใหม่จึงมุ่งเน้นมาที่ตลาดลอตเตอรี่แทน