ThaiPublica > เกาะกระแส > แถลงการณ์ขอให้อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช พักราชการนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร

แถลงการณ์ขอให้อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช พักราชการนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร

18 กันยายน 2014


แถลงการณ์องค์กรสิทธิมนุษยชน

เมื่อวันที่ 18 กันยายน องค์กรสิทธิมนุษยชนตามรายนามด้านล่างจะจัดส่งจดหมายเปิดผนึกขอให้อธิบดี อุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชพักราชการนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร โดยมีเนื้อหาดังนี้

สืบเนื่องจากความขัดแย้งในเรื่องการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติพื้นป่าสำคัญของชาติคือความขัดแย้งในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน มีการเผาทำลายบ้าน ยุ้งฉาง และข้าวของชาวไทยเชื้อสายกะเหรี่ยงดั้งเดิม จนนำมาสู่กรณีการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่ร้ายแรงที่สุดคือกรณี นายพอละจี รักจงเจริญ ถูกนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน และเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน อีก 3 นายได้ควบคุมตัวในเขตอุทยานแห่งชาติกระจาน ตั้งแต่วันที่ 17 เมษายน 2557 และไม่มีผู้ใดพบเห็นอีกเลยจนถึงปัจจุบัน

ที่มาภาพ : http://i.ytimg.com/vi/NrSOr9HjyCY/maxresdefault.jpg
ที่มาภาพ : http://i.ytimg.com/vi/NrSOr9HjyCY/maxresdefault.jpg

มูลนิธิผสานวัฒนธรรมและองค์กรสิทธิมนุษยชนตามรายนามที่แนบมานี้ ขอนำเสนอข้อเท็จจริงประกอบการพิจารณาขอให้พักราชการนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ดังนี้

1.นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร เป็นจำเลยในคดีอาญาเลขดำที่ 4653/2554 เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2554 ในข้อหาข้อหาจ้างวานฆ่า นายทัศน์กมล โอบอ้อม แกนนำเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องสิทธิให้แก่ชุมชนบ้านโป่งลึก-บางกลอย ในการเรียกร้องสิทธิของชุมชนบ้านโป่งลึก-บางกลอย โดยปัจจุบันพนักงานอัยการจังหวัดเพชรบุรีได้ยื่นฟ้องนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร เป็นจำเลย ต่อศาลจังหวัดเพชรบุรี และคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลจังหวัดเพชรบุรี

2.นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร เป็นผู้ถูกฟ้องในคดีปกครองที่ ส.58 / 2555 สถานะคดี เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2557 ศาลปกครองมีคำสั่งเรียกคู่กรณี มาไต่สวนเพิ่มเติม คดีดังกล่าวซึ่งเป็นคดีชาวไทยเชื้อสายกะเหรี่ยงดั้งเดิมบ้านบางกลอย-โป่งลึก ที่ถูกขับไล่ เผาบ้านและทรัพย์สิน โดยมีนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร เป็นหัวหน้าปฏิบัติการดังกล่าว จนนำมาสู่การยื่นฟ้องกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ต่อศาลปกครองกลาง เพื่อเยียวยาความเสียหายและรับรองสิทธิชุมชนดั้งเดิมตามรัฐธรรมนูญ

3.นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ได้ถูกแจ้งความกล่าวโทษ โดยกลุ่มอนุรักษ์ จังหวัดราชบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ นำโดย นางจิตนา แก้วขาวต่อสำนักงานตำรวจภูธรภาค 7 ให้ดำเนินคดี กรณีนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน กับพวกรื้อ ทำลาย บ้านเรือนของชาวไทยเชื้อสายกะเหรี่ยง ที่ตำบลห้วยแม่เพรียง อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี ตามหนังสือฉบับลงวันที่ 3 พฤษภาคม 2555 โดย เรื่องดังกล่าวอยู่ในการดำเนินการตรวจสอบของสถานีตำรวจภูธรแก่งกระจาน

4.นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ในฐานะหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานเป็นบุคคลสุดท้ายที่พบเห็นและควบคุมตัวนายพอละจี รักจงเจริญ ร่วมกับเจ้าหน้าที่อุทยานฯ อีก 3 นาย ข้อเท็จจริงปรากฏในสำนวน การไต่สวนในชั้นศาล จังหวัดเพชรบุรีได้ระบุชัดเจนว่านายพอละจีอยู่ในการควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่ในวันที่ 17 เมษายน 2557 แต่ผู้ควบคุมตัวตามกฎหมายในที่นี่คือหัวหน้าอุทยานแห่งชาติฯ ปฏิเสธที่จะรับทราบว่ามีการควบคุมตัวอยู่ แต่กลับอ้างด้วยคำให้การของตนเองและบุคคลที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลในหน่วยงานเดียวกันทั้งเจ้าหน้าที่และนักศึกษาฝึกงาน ปราศจากพยานหลักฐานที่ประจักษ์ อีกทั้งพยานหลักฐานที่นำเสนอต่อศาลนั้นขัดกันและไม่มีความน่าเชื่อถือ เท่ากับว่านายพอละจีเป็นบุคคลที่ถูกบังคับให้สูญหายเป็นสิ่งต้องห้ามและเป็นอาชญกรรมที่ร้ายแรง แม้ว่ากฎหมายไทยจะยังไม่มีข้อหาอาญาต่อความผิดนี้ก็ตาม การปฏิเสธไม่ยอมรับว่ามีการควบคุมตัวนายพอละจีและอ้างว่ามีการปล่อยตัวไปแล้วนั้นย่อมเป็นการปกปิดชะตากรรมของนายพอละจีด้วย ดังนั้นการร้องขอให้ศาลไต่สวนตามมาตรา 90 และศาลได้ยกคำร้องของญาติจึงเป็นการกีดกั้นสิทธิของผู้ตกเป็นเหยื่อของการบังคับให้สูญหายไม่สามารถรับรู้ถึงความจริงเกี่ยวกับชะตากรรมของนายพอละจี และยังไม่ใช่เป็นการที่นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษรและพวกหลุดพ้นจากการมีส่วนรู้เห็นในการหายตัวไปของนายพอละจีแต่อย่างใด ขณะนี้ผู้ร้องคือภรรยาของนายพอละจีได้ยื่นขออุทธรณ์ต่อศาลจังหวัดเพชรบุรีเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2557

5.นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร คดีการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 กรณีการจับกุมตัวนายพอละจีในความผิดมีน้ำผึ้งป่าไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2557 โดยไม่นำตัวส่งพนักงานสอบสวน ไม่มีการทำบันทึกจับกุมและไม่มีการทำบันทึกการปล่อยตัวผู้กระทำความผิด ปัจจุบันคดีอยู่ในการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ กระทรวงยุติธรรม (ป.ป.ท.) ซึ่งที่ประชุม สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ กระทรวงยุติธรรม (ป.ป.ท.) เห็นว่าคดีมีมูล จึงมีมติรับเป็นคดี และให้ตั้งคณะอนุกรรมการ ฯ ขึ้นมาตรวจสอบ

6.นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ขณะดำรงตำแหน่งหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน มีภาพ และคลิปวีดีโอ การแปรรูปไม้ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ซึ่งผลการสอบสวนของคณะกรรมการจากกรมอุทยาน สัตว์ป่า และพันธุ์พืช พบว่าเป็นการกระทำโดยเจ้าหน้าที่อุทยาน และต่อมากองกำกับการภูธรจังหวัดเพชรบุรี โดย พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุขแสวง รองผู้บังคับการ ได้ลงพื้นที่พร้อมคณะวิทยาการจังหวัดเพชรบุรี พบว่าบริเวณโดยรอบหน่วยแม่สะเรียง (กจ.10) พบการโค่นล้ม ไม้ และแปรรูปไม้ โดยใช้เลื่อยยนต์อีกจำนวน 26 ต้น

นอกจากองค์กรสิทธิมนุษยชนทั้งในและต่างประเทศให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งกับการหายตัวไปและการเรียกร้องสิทธิให้กับนายพอละจี รักจงเจริญนักต่อสู้ชาวกระเหรี่ยงแล้ว การให้ความสำคัญกับสิทธิของชนเผ่ากลุ่มชาติพันธุ์ที่อยู่อาศัยในป่าก็เป็นหลักการสำคัญขององค์การสหประชาติและองค์การยูเนสโกด้วย ดังข้อเท็จจริงดังต่อไปนี้

คณะกรรมการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อเชื้อชาติแห่งองค์การสหประชาชาติได้ระบุว่าในเดือนกุมภาพันธุ์ ปี 2555 ให้รับพิจารณาเรื่องร้องเรียนกรณีชาวกระเหรี่ยงในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานถูกบังคับไล่รื้อ เผาทำลายบ้านและยุ้งข้าวไว้เป็นเรื่องเร่งด่วนและได้จัดให้มีจดหมายแสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์ดังกล่าวลงวันที่ 9 มีนาคม 2555 ส่งถึงรัฐบาลไทยเพื่อต้องการทราบรายละเอียดขั้นตอนการดำเนินการเพื่อปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่ของชาวกระเหรี่ยงในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน

คณะกรรมการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อเชื้อชาติแห่งองค์การสหประชาชาติได้เผยแพร่ข้อสังเกตเชิงสรุปในเอกสาร CERD/C/THA/Q/1-3 ลงวันที่ 3 กรกฎาคม 2555 ในย่อหน้าที่ 16 มีความว่า “ในประเทศไทยกฎหมายอนุรักษ์ป่าไม้และสิ่งแวดล้อมที่มีอยู่หลายฉบับส่งผลกระทบเชิงการเลือกปฏิบัติต่อกลุ่มชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในป่า คณะกรรมการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อเชื้อชาติยังกังวลว่าประเทศไทยไม่การขอรับฟังคำยินยอมโดยสมัครใจและล่วงหน้าก่อนที่จะมีการตัดสินใจใดใดว่าจะมีผลกระทบต่อกลุ่มชาติพันธุ์หรือไม่”

คณะกรรมการต่อต้านการทรมานแห่งองค์การสหประชาชาติได้เผยแพร่ข้อสังเกตเชิงสรุปในเอกสารลงวันที่ 23 พฤษภาคม 2557 ในย่อหน้าที่ 14 ว่า “มีกรณีที่กล่าวหาว่านักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนด้านต่อต้านการทุจริตและด้านสิ่งแวดล้อม และผู้ที่เป็นพยานการละเมิดสิทธิมนุษยชน กรณีล่าสุดนายพอละจี รักจงเจริญ … คณะกรรมการฯ เสนอให้ประเทศไทยควรใช้มาตรการที่จำเป็นทั้งหมดเพื่อป้องกันการบังคับให้สูญหายและเพื่อการต่อสู้กับการลอยนวลพ้นผิด”

ด้วยเหตุผลทั้งความจำเป็นที่จะคงไว้ซึ่งหลักการด้านการอำนวยความเป็นธรรมต่อประชาชนที่ได้รับผลกระทบต่อนโยบายและการบริหารจัดการบุคคลกรของรัฐโดยเฉพาะต่อการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติของชาติให้สมบัติของชาติและของโลก และในขณะเดียวกันเป็นการคุ้มครองสิทธิของประชาชนที่อยู่อาศัยเป็นชุมชนท้องถิ่นดั้งเดิมในพื้นที่อนุรักษ์ ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานจะได้รับการเสนอชื่อเป็นพื้นที่อนุรักษ์ภายใต้กรอบของยูเนสโกเป็นอันเป็นความภาคภูมิใจของประเทศอย่างสมภาคภูมิ

มูลนิธิผสานวัฒนธรรมและองค์กรตามรายนามที่แนบนี้ ขอให้ท่านในฐานะอธิบดีกรมอุทยานฯ พิจารณาขอเรียกร้องให้พักราชการนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ซึ่งเป็นจำเลยในคดีอาญาร้ายแรงและพิจารณาอย่างรอบคอบในการกำหนดบุคคลกรให้เข้ามารับผิดชอบงานและกำกับดูแลงานในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน โดยพิจารณาแนวทางการในการทำงานที่เคารพต่อหลักการด้านสิทธิมนุษยชน มีแนวทางการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งอย่างสันติวิธี มีการอำนวยความเป็นธรรมต่อประชาชนและเอื้อประโยชน์ต่อการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติของชาติที่ยั่งยืน

รายชื่อองค์กรร่วมลงนาม

มูลนิธิผสานวัฒนธรรม
สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน
สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน
เครือข่ายกะเหรี่ยงเพื่อวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมเขตงานตะนาวศรรืค
เครือข่ายชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทยติดต่อขอข้อมูลเพิ่มเติม พรเพ็ญ คงขจรเกียรติ มูลนิธิผสานวัฒนธรรม