ThaiPublica > เกาะกระแส > เกาะกระแสการเมือง > ลุ้นวาระลับ ข้อเสนอปฏิรูปเพื่อไทย-ถอนไฟ “ชินวัตร” หลังแผนบันได 7 ขั้น ไม่สำเร็จ

ลุ้นวาระลับ ข้อเสนอปฏิรูปเพื่อไทย-ถอนไฟ “ชินวัตร” หลังแผนบันได 7 ขั้น ไม่สำเร็จ

19 ธันวาคม 2013


หลังจากพรรคเพื่อไทยพ่ายแพ้อย่างหมดรูปในเกมการเมือง ทั้งในฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหาร ทำให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต้องยุบสภา ล้างไพ่การเมืองทั้งกระดาน กลับบ้านแบบมือเปล่า

แผนยุทธศาสตร์บันได 7 ขั้น ที่เคยคาดหวัง หลังชนะการเลือกตั้งได้คะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร ที่ต้องการทั้งทำกฎหมายนิรโทษกรรม กฎหมายปรองดอง และการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ แล้วจัดแถวขุนทหารใน 3 เหล่าทัพเพื่อป้องกันอุบัติเหตุทางการเมือง พร้อมปูทางให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้กลับบ้านแบบเท่ๆ ภายในปีที่สองของการเป็นรัฐบาล แถมด้วยการได้ใช้งบประมาณในการลงทุนทั้งในและนอกงบประมาณ 4.62 ล้านล้านบาท

แผนดังกล่าว บางแผนต้องถูกล้มเลิกโดยปริยาย บางแผนปฏิบัติการแล้วไม่สำเร็จ บางแผนได้แค่เริ่มลงมือทำ

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่มาภาพ : http://static.guim.co.uk/sys-images/Guardian
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่มาภาพ : http://static.guim.co.uk/sys-images/Guardian

หากพรรคเพื่อไทยต้องการไปต่อ ต้องจัดทัพใหม่ ลงสู้ศึกเลือกตั้ง และต้องชนะเลือกตั้ง จึงจะได้เริ่มต้นแผนการใหม่ อีกครั้ง

แม้ว่าการชิงชัยในการเลือกตั้ง ที่ยังไม่แน่ว่าจะมีขึ้นในอีก 48 วันข้างหน้าหรือไม่ แต่อดีตแนวร่วมพรรคไทยรักไทย ได้รวมตัวกัน “ถกลับ” ในวาระกอบกู้พรรค ฟื้นฟูประเทศ ด้วยการยื่นข้อเสนอให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เตรียมจัดทัพลงสู้ศึกเลือกตั้ง ด้วยยุทธศาสตร์ใหม่ที่ พ.ต.ท.ทักษิณถนัด คือ เมื่อถึงคราวที่อยู่ในภาวะตาอับ ถูกรุกฆาตจากทุกด้าน พ.ต.ท.ทักษิณจะไม่ยอมเดินหน้าต่อด้วยเกมที่ฝ่ายคู่ต่อสู้คิดขึ้น แต่จะล้างเกมเก่า แล้วคิดเกมใหม่

วาระที่ผ่านการตกผลึกระดับหนึ่ง เตรียมนำเสนอ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ประกอบด้วยแผนยุทธศาสตร์ 5 ด้าน

ยุทธศาสตร์แรก แผนรวมขุนพลเก่าจากค่ายไทยรักไทยกลับเข้าชายคาเพื่อไทย เพื่อตอบโจทย์และอุดช่องว่างเรื่องการขาดทีมเศรษฐกิจ โชว์ความพร้อมเพื่อการบริหารประเทศด้วยมืออาชีพ โดยตัวอย่างชื่อที่ควรมีการทาบทามก็เช่น ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แล้วชักชวนนายเนวิน ชิดชอบกลับมาเป็นแนวร่วม แนวรบ แม้ไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง พร้อมกันนี้ควรจัดทีมกุนซือมือแข็งด้านกฎหมายมหาชนมาเสริมทีม เพราะจากนี้ไป การต่อสู้จะเป็นสงครามการใช้ช่องโหว่ของกฎหมายรัฐธรรมนูญทุกมาตรา ชื่อวิษณุ เครืองาม และทีมเนติบริกร จึงถูกจัดอยู่ในโผที่ต้องติดตามตัวเข้าร่วมทีม

ยุทธศาสตร์ที่สอง จะเสนอให้มีการขอร้องให้คนใน ตระกูล “ชินวัตร”ถอนตัวออกจากการลงสมัครเลือกตั้งทุกรูปแบบ เพื่อแสดงความจริงใจในการร่วมวงปฏิรูปประเทศหลังเลือกตั้งกับเครือข่ายต่างๆ ทั้งนี้ ล่าสุด นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ได้กล่าวกับคนใกล้ชิดว่าจะไม่ลงสมัครเลือกตั้งในสมัยที่จะถึงนี้

ยุทธศาสตร์ที่สาม แนวทางการหาเสียง ให้ประกาศรับข้อเสนอของ กปปส. ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ และคณะ ใน 4 เรื่องหลัก คือ 1. รับข้อเสนอที่จะประกาศวาระแห่งชาติในการขจัดปัญหาคอร์รัปชันทุกรูปแบบ 2. รับข้อเสนอเรื่องการกระจายอำนาจให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการทุกจังหวัด 3.รับหลักการให้ตำรวจไปขึ้นกับองค์การบริหารส่วนจังหวัด 4. รับหลักการที่จะมีการแก้ไขกฎหมายพรรคการเมือง 5. รับหลักการแก้กฎหมายการเลือกตั้ง ให้บริสุทธิ์ยุติธรรม ให้มีองค์กรกลาง ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ร่วมขบวนการตรวจสอบการโกงเลือกตั้งอย่างใกล้ชิดในทุกระดับ

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่มาภาพ : http://www.scmp.com
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่มาภาพ : http://www.scmp.com

ยุทธศาสตร์ที่สี่ พรรคเพื่อไทยจะต้องมีแผนในการหาเสียง ด้วยการต่อยอด ปรับปรุง ระบบการปฏิรูปประเทศด้านต่างๆ ที่เคยทำมาเช่น 1. การปฏิรูประบบประกันสุขภาพ 2. การปฏิรูปโครงสร้างภาษี 3. การปฏิรูประบบราชการ และ 4. การปฏิรูปการศึกษา

ยุทธศาสตร์ที่ห้า ให้พรรคเพื่อไทยร่วมลงสัตยาบรรณกับพรรคการเมืองทุกพรรคที่ลงสนามรับเลือกตั้ง ว่าหากชนะการเลือกตั้ง หรือได้จัดตั้งรัฐบาล จะอยู่เพื่อบริหารการปฏิรูปประเทศทุกด้าน ร่วมกับเครือข่ายต่างๆ เพียง 1 ปีครึ่ง หรือนานที่สุดเพียง 2 ปี แล้วจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ทันที

อดีตแกนนำพรรคไทยรักไทยรายหนึ่งให้ความเห็นว่า ปัจจัยชี้ขาดการเลือกตั้งครั้งหน้าคือ หากพรรคใดต้องการปฏิรูปการเมือง และปฏิรูปประเทศอย่างทั่วด้าน ต้องให้มีการรณรงค์หาเสียงใน 2 ประเด็น คือ เรื่องแรก การกอบกู้ฟื้นฟูเศรษฐกิจ เรื่องที่สอง การปฏิรูปการเมืองด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 เพื่อเปิดทางให้คณะกรรมการสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) จัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ ให้สอดคล้องกับการปฏิรูปประเทศ

ทั้งนี้ จะมีการสรุปบทเรียนที่พรรคเพื่อไทยเคยแพ้การเลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพมหานคร ไว้ประกอบการคิดค้นแคมเปญเลือกตั้ง ด้วยเหตุผล 7 ข้อ เช่น

1. แคมเปญคิดบวก ไม่ตอบโต้ ไม่มีผลต่อการเพิ่มคะแนนในการคูหาการเลือกตั้ง

2. ต้องปรับปรุงทีมงานในพื้นที่กรุงเทพมหานครใหม่ เพิ่มอีกทีม แยกจากทีมของของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์

3. ต้องไม่หลงเชื่อผลโพลสำนักต่างๆ และการเขียนข่าวเชียร์ในหน้าสื่อมากเกินไป จนมีคำในรายงานถึง พ.ต.ท.ทักษิณทำนองว่า “จะชนะแบบแลนด์สไลด์”

4. ต้องหาคำตอบจากกลุ่มเสียงเงียบ-ไทยเฉย-ไทยอดทน ให้ได้ว่ากลุ่มนี้จะลงคะแนนให้ฝ่ายใด

5. ต้องเลี่ยงคำพูดในทำนองที่ว่าจะชนะเลือกตั้งเพื่อใช้อำนาจ “พลิกประเทศ” หรือคำที่สื่อถึงการเปลี่ยนแปลงแบบ “ถึงรากถึงโคน”

6. ต้องจัดทีม จัดทำการหาเสียงกับเครือข่ายคนวิชาการ ที่มีแนวคิดเป็นนักประชาธิปไตย

7. จัดตั้งนักรบไซเบอร์ มอนิเตอร์ติดตามการหาเสียง การก่อกระแสในโซเชียลมีเดีย อย่างเป็นระบบ

แผนยุทธศาสตร์ทั้งหมดนี้ จะมีการนัดหารือในระดับ “วงเล็ก” ของอดีตแกนนำ-กุนซือพรรคไทยรักไทย เพื่อร่วมกันพิจารณา และหาช่องทางทำให้ข้อเสนอนี้ถึงมือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และส่งสัญญาณกลับมา จัดทำเป็นแนวทางในการเลือกตั้งต่อไป

แต่หากแผนนี้ ถูกทีมคนใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ปฏิเสธไม่นำเสนอ หรือแปลงสาร การต่อสู้ในวังวนเกมการเมือง แบบแพ้-ชนะ ระหว่างเพื่อไทยที่ไร้หัวชัดเจน กับอีกฝ่ายที่จัดตั้งสารพัดทีมจากทุกลุ่มเครือข่ายในสังคม ร่วมกับฝ่ายประชาธิปัตย์ ก็จะยังดำรงต่อไป

เหลือเวลาอีกไม่ถึง 1 สัปดาห์ จะมีการลงสมัครเลือกตั้งทั่วไปแล้ว ทั้งฝ่ายประชาธิปัตย์และฝ่ายเพื่อไทย ต่างรอจังหวะเปิดเกมใหม่ทางการเมืองอีกครั้ง