ThaiPublica > เกาะกระแส > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ – พสกนิกรชาวไทยปลื้มปิติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงเสด็จออกมหาสมาคม 5 ธันวาคม 2556 “ขอให้คนไทยตระหนักทำหน้าที่เพื่อชาติ”

ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ – พสกนิกรชาวไทยปลื้มปิติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงเสด็จออกมหาสมาคม 5 ธันวาคม 2556 “ขอให้คนไทยตระหนักทำหน้าที่เพื่อชาติ”

8 ธันวาคม 2013


พสกนิกรชาวไทยปลื้มปิติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงเสด็จออกมหาสมาคม เนื่องในวันพ่อแห่งชาติ

ชาวเน็ตยกย่อง “วีรบุรุษชมัยมรุเชษฐ์” หรือฉายา “ไอ้อ้วนกางเกงใน”

ไว้อาลัยการจากไปของ Paul Walker

ทั่วโลกอาลัย Nelson Rolihlahla Mandela นักต่อผิวสีด้วยสันติวิธีและประชาธิปไตย

ชาวเฟซบุ๊กคลายเครียดจัดตั้งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีในฝัน

อ่านรายละเอียด …………

ประเด็นที่ถูกพูดถึงมากสุดในโซเชียลมีเดียในรอบสัปดาห์ 1-7 ธันวาคม 2556

เรื่องแรก เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 86 พรรษา วันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม 2556 ประชาชนต่างตั้งตาคอยการเสด็จออกมหาสมาคม ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งในปีนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงเสด็จออกมหาสมาคม ณ วังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ทำให้มีพสกนิกรทั้งในพื้นที่และต่างจังหวัดจำนวนมาก ที่หลั่งไหลกันไปเฝ้ารับเสด็จที่หน้าวังไกลกังวล อำเภอหัวหิน โดยพร้อมใจกันสวมเสื้อสีเหลือง เปล่งเสียงดังกึกก้อง “ทรงพระเจริญ” ตลอดสองข้างทาง

ที่มาภาพ : http://news.thaipbs.or.thcontent
ที่มาภาพ: http://news.thaipbs.or.thcontent

โดยในปีนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงมีพระราชดำรัส โดยมีใจความว่า “ขอขอบใจท่านทั้งหลายเป็นอย่างยิ่ง ที่มีไมตรีจิตพรั่งพร้อมกันมาให้พรวันเกิด รวมทั้งให้คำมั่นสัญญา ข้าพเจ้าขอแสดงสนองพรและไมตรีจิตนั้นด้วยใจจริงเช่นกัน บ้านเมืองของเราเป็นสุขสืบมาช้านาน เพราะเรามีความปึกแผ่นในชาติ และต่างบำเพ็ญกรณียกิจตามหน้าที่ให้สอดคล้องเกื้อกูลกัน เพื่อประโยชน์ของชาติ คนไทยทุกคนจึงควรจะตระหนักในข้อนี้ให้มาก และตั้งใจประพฤติตัวปฏิบัติงานให้สมฐานะและหน้าที่ เพื่อให้สำเร็จประโยชน์ส่วนรวม คือ ความมั่นคงปลอดภัยของชาติบ้านเมืองไทย ขออำนาจแห่งคุณพระรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จงคุ้มครองรักษาท่านทุกคนให้มีแต่ความสุข ความเจริญตลอดไป”
(ชมคลิป)

ทางด้านกรุงเทพมหานครและจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ ก็ได้จัดพิธีถวายเครื่องราชสักการะ และจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล พร้อมกันในเวลา 19.00 น. โดยพสกนิกรต่างพร้อมใจกันสวมเสื้อสีเหลือง บ้างก็น้ำตาไหลด้วยความปลื้มปิติ ซึ่งในช่วงเวลาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงเสด็จออกมหาสมาคม ชาวโซเชียลเน็ตเวิร์ก ต่างมีการขึ้นข้อความสรรเสริญพระบารมี และทรงพระเจริญกันอย่างมากมาย บ้างก็มีการแสดงความภาคภูมิใจถึงความเป็นไทย ใต้ร่มพระมหากรุณาธิคุณที่มีอย่างล้นพ้น

ที่มาภาพ : http://news.th.msn.com
ที่มาภาพ : http://news.th.msn.com
ที่มาภาพ : http://news.th.msn.com
ที่มาภาพ : http://news.th.msn.com

“ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ข้าพเจ้าขอรักแผ่นดินบ้านเกิดด้วยหัวใจพร้อมถวายชีวิตนี้ให้แด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตลอดชีวิต”

“เราก็รู้พ่อต้องเหนื่อยสักเพียงไหน ต้องลำบากใจกายมิเคยสิ้น เพราะพ่อรู้พ่อคือพลังแห่งแผ่นดิน ให้เราพออยู่พอกินกันต่อไป หากจะขอของขวัญให้พ่อสักกล่อง เราทั้งผองจะพ้องกันได้ไหม ร่วมกันเป็นดินดีให้พอ่ได้สุขใจ ไม่ต้องเหนื่อยเกินไปอย่างที่เป็นมา”

“ฟังกี่ทีๆ น้ำตาก็ไหล ไหลเพราะความตื้นตันใจ มันเกินคำบรรยายใดๆ ไม่มีอีกแล้วในโลกนี้ ด้วยใจรักและเทิดทูนอยู่เหนือหัว “ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน”

“หนูร้องให้นะค่ะ ประเทศไทยทะเลาะกัน ในหลวงถึงกับพูดประโยคนั้นไม่ออก บ้านเมื่องเราเป็น…….แค่นี้หนูก็น้ำตาไหลแล้วค่ะ”

“ทรงพระเจริญ กระผมจะน้อมเอากระแสพระราชดำรัส เข้ามาภายในจิตใจ นำมาใช้ในชีวิต ครับ ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ”

“ข้าพเจ้าจะจงรักภักค์ดีต่อเบื้องพระยุคลบาท จะยอมเสียสละทุกอย่าง แม้แต่ชีวิตและเลือดเนื้อของข้าพเจ้า ให้สมกับที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ ขอพระองค์ทรงพระเจริญยั่งยืนนาน”

เรื่องที่สอง จากเหตุการณ์ทางการเมืองที่มีมาอย่างต่อเนื่อง จนทำให้เกิดการปะทะกันอย่างรุนแรงระหว่างตำรวจและผู้ชุมนุม ที่บริเวณสะพานชมัยมรุเชษฐ์ ถึงขั้นมีการใช้แก๊สน้ำตาเพื่อยับยั้งผู้ชุมนุม ซึ่งความรุนแรงของแก๊สน้ำตาทำให้ผู้ชุมนุมได้รับความปวดแสบปวดร้อนต้องวิ่งหนีกันอย่างอลม่าน ทำให้ช่วงระหว่างความโกลาหลดังกล่าวได้เกิดวีรบุรุษ ทำให้เป็นที่กล่าวยกย่องกันอย่างแพร่หลายในโซเชียลมีเดียกับ “วีรบุรุษชมัยมรุเชษฐ์” หรือฉายา “ไอ้อ้วนกางเกงใน”

ฉายาดังกล่าวมาจากการที่ชายหนุ่มรูปร่างอ้วนท้วมชื่อเล่นว่า “กบ” นายวีรชาติ เปรมกมล อายุ 33 ปี วิ่งฝ่ากลุ่มควันแก๊สน้ำตาเพื่อบุกเข้าประชิดตัวตำรวจ แล้วรัวยิงน้ำยาดับเพลิงที่พกมาเพื่อตอบโต้ ทั้งที่สวมกางเกงในเพียงตัวเดียว จนใครหลายคนหรือแม้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังต้องยอมรับในการกระทำอันกล้าบ้าบิ่นของเขา อีกทั้งหลายคนยังอยากรู้ว่าชายหนุ่มผู้นี้เป็นใคร

โดยหลายสำนักข่าวได้มีการรายงานข่าววีรกรรมของชายหนุ่มผู้นี้ และเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า “Ranger Thai” ก็ได้นำบทสัมภาษณ์ของหนุ่มคนนี้ เมื่อครั้งที่เขาได้ขึ้นกล่าวบนเวทีการชุมนุมของกลุ่ม คปท. ที่ นางเลิ้ง โดยที่ “กบ” หรือ “ไอ้อ้วนกางเกงใน” ได้เล่าว่า ระหว่างที่เข้าร่วมสมทบเพื่อช่วยพี่น้องประชาชนที่โดนแก๊สน้ำตา ตนก็ได้ถูกตำรวจฉีดน้ำผสมสารเคมีเข้าใส่จนเกิดอาการแสบคัน จึงตัดสินใจถอดเสื้อผ้าออกจนเหลือแต่กางเกงในเพื่อฉีดน้ำล้างตัว ซึ่งก็คิดว่าถ้าล้างตัวเรียบร้อยแล้วจะเดินทางกลับบ้านก่อน แต่กลับหันไปเห็นว่ามีคนแก่ได้รับบาดเจ็บจนผู้ชุมนุมที่อยู่ในบริเวณนั้นต้องช่วยกันหามไปปฐมพยาบาล ทำให้ตนเองรู้สึกโกรธมากจึงตัดสินใจวิ่งออกไปทั้งกางเกงในตัวเดียว

ที่มาภาพ : http://www.oknation.netblogbunjerds20131204entry-8
ที่มาภาพ : http://www.oknation.netblogbunjerds20131204entry-8

“คือผมแสบครับ ผมถอดเสื้อผ้า ผมกำลังจะอาบน้ำ แล้วจะกลับบ้าน ผมเห็นยายคนหนึ่งเป็นลม เข็นรถพยาบาลไป ผมบอกทำพี่น้องกูไปเลย ผมหิ้วไปเลยถังดับเพลิง เอาฉีดมันเลย มันก็บอกว่ากูเหม็นกูแสบตา แล้วกูไม่แสบหรือไง ผมฉีดไป 15 ถัง”

เฟซบุ๊ค Ranger Thai เล่าต่อว่า น้องกบเล่าว่าดวลกับตำรวจแบบใจถึง ตำรวจขว้างแก๊สน้ำตามา กบหยิบขว้างกลับไป ตำรวจหมายหัวน้องกบระดมยิงแก๊สน้ำตา 50 ลูก สู้กันไปสู้กันมา แถมมีการด่าท้าทายกันเป็นระยะ จนกบถูกกระสุนยางนัดหนึ่งโดนเข้าที่หน้าผากจนสลบ ถูกหามส่งโรงพยาบาลพระมงกุฎ เย็บ 4 เข็ม หมอให้พักรักษา 3 วัน แต่กบแค่อยู่ 3 ชั่วโมง แล้วหนีออกจากโรงพยาบาลมาทั้งชุดพยาบาล เพื่อมาสู้ที่สนามรบชมัยมรุเชษฐ์ต่อ

ทั้งนี้วีรกรรมของกบ สื่อและโลกออนไลน์ที่นอกจากพูดถึงและยกย่องการกระทำดังกล่าวแล้ว ยังได้มีการแชร์ข้อความที่นักร้องดัง เจ เจตริน ที่โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว @Jjetrin ข้อความว่า “ใครก็ได้ไปบอกอ้วน! พี่เจให้บัตรชมคอนเสิร์ตพี่เจที่ไหนก็ได้ ฟรีตลอดชีวิต มารับบัตรห้อยคอได้เลย #แต่ถ้าอ้วนชอบนูโวผมจะบอกพี่โจให้”

ทางด้านชาวออนไลน์ ก็ได้มีการเขียนข้อความยกย่องชื่นชม พร้อมเป็นกำลังใจให้ “วีรบุรุษชมัยมรุเชษฐ์” กันอย่างมากมายเช่นกัน และอย่างไรก็ตาม การชุมนุมต่อต้านระบอบทักษิณ ยังคงมีอยู่ และได้มีการประกาศการชุมนุมใหญ่ครั้งสุดท้าย ในวันจันทร์ที่ 9 ธันวาคม 2556 โดยจะเคลื่อนขบวนกันไปที่ทำเนียบรัฐบาล

“ชื่นชมมากคุณกบ ขอให้แคล้วคลาดปลอดภัย เสร็จงานแล้วเช็คสุขภาพด้วยไอ้น้อง”

“ขอกราบงาม ๆ เลยสถานการณ์สร้างวีระบุรุษ ขอให้คุณพระจงคุ้มครองคุณด้วย”

“เขาคือซุปเปอร์แมนที่ไม่เหลือแม้แต่เสื้อ กางเกงและผ้าคลุมไหล่ ยังดีที่เหลือกางเกงใน เขาคือฮีโร่แห่งชมัยมรุเชษฐ์ ขอคาราวะ”

“ไม่ต้องมีซิกแพ็ค ไม่คมเข้ม มีแต่ใจแมนๆ ดวงเดียว ลูกผู้ชายตัวจริง นายหล่อมาก”

“น่ารักดีครับ ในความรุนแรงก็มีความน่ารักอยู่ นับถือหัวใจน้องจริงๆ ครับ น้องคนเดียวทำเอาตำรวจมะเขือเทศเหนื่อยเลย แทนที่ตำรวจพวกนี้จะเอาเวลาไปดูแลพื้นที่ตัวเอง กลายเป็นมัวแต่มาดูแลรัฐบาลนักการเมือง”

“คุณกบจะเป็นแบบอย่างการต่อสู้ของคนไทยผู้รักชาติ รักแผ่นดินต่อสู้กับความชั่วร้าย”

“ขอกราบน้ำใจของน้องจริงๆ เราสู้ด้วยกันนะพี่ซึ้งน้ำใจจริงๆ พูดไม่ออกเลย”

เรื่องที่สาม ข่าวการจากไปอย่างกะทันหันของพระเอกฮอลลีวูด จากหนังมหากาพย์ซิ่งรถ Fast & Furious ขวัญใจสาวๆ “Paul Walker” (พอล วอล์คเกอร์) ด้วยวัย 40 ปี เมื่อวันเสาร์ที่ 30 พฤศจิกายน 2556 ที่ผ่านมา ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียหลักพุ่งชนต้นไม้ข้างทางจนเกิดระเบิด โดยเพื่อนของหนุ่มพอลเป็นคนขับและเสียชีวิตพร้อมกัน หลังจากไปร่วมงานการกุศล Reach Out Worldwide

เป็นกระแสข่าวในโซเชียลมีเดีย เนื่องจากกระแสข่าวดังกล่าว เกิดขึ้นมาพร้อมกันกระแสข่าวที่เป็นข่าวลือว่าพอลยังไม่เสียชีวิต จนสร้างความสับสนให้บรรดาแฟนคลับ แต่อย่างไรก็ตามผลสรุปจากโฆษกส่วนตัวของพอล รวมทั้งเพื่อนสนิทในวงการที่ออกมาแสดงความไว้อาลัย พร้อมแสดงความเสียใจ ต่อการจากไปของพระเอกหนุ่ม จึงสร้างความชัดเจนว่า พระเอกหนุ่มได้จากไปแล้วจริงๆ ซึ่งก็ทำให้ภาพยนตร์เรื่อง Fast & Furious ภาค 7 ที่กำลังถ่ายทำอยู่ขณะนี้ ที่มี จา พนม นักแสดงของไทย ร่วมแสดงด้วยต้องหยุดการถ่ายทำไปก่อน เพื่อร่วมไว้อาลัยต่อการจากไปของพอลในครั้งนี้

Paul Walkerที่มาภาพ : http://www.thenewstribe.com
Paul Walkerที่มาภาพ : http://www.thenewstribe.com

พอล วอล์คเกอร์ เริ่มเข้าวงการบันเทิงด้วยงานแสดงโฆษณา แต่แจ้งเกิดได้ด้วยเรื่อง The Fast and the Furious ปี 2001 ได้รับบทพระเอกต่อมาอีกหลายเรื่องทั้ง Joy Ride ในปี 2001 เรื่อง Into the Blue ภาพยนตร์แอ็กชันผจญภัยใต้ทะเล ในปี 2005 และจากความชื่นชอบการดำน้ำเป็นการส่วนตัว ทำให้พอล ร่วมเป็นหนึ่งในทีมงาน National Geographic ถ่ายทำภารกิจติดเครื่องติดตามให้กับฉลามขาว 7 ตัวในสารคดี Expedition Great White ที่อ่าวเม็กซิโก และพอลยังได้ชื่อว่าเป็นดาราใจบุญ ที่อาสาช่วยเหลือเพื่อนร่วมโลกที่ประสบวิกฤติ ทั้งการเดินทางไปชิลีและไฮติกับทีมอาสาหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวในปี 2010 หรือล่าสุดจากการไปร่วมงานการกุศลโดยมูลนิธิ Reach Out Worldwide เพื่อส่งความช่วยเหลือไปที่ประเทศฟิลิปปินส์ ก่อนที่เขาจะจากไปอย่างน่าเสียดาย

“เสียใจกับครอบครัว Paul walker หนังเรื่องนี้ดูตั้งแต่ภาคแรกถึงภาค 6ไม่คิดว่า Paul walker จะจากพวกเราไปเร็วขนาดนี้”

“แฟน ๆ ทั่วโลกคงทำใจไม่ได้หรอกครับ กับการจากไปอย่างกะทันหันครั้งนี้ ผมเสียดายฝีมือการแสดงเขาอ่ะ”

“เสียใจมากเลย เป็นพระเอกในหนังขับรถเทพสุดๆ ชีวิตจริงต้องมาตายเพราะรถ เศร้า ขอให้หลับให้สบายนะ”

“RIP. ครับ ขอให้ไปสู่สุขติ ไม่ว่ายังคุณก็ยังอยู่ในใจผมตลอดครับ และจะติดตาม Fast & Furious ทุกภาค ถึงแม้จะไม่มีคุณร่วมแสดงด้วยแล้วก็ตาม”

“ทันทีที่รู้ข่าว บอกกะตัวเองว่ามันไม่จริง มันน่าจะเป็นแค่ข่าวเหมือนตอนเฉินหลงอ่ะ พอหาข่าวเยอะเข้า เฮัยยย!!!! ไม่น่าเลย R.I.P นะคะ”

“จะสร้างรถที่มีความเร็วไปเพื่ออะไร ถ้าเราเอามันไม่อยู่ น่าเสียดายดาราหลายคนต้องตายเพราะรถเร็ว ราคาแพง”

“ไม่มีแล้ว Supra ที่จอดไว้ จากไปไกล Skyline ที่เคยเห็น
ทั้ง Evo Subaru ในยามเย็น ช่างยากเย็น ที่จะลืม ไบรอันไป
เมื่อวานนี้ Porsche นั้นเสียหลัก ชนต้นไม้ จนหัก ไฟลุกท่วม
ไม่มีแล้ว ไบรอัน ที่มาร่วม น้ำตาท่วม พอลจากไป นิรันเอย
REST IN PEACE Paul Walker”

เรื่องที่สี่ ความสูญเสียที่ทั่วโลกต่างร่วมอาลัยต่อการจากไปของบิดาแห่งแอฟริกาใต้ยุคใหม่ นักต่อสู้ที่พาประเทศชาติรอดพ้นจากความขัดแย้งเรื่องผิวสีและชาติพันธุ์ด้วยสันติวิธีและประชาธิปไตย “Nelson Rolihlahla Mandela” (เนลสัน โรลีลาลา มันเดลา) ในวัย 95 ปี ที่จากไปเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2556 ด้วยอาการปอดติดเชื้อมาเป็นเวลาหลายเดือน ซึ่งชาวโซเชียลเน็ตเวิร์กทั่วโลก ก็ต่างแสดงข้อความไว้อาลัย และเสียใจต่อการจากไปของเขากันอย่างทั่วหน้า

เนลสัน โรลีลาลา มันเดลา เกิดวันที่ 18 กรกฎาคม 2461 ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ในช่วงปี พ.ศ. 2537- 2542 และเป็นประธานาธิบดีคนแรกที่ได้รับเลือกตั้งตามกระบวนการทางประชาธิปไตยอย่างถูกต้อง เขาลงจากตำแหน่งหลังรับใช้ประเทศเพียงสมัยเดียว

แมนเดลลาเป็นที่รู้จักในฐานะนักต่อสู้เพื่ออุดมการณ์แห่งความถูกต้องของมนุษย์ ไม่เกี่ยวกับเรื่องสีผิวในประเทศแอฟริกาใต้ เป็นผู้เคลื่อนไหวในทางสันติ ได้รับรางวัลต่างๆ มากกว่า 250 รางวัลตลอดช่วงเวลา 4 ทศวรรษ รางวัลที่สำคัญที่สุดคือ รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ประจำปี พ.ศ. 2536

Nelson Mandela ที่มาภาพ : http://bizzyblanco.com
Nelson Mandela ที่มาภาพ : http://bizzyblanco.com
sand sculpture ที่มาภาพ : http://www.theguardian.com
sand sculpture ที่มาภาพ : http://www.theguardian.com

แมนเดลลา ดิ้นรนต่อสู้อย่างกล้าหาญ เคยถูกจำคุก 27 ปี และได้รับการปล่อยตัวในปี พ.ศ. 2533 ซึ่งเวลาส่วนมากของการถูกคุมขัง จะอยู่ในห้องขังเล็กๆ บนเกาะร็อบเบิน

นโยบายปรองดองที่เนลสันนำมาใช้ ส่งผลให้แอฟริกาใต้ก้าวเข้าสู่ยุคใหม่แห่งประชาธิปไตย เนลสันเป็นที่ยกย่องอย่างสูงภายในประเทศแอฟริกาใต้ในฐานะรัฐบุรุษอาวุโส จนชาวแอฟริกันขนานนามสมาชิกชายอาวุโสของตระกูลมันเดลาอย่างให้เกียรติว่า “มาดิบา” (แต่ความหมายส่วนใหญ่ ก็จะเจาะจงหมายถึงเนลสัน มันเดลา เท่านั้น)

“ความยิ่งใหญ่ของมันเดลา คือ “ความรักอันยิ่งใหญ่” ที่มีต่อประชาชน ชาติ และมนุษยชาติ จากเบื้องลึกขอความเป็นมนุษ์สามัญ เขารักทุกคน แม้แต่บุคคลที่เคยทำร้ายเขา หรือทำร้ายประชาชน จากความเกลี่ยดชังเพราะความต่าง “โมเดลการปรองดองของเซ้าท์อาฟริกา” จึงเป็นแบบฉบับของการขอโทษและการให้อภัย ในฐานะมนุษย์ผู้อยู่ร่วมโลก คนทั่วโลกจึงประกาศความยิ่งใหญ่ของแมนเดลล่า โดยไม่ต้องอาศัยการโฆษณาชวนเชื่อ”

“เคยใช้ความรุนแรง แต่ยอมรับโทษ เปลี่ยนแนวความคิดในคุกมาใช้วิธีสันติ และรักษาคำพูดหลังจากนั้นมา น่านับถือมาก”

“ถ้าไม่มีประชาธิปไตย ก็จะไม่มีสันติภาพ คือมันเดลา เขาไม่โกงเหมือนนักการเมืองบ้านเรา เขาต่อสู้เพื่อคนผิวสี แต่คนนั้นต่อสู้เพื่อกระเป๋าตังตัวเอง”

“วีรบุรุษของโลก ต่อสู้เพื่อส่วนรวม ขอให้คุณหลับให้สบาย”

“RIP วีรบุรุษประชาธิปไตยตัวจริง ยอมติดคุก 27 ปีเพื่ออุดมการณ์ ไม่เหมือนบางคนที่เราต่อสู้ ไม่ต้องการเขาอยู่ตอนนี้ ชอบยกตัวเองเทียบเนลสัน ไม่ยอมติดคุกแม้แต่วันเดียว”

เรื่องที่ห้าเมื่อสถานการณ์ทางการเมืองตึงเครียด ชาวเฟซบุ๊กจึงหาวิธีคลายเครียดด้วยการจัดตั้งนายกรัฐมนตรีในฝัน พร้อมด้วยรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ ซึ่งมีการแชร์ภาพการจัดลำดับต่อกันมาก ทั้งในเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม โดยผู้ที่มีคะแนนนำมาเป็นอันดับ 1 เห็นจะได้แก่ “โน้ส อุดม แต้พานิช” ศิลปินตลก นักพูด ที่มีผลงานเดี่ยวไมโครโฟนมาแล้วกว่า 10 ครั้ง และทุกครั้งก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยที่การทอล์คโชว์ของโน้สแต่ละครั้ง จะพูดเสียดสีสถานการณ์บ้านเมืองและการเมือง รวมทั้งบุคคลในวงการการเมือง ได้อย่างโดนใจผู้ฟัง สร้างทั้งแนวคิดและเสียงหัวเราะได้อย่างคุ้มค่าการเข้าชม จึงทำให้โน้ส อุดม แต้พานิช ครองใจแฟนคลับเดี่ยวไมโครโฟน ทั้งรุ่นเล็กและรุ่นใหญ่ และแน่นอนทำให้โน้ส ได้คะแนนนำในการจัดอันดับ (ขำๆ) ในครั้งนี้ ซึ่งหลายคนก็มองว่าเบียดรุ่นใหญ่อย่าง สรยุทธ สุทัศนะจินดา พิธีกรข่าวชื่อดัง ที่เคยครองใจประชาชนเมื่อครั้งสถานการณ์น้ำท่วมไป อย่างขาดลอย

ตามมาด้วย ประธานสภา ที่หลายคนคงอยากให้การประชุมสภาเป็นไปอย่างสนุกสนาน จึงยกตำแหน่งนี้ให้กับศิลปินตลก “หม่ำ จ๊กมก” และรองสภา ได้แก่ “น้าค่อม ชวนชื่น” ซึ่งแน่นอนว่า คงทำให้มองภาพออกว่า ประชาชนชาวไทยคงไม่อยากให้การเมืองต้องเป็นเรื่องเครียดและร้อนระอุขนาดนี้อีกแล้วก็เป็นได้

อย่างไรก็ตาม การจัดลำดับทั้งหมดนี้ เป็นเพียงเรื่องคลายเครียดที่ชาวโซเชียลมีเดียทำขึ้น เพื่อลดสถานการณ์ความตึงเครียดทางการเมืองในขณะนี้ ซึ่งก็ได้รับความสนใจที่จะแชร์ต่อกัน พร้อมแสดงความคิดเห็นเชิงขำขันกันเป็นจำนวนมาก

ที่มาภาพ :https// www.facebook.comemaginfo
ที่มาภาพ :https// www.facebook.comemaginfo

“ขอแชร์ต่อนะคะ ตึงเครียดมาก็มาก หัวเราะบ้างไรบ้าง หน้าจะได้ไม่แก่”

“ค่าของคนอยู่ที่ผลงาน พวกเขาอาจจะทำหน้าที่ได้ดีก็ได้ ใครจะไปรู้ อย่าดูแค่หน้าตา”

“ก็ดีนะ ถ้ามี ครม. ชุดนี้ จริงๆๆ บ้านเราก็คงมีความสุข สงบ เฮฮา ในทุกๆๆวัน”

“เริ่ดอ่ะ คิดได้ยังไง ไม่แน่นประเทศเราจะสุขมากๆ จนชาติอื่นอิจฉาเลย ประเทศชาติจะได้เลิกเครียดซะที”

“ประเทศเราคงจะมีแต่รอยยิ้ม และหัวเราะแน่เลย เพราะรัฐบาลชุดนี้ อารมณ์ดี 55555”

“ชอบๆๆ สยามเมืองยิ้ม อยู่แบบมีนี้ประเทศไทยมีแต่คนอารมณ์ดี ไม่มีความรุนแรง”

“เห็นหน้าตาอย่างนี้อย่าคิดว่าไม่มีคุณภาพนะครับ ลองให้ทำงานดูซิ รับรองดีกว่าที่คุณคิดแน่นอน เพราะประสบการณ์เยอะ มองปัญหาได้ชัดเจน รู้วิธีแก้ปัญหาที่ถูกต้อง และที่สำคัญมีความเป็นกลางทางการเมือง จิตใจสะอาด รักประเทศชาติอย่างมั่นคง มองเห็นความสุขของประชาชนเป็นใหญ่ เคารพประชาชน”