ประเด็นที่ถูกพูดถึงมากสุดในโซเชียลมีเดียในรอบสัปดาห์ 21-27 เม.ย. 2556
เรื่องแรก จากการทำงานของคณะต่อสู้คดีปราสาทพระวิหาร ซึ่งนำโดย นายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์, นายวรเดช วีระเวคิน อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย พร้อมด้วยทีมที่ปรึกษากฎหมายระหว่างประเทศ อาทิ นายอแลง แปลเลต์, นายเจมส์ ครอว์ฟอร์ด, นายโดนัลด์ เอ็ม แม็กเร และนางสาวอลินา มิรอง ที่ได้ทำการประชุมร่วมกับกรมแผนที่ทหารและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่โรงแรมสุโกศล เพื่อสรุปประเด็นการชี้แจงด้วยวาจากรณีกัมพูชาขอให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศตีความคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหารเมื่อปี 2505 รวมทั้งการสรุปเรื่องการส่งเอกสารให้กับศาลโลกเกี่ยวกับพิกัดแผนที่ตั้งปราสาท พระวิหาร
โดยหลังจากได้มีการสรุปเนื้อหาและรายงานต่อนายกรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แล้ว เรื่องนี้สร้างความรู้สึกปลาบปลื้มใจต่อผู้ที่ติดตามข่าวสารของคดีเป็นอย่างมาก ทำให้สาวเดียวในคณะทำงานอย่างนางสาวอลินา มิรอง ทนายความชาวโรมาเนียของฝ่ายไทย กลายเป็นสาวฮอตขวัญใจของชาวไทยไปโดยปริยาย โดยนางสาวอลินาก็มีความรู้สึกปลาบปลื้มใจเป็นอย่างมากที่ได้รับความไว้วางใจจากชาวไทย อีกทั้งยังหยอดคำหวานว่า “ขอให้คนไทยมั่นใจว่าตนเองจะปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ ให้สมกับได้รับความไว้วางใจจากประชาชนชาวไทย”
ส่งผลให้กระแสของสาวอลินาโด่งดังในชั่วข้ามคืน ชาวโซเชียลเน็ตเวิร์กต่างโพสต์เรื่องราวและประวัติของเธอจนกลายเป็นคนดังขวัญใจชาวไทยในขณะนี้
นางสาวอลินา มิรอง อายุ 34 ปี เกิดเมื่อวันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2522 เป็นลูกครึ่งฝรั่งเศสและโรมาเนีย มีความสามารถพูดได้ถึง 6 ภาษา ได้แก่ โรมาเนีย ฝรั่งเศส อังกฤษ อิตาเลียน สเปน และโปรตุเกส เป็นอาจารย์ผู้ช่วยและนักวิจัยทางด้านกฎหมายระหว่างประเทศ ที่มหาวิทยาลัยปาลีอุสน็องเตลาเดฟอง และได้เป็นผู้ช่วยของศาสตราจารย์อแลง แปลเลต์ ทนายความฝ่ายไทยในการต่อสู้คดีระหว่างประเทศหลายคดี นอกจากนี้ยังมีส่วนร่วมในการเป็นทีมกฎหมายให้กับประเทศต่างๆ อีกหลายประเทศ เช่น ญี่ปุ่น นิคารากัว กรีซ รัสเซีย
ประวัติการศึกษา
– ระดับปริญญาตรี ด้านภาษาสมัยใหม่ จากมหาวิทยาลัยคูซ่า เมืองเอียซี่ ประเทศโรมาเนีย
-ระดับปริญญาโท เกียรตินิยมดีมาก ทางด้านกฎหมายระหว่างประเทศ แผนกคดีเมือง ที่มหาวิทยาลัยสังคมศาสตร์ เมืองตูลูส ประเทศฝรั่งเศส
– สำเร็จประกาศนียบัตรชั้นสูง ด้านกฎหมายเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ ที่มหาวิทยาลัย ปาลีอุซลาเดฟอง เมืองน็องเต ประเทศฝรั่งเศส
-ขณะนี้กำลังศึกษาปริญญาเอก ทางด้านกฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีเมือง ที่มหาวิทยาลัย ปาลีอุสน็องเตลาเดฟอง
“ผมเองก็นั่งฟังอยู่เหมือนกันครับ ฟังแล้วก็ชื่นชมเธอ และก็ขอปรบมือให้กับทีมของไทย โดยการนำของท่านวีรชัย พลาศรัย ที่บอกกับคนไทยก่อนหน้านี้ว่าให้ติดตามสนุกแน่ และก็อย่างที่รู้กันนี่แหละว่าสุดยอด”
“คนที่ได้รับมอบหมายหน้าที่แล้วทำได้ดี แม้นว่าไม่ใช่ประเทศของตนเองนั้นน่ายกย่อง มากกว่าเจ้าของประเทศที่ไม่รู้จักคุณค่าของแผ่นดิน แย่งเอาดีใส่ตัวและทะเลาะกันไปมา”
“ไทยเสนอเอกสารและเนื้อหา ที่เกิดจริง ดังนั้นไม่น่าเป็นห่วง แต่ผมว่า ทนายฝ่ายกัมพูชา ก็เก่งไม่เบานะครับ รู้ทั้งรู้ว่าเรื่องราวเป็นมาอย่างไร แต่ก็พยายามสร้างโครง สร้างรายละเอียด หลบ หลีก และซ่อน สิ่งที่ต้องการในคำร้องได้ คือพยายามพูดเรื่องไม่จริงให้เชื่อว่าจริงได้ ถ้าทำสำเร็จก็สุดยอดทนายเลย แต่เสียดายว่าเอาวิชาความรู้มาช่วยฝ่ายผิดเท่านั้น”
“ไม่ว่าคุณจะเป็นใครอยู่ในสถานะใดถ้าคุณมีจรรยาบรรณในอาชีพของคุณ ไม่ว่าชนชาติใดก็จักยอมรับและคาราวะในจิตสำนึกของคุณ”
“ขอขอบคุณ อลินา มิรอง ผู้เชี่ยวชาญด้านแผนที่ ถึงแม้คุณไม่ใช่คนไทย แต่คุณทำเพื่อความถูกต้อง ทำเพื่อคนไทยทุกคน เพื่อรักษาไว้ซึ่งอธิปไตย ขอบคุณจากใจจริง”
“เสียเงินให้กับคนทำงานแบบนี้คุ้มค่าครับ อย่าให้เหมือนนพดล ปัทมะ ที่ยอมศิโรราบแก่ทางกัมพูชา จนประเทศไทยเกือบเสียชื่อ ดีนะที่รัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รู้ทัน สกัดไว้ได้ ไม่งั้นปราสาทพระวิหารไปเป็นของเขมรพร้อมกับแผ่น 4.6 ตารางกิโลเมตรด้วยแน่”
เรื่องที่สอง ชาวโซเชียลเน็ตเวิร์กต่างร่วมไว้อาลัยและยกย่องฮีโร่ของไทยที่ลงไปปฏิบัติหน้าที่ในเขตอำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส กับหน่วยเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด (EOD) เฉพาะกิจนาวิกโยธินทั้ง 3 นาย ที่เสียชีวิตในขณะปฎิบัติภารกิจกู้ระเบิดที่อยู่ในถังแก๊สปิกนิก โดยคนร้ายซ้อนระเบิดไว้ถึง 2 ชั้น ส่งผลให้เรือโท ชัยสิทธิ์ เตชะสว่างวงศ์ หัวหน้าชุด EOD และลูกทีมอีก 2 นาย พ.จ.อ.ทัศนัย ชมพูทวี และ จ.อ.เรวัตร คงนาค เสียชีวิต และมีทหารบาดเจ็บอีก 8 นาย
แม้ครั้งนี้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่วงการทหารไทยต้องสูญเสียผู้กล้าจากเหตุการณ์ไม่สงบทางใต้ แต่ทุกครั้งที่สูญเสีย ก็สร้างความเศร้าสลดให้ครอบคัวผู้เสียชีวิตและประชาชนชาวไทยเป็นอย่างมาก ตั้งแต่เหตุการณ์การสูญเสียผู้กองแคน ร้อยตำรวจเอกธรณิศ ศรีสุข รองผู้บังคับการกองร้อยรบพิเศษที่ 1 กองกำกับการสนับสนุนทางอากาศตำรวจตระเวนชายแดน นายตำรวจหนุ่มหล่อผู้เสียสละชีวิตกลางสมรภูมิแดนใต้ และต่อมาก็ “หมวดตี้” หรือ “ร.ต.ต.กฤตติกุล บุญลือ” วัย 24 ปี รองผู้บัญชาการร้อยตำรวจชายแดน หน่วยเฉพาะกิจ หน่วยรบพิเศษที่ 1 เสียชีวิตในที่เกิดเหตุจากเหตุการปะทะกันกับผู้ก่อความไม่สงบ อีกทั้ง “จ่าเพียร” พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา มือปราบแห่งบันนังสตา ที่ถูกคนร้ายลอบวางระเบิดรถกระบะ และไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลศูนย์ยะลาในที่สุด และ “ผู้กองมะขาม” หรือ ร้อยเอกศิวัช ศรีอุปโย ที่เสียชีวิตจากเหตุลอบวางระเบิดรถยนต์
การสูญเสียเรือโทชัยสิทธิ์ เตชะสว่างวงศ์ วัย 28 ปี ในครั้งนี้ ถือเป็นอีกความสูญเสียที่ต้องยกย่อง เพราะที่ผ่านมา “ผู้หมวดเนท” ถือเป็นทหารที่มีความเสียสละต่อประเทศชาติ ปฏิบัติภารกิจทุกอย่าง อย่างตั้งใจด้วยความเสียสละ และภารกิจครั้งนี้ ผู้หมวดเน็ทเพิ่งประจำการได้แค่ 1 เดือน ทั้งที่ความจริงต้องอยู่ถึง 1 ปีครึ่ง หลังจากที่เพิ่งแต่งงานกับแฟนสาว น้องเมย์ ไปเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2555 ซึ่งเป็นเวลาไม่กี่เดือนเท่านั้นเอง แต่เพราะหน้าที่และความรับผิดชอบต่อประเทศชาตินั้นยิ่งใหญ่กว่าสิ่งอื่นใด ซึ่งผู้หมวดเนทก็มักจะมีข้อความแมนๆ คอยตอบคำถามเพื่อนๆ ถึงการปฏิบัติภารกิจอันยิ่งใหญ่ของเขาอยู่เสมอว่า “เกิดเป็นทหาร ต้องดูแลประชาชน” อีกทั้งบทสนทนาที่บ่งบอกถึงความเป็นตัวตนของลูกผู้ชายคนนี้ ที่เกิดมาเพื่อรับใช้ชาติอย่างแท้จริง
อีกทั้งยังมีข้อความ เดียวที่น้องเมย์ได้โพสต์หลังแฟนหนุ่มเสียชีวิต ในเฟซบุ๊กส่วนตัวที่ใช้ชื่อว่า “Kotchamon NuMay” https://www.facebook.com/netmay?fref=ts คือ
“ขอบคุณทุกคนนะคะที่ให้กำลังใจ ณ จุดนี้หัวใจกำลังจะสลาย เสียใจที่สุดในชีวิต อยากจะเข็มแข็งแต่มันยากเหลือเกิน ไม่ว่าตอนนี้ที่รักจะอยู่ที่ไหนขอให้ที่รักกลับมาหาเค้านะ Net David T_T มันยาก และโหดร้ายจริงๆ”
ชาวโซเชียลเน็ตเวิร์กต่างมีการแชร์ข้อความร่วมไว้อาลัยผู้หมวดเน็ทและให้กำลังใจน้องเมย์กันมากมาย จนมีผู้สร้างแฟนเพจที่ใช้ชื่อว่า “คิดถึง ” เนท ” https://www.facebook.com/ChaiyasitTaechasawangwong เพื่อไว้อาลัยให้การจากไปของผู้หมวดคนกล้า ผู้นี้ด้วย
“คุณคือ…วีรบุรุษของชาติไทย…ขอให้ไปสู่สุขคตินะครับ”
“เกิดมาสมเป็นลูกผู้ชาย ยามจากโลกนี้ไป ชาวไทย”ยกย่อง”เยี่ยงวีรบุรุษ”
“ขอให้ครอบครัวภูมิใจนะครับ ที่มี คนในครอบครัวท่านเสียสละให้แผ่นดินไปแล้ว”
“ขอบคุณที่เสียสละชีวิตอันมีค่า เพื่อคนไทยทุกคนได้หลับสบาย ขอบคุณจริงๆ ขอให้ไปสู่สุคติค่ะ”
“จะเกิดที่ใด ชนชั้นไหนไม่สำคัญ อยู่ที่เราจะใช้ชีวิตที่มีอยู่ และตายอย่างไร
ให้มีคุณค่า ต่อพื้นแผ่นดินเกิด หลับให้สบายนะเพื่อน ”
“อาชีพของเรา คือ อาชีพที่พร้อมที่จะเสียสละ ทุกอย่าง พี่เขาไม่เสีนยใจ หลอกครับ ที่ จบภารกิจแบบนี้ เพราะ เขารู้ว่าสักวันหนึ่งต้องมี แต่ การสูญเสีย ไม่ใช่ สิ่งที่ พวกเราอยากเลือก ถ้าเราเลือกได้จริงๆ เราอยากเลือกให้ กลุ่มผุ้คิดต่าง หรือต้องการจะแบ่งแยก กลับมา ร่วมมือกัน เราไม่อยาก กู้ระเบิดของท่านเราไม่อยาก ทำร้ายท่าน เราไม่เคย ดีใจ ที่ เรา ทำหน้าที่ของเรา และ บรรลุภารกิจ ในพื้นที่นี้ เพราะสิ่งเหล่านี้ มันยืนยันว่า เราไม่รักกัน”
เรื่องที่สาม เป็นคลิปที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา เพื่อจัดทำเป็นวิทยานิพนธ์ โดยนักศึกษามหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าลาดกระบัง คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ชื่อว่า นายกีรติ วรรณเลิศศิริ และได้รับคัดเลือกให้ไปแสดงโชว์ในงานปล่อยแสงของ TCDC ซึ่งเป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้นิสิต นักศึกษา ระดับ ปวช. ปวส. ปริญญาตรี และปริญญาโท ที่กำลังจะจบการศึกษาในปีการศึกษา ไม่จำกัดสาขาวิชาและสถาบัน นำผลงานที่เปี่ยมไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ พร้อมนำต่อยอดในโลกธุรกิจจริง โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
คลิปนี้มีชื่อว่า “จดหมายเหตุกรุงเสีย The Fall of Ayutthaya” ความยาว 7 นาที เป็นการบอกเล่าประวัติศาตร์การเสียกรุงในช่วงกรุงศรีอยุธยา ครั้งที่ 2 บอกเล่าเรื่องราวด้วยภาพและข้อความที่เข้าใจได้ง่าย ทั้งยังสอดแทรกข้อคิดเตือนใจที่เชื่อมโยงกับปัจจุบัน จึงส่งผลให้คลิปนี้มีผู้สนใจเป็นจำนวนมาก
“ดีมากครับ ชมแล้วได้ข้อคิดอันแหลมคม ว่ากรุงศรีฯ แพ้เพราะอะไร เพราะความแตกแยก ความอ่อนแอ เปรียบกับปัจจุบัน ประเทศชาติเกิดความแตกแยก ชาติบ้านเมืองอาจล่มจมดังกรุงศรีฯ เป็นแน่แท้ในไม่ช้านี้ ถ้าไม่หันมาจับมือปรองดองกัน”
“สื่อต่างๆ รายการต่างๆ ที่ออกมาเเนวๆ นี้ให้คนไทยสามัคคีกันออกมาไม่รู้กี่ออกเเล้วจนรู้เเล้วว่าออกสื่อออกมาก็ไม่ช่วยอะไรเหมือนยืนดูคนทะเลาะกัน เเล้วตะโกนบอกให้หยุดก็ไม่หยุดไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะอะไรล่ะ เพราะการเเบ่งเเยกต้องมีฝ่ายดีกับไม่ดีหรือไม่ดีทั้งคู่ก็ต้องโค่นให้หมดทั้ง 2 ฝ่าย เเล้วตั้งขึ้นใหม่เริ่มต้นใหม่ทุกอย่างก็จบ”
“คนกรุงเข้าใจ แล้วยังไง เพราะเราก้อเห็นแต่ประโยชน์ของตัวเอง ทั้งรถคันแรก ทั้งการลดภาษีบริษัท ทั้งค่าแรง 300 บาท รับจำนำข้าว รับจำนำต่าง ๆ นานา ที่ป้อนให้และเราก็โดดงับ อีกทั้งยังแย่งกันมีประโยชน์อีกหลายอย่าง”
“ถ้าทุกคน ซื่อสัตย์ สามัคคี รู้หน้าที่ เข้าใจกฏกติกา รู้จักเกรงใจยอมรับผู้อื่น ให้เกียรติกัน ประเทศคงไม่มีปัญหาเยอะขนาดนี้”
“คลิปดีๆแบบนี้อยากให้คนไทยได้อ่านทุกคน ปลูกจิตสำนึกได้ดี รักประเทศไทยมากขึ้น ขอให้คนไทยสามัคคี”
“ชอบมากๆครับ นำเสนอได้น่าสนใจ ไม่น่าเบื่อ เข้าใจง่าย แนะนำว่าควรมีตอนอื่นๆ ด้วย เป็นกำลังใจให้หนึ่งเสียงครับ”
เรื่องที่สี่ เป็นข่าวดังคึกโครมเมื่ออดีตนักร้องหนุ่มและนายแบบชื่อดัง “นายฮาเวิร์ด หวัง” หรือ วิลลี หวัง หรือ หวังเหว่ยลี่ หรือ หวัง เลี่ยงจิง อายุ 28 ปี อยากแสดงความรักต่ออดีตแฟนสาวด้วยการมาของ้องอนแต่ผิดเวลา เพราะอดีตแฟนสาวนางแบบสุดเซ็กซี่จากนิตยสารชื่อดัง แม็กซิม “เอมี่” อมลวรรณ ศิริกิตติรัตน์ ไม่อยู่บ้านในเวลานั้น ฮาเวิร์ดจึงใช้ข้อศอกของตัวเองทุบกระจกหน้าต่างเพื่อเข้ามาในบ้านของเอมี่ในยามวิกาล ซึ่งฮาเวิร์ดแจ้งว่าที่ทำไปเช่นนั้นเพราะความเป็นห่วง ด้วยเห็นว่าภายในห้องเปิดแอร์ไว้ แต่เรียกอดีตแฟนสาวเท่าไหร่ก็ไม่ตอบ
หลังจากที่เกิดบาดแผลจากการทุบกระจก ฮาเวิร์ดยังได้ใช้เลือดของตัวเองเขียนข้อความไว้ที่ระเบียงว่า “I love you, but you don’t”
จึงทำให้แทนที่สาวเอมี่จะใจอ่อน แต่กลับเกิดความหวาดกลัว จึงเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลาดพร้าว เพราะอดีตแฟนหนุ่ม ฮาเวิร์ด หวัง นั้นมีพฤติกรรมที่รุนแรง เคยมีคดีความเกี่ยวกับยาเสพติดด้วย แต่เรื่องก็ไม่ได้จบแค่นั้น เพราะเมื่อทั้งคู่เจอกันที่โรงพัก ก็ยังมีพฤติกรรมหยอกล้อกัน และมีการโผเข้ากอดกัน ร้องไห้ โดยทางสาวเอมี่แจ้งว่า ตนต้องการแจ้งความเพื่อลงบันทึกประจำวันไว้เท่านั้น แต่เรื่องกลับกลายเป็นว่าหนุ่มฮาเวิร์ดต้องถูกจับกุมในข้อหาลักลอบเข้าเมือง หลังถูกขึ้นบัญชีเป็นบุคคลต้องห้ามเข้ามาในราชอาณาจักรไทย เพราะมีพฤติกรรมที่เป็นภัยต่อสังคม เคยมีคดีครอบครองกัญชา ซึ่งถือว่าเป็นคดีสำคัญ ดังนั้นจึงต้องถูกขึ้นบัญชีดำตามระเบียบ และห้ามเข้าประเทศเป็นเวลา 5 ปี ไม่ว่ากรณีใด ๆ ก็ตาม
เรื่องนี้หลายฝ่ายมีการโจมตีฝ่ายสาวเอมี่ว่า ที่มาแจ้งความและทำให้เป็นข่าวเพราะอยากดัง แต่สาวเอมี่ก็ออกชี้แจงตามสื่อต่างๆ ว่าตนตีตัวออกจากหนุ่มฮาเวิร์ดนานแล้ว ด้วยพฤติกรรมของฝ่ายชายที่ชอบทำร้ายร่างกาย เสพยา เที่ยวกลางคืน แต่สาวเอมี่เองพยายามที่จะให้หนุ่มฮาเวิร์ดเปลี่ยนแปลงเข้าวัดแบบตนแต่ก็ไม่สำเร็จ อีกทั้งไม่เคยคิดจะเกาะกระแสฝ่ายชายดัง เพราะสาวเอมี่เคยคบแฟนที่หล่อและดังกว่านี้มาแล้ว ยังไม่เห็นต้องบอกใครๆ
“ฮาเวิร์ดดูๆ ไปก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรมากมาย แต่แค่ทำอะไรไม่ค่อยคิดถึงผลที่จะตามมาเท่าไหร่ ผลเลยเป็นแบบนี้ ขอเอาใจช่วยให้ปรับตัว แก้ไขในสิ่งที่ทำผิดให้ได้”
“พูดแบบกลางๆ นะ ผู้หญิงบางคนสมัยนี้ก็ไม่ย่อย คบกับผู้ชายทีเดียวหลายคน ชอบแบบนิสัยรุนแรง ขอให้หน้าตาดี อะไรก็ทนได้ เดียวก็เลิกเดียวก็กลับคบกันอีก แต่งตัวก็ชอบเปิดๆ เพื่ออยากโชว์ของสวยๆง ามๆ จึงเป็นเหตุให้มีก่อคดี เพิ่มขึ้นอยู่ทุกวันนี้”
“ตั้งแต่อ่านข้อความมา มีแต่วิจารณ์เรื่องหน้าตาผู้หญิงคนนี้ทุกข้อความเลย ซึ่งเราก็เห็นด้วยนะ เพราะอยากรู้ว่าได้ตำแหน่งมาได้อย่างไร ช่วยอธิบายหน่อยและที่บอกว่ามีหล่อขั้นเทพมาชอบ ใครหรอ บอกหน่อยสิมีหล่อมาชอบด้วยหรอหน้าตาแบบนี้ ฮาเวิร์ดนะ หล่อแล้วนะยังมีหล่อขั้นเทพมาหลงรักเธอ คนนี้อีก ยังไม่เคยเห็นนางแบบคนไหนขี้เหล่เท่านี้เลย”
“แต่เราว่าไม่ให้ประกันตัวนี้ จะโทษมากเกินไปนะ เพราะไม่ใช่คดีที่ร้ายแรง อย่างเช่นก่อการร้าย หรือเผาเมือง หรือค้าอาวุธ หรือค้ายาเสพติด หากคิดว่าคือคนต่างชาติ กลัวหนี ก็ให้วางค่าประกันมากกว่าคนไทยหรือคดีทั่วไปหน่อย”
“ติดคุกไม่จำเป็นต้องให้ฆ่าใครถึงตายก่อนถึงจะติดคุก คุกคามคนอื่นก่อกวนรังควนสร้างความรำคาญรึวาดกลัวก็สามารถติดคุกได้เช่นกัน คนเราบางที ก็เห็นแก่ตัว ตอนทำไม่คิด ทำแล้ว ค่อยมาคิดกลัว”
“น้องฮาเวิร์ดไม่ต้องเครียดนะคะ ทำใจสบายๆ เดี๋ยวมันก็ผ่านไปคิดถึงคุณพ่อคุณแม่นึกถึงพระก็ได้ ลองทบทวนพิจารณาให้ดี ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเรือนจำเป็นสถานที่ให้คนสำนึกผิด เมื่อน้องออกมาแล้วเชื่อว่าอะไรๆจะดีขึ้น บางทีนี่อาจจะเป็นโอกาสอันดีในชีวิตของเรา ขอให้น้องใจเย็นๆนะ แผ่เมตตา และ อย่าจองเวรนะคะ”
เรื่องที่ห้า อีกหนึ่งคลิปที่มีผู้วิพากษ์วิจารณ์กันมากในสัปดาห์นี้ กับคลิปที่มีชื่อว่า “แดงไบเล่ VS Fallen Team” ความยาว 1.39 นาที โดยเนื้อหาภายในคลิปเกิดขึ้นบริเวณหมู่บ้านการ์เด้นโฮม กม. 26 เป็นเหตุการณ์การมีปากเสียงกัน ซึ่งตามข่าวรายงานว่าคือกลุ่ม Fallen Team ซึ่งเป็นสุดยอดนักสเก็ตบอร์ดระดับโลก ที่เดินทางมาร่วมงานกิจกรรมกีฬาเอ็กซ์ตรีมที่จัดขึ้นในประเทศไทย และได้ถ่ายวิดีโอ โดยใช้สถานที่ต่างๆ ในไทย
แต่ระหว่างการถ่ายทำที่หมู่บ้านการ์เด้นโฮม เจ้าหน้าที่ดูแลตึกออกมาไล่ และไม่อนุญาตให้ถ่ายวิดีโอ เพราะกลัวจะว่าจะเกิดความเสียหายขึ้น แต่พฤติกรรมที่ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ก็เพราะว่า เจ้าหน้าที่แสดงท่าทีที่ไม่มีมารยาท รวมทั้งใช้คำพูดที่หยาบคาย อีกทั้งหลายความเห็นมองว่าการที่กลุ่ม Fallen Team เข้ามาถ่ายวิดีโอประกอบการเล่นสเก็ตบอร์ดในเมืองไทย เป็นการช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ให้กับประเทศไทย
“เคยเห็น พวกนี้เล่นไหมครับ เขาไม่ได้เล่นกับพื้นธรรมดาแต่เล่นกับ ราว กระโดด ใส่ ตกลงมาทีก็เสียงดัง ราว ยุบเป็นรอย ถ้าโดนรถ คนในอาคาร เสียหาย จะเป็นอย่างไรครับ ผมเชื่อว่าถ้าบอก ดีๆ แล้วไป เรื่องคงจบแล้ว ลุงคงไม่ถือไม้มาหรอกครับ คลิปมันตัดมาแค่นี้หรือเปล่า”
“ภาพลักษณ์ประเทศไทยเสียหาย เพราะกลุ่มคนบางส่วน แต่โดยรวมเป็นสิบล้านทั่วโลกนั่นคือกลุ่มกีฬา EXTREME คงได้ดูคลิปนี้แน่นอน กลุ่มคนเหล่านี้อาจจะดูเป็นเด็กแต่กำลังในการจ่ายเงินสูงกว่าคนต่างชาติทั่วไปแน่นอน พวกยามกลุ่มนี้ได้ทำผิดพลาดอย่างไม่น่าให้อภัยจริง ๆ ”
“บอกเค้าดีๆ ไม่เป็นหรือไง ต้องถือเหล็กถือไม้ด้วย ดูจากสภาพแล้วเมาด้วยแน่”
“เห็นใจคนดูแลอาคารเถอะ ถ้าเกิดความเสียหาย พวกเขาต้องรับผิดชอบนะ”
“ผิดถูกไม่รู้นะ แต่การแสดงกำลังข่มขู่ นั้นรับไม่ได้ พูดกันดีๆ ก็คงรู้เรื่อง ทำกร่างแบบอันธพาลการเมืองไม่ไหวจริงๆ”
“ผมรู้ผมเข้าใจว่าไม่สมควร ต้องขออนุญาติ แต่การกระทำแบบนี้มันสมควรหรอครับ มันแสดงถึงภาพลักษณ์ ทำไมไม่พูดกันดีๆ ล่ะครับ ถ้าพูดกันดีๆ เรื่องอาจจะไม่เกิด ดีต่อทั้งสองฝ่ายด้วย”