ThaiPublica > ประเด็นสืบสวน > เปิดสัญญาจัดซื้อจัดจ้าง “องค์การค้าของสกสค.” ภาคพิเศษ

เปิดสัญญาจัดซื้อจัดจ้าง “องค์การค้าของสกสค.” ภาคพิเศษ

12 ธันวาคม 2011


จากการที่สำนักข่าวออนไลน์ไทยพับลิก้าเปิดซีรี่ส์ผ่ากระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง ทำให้ผู้ที่มีเบาะแสและหลักฐานการจัดซื้อจัดจ้างได้ส่งเอกสารและข้อมูลให้ กรณีองค์การค้าคุรุสภา โดยแหล่งข่าวจากองค์การค้าคุรุสภา เปิดเผยว่า ในช่วงเดือนเมษายน 2554 ที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ ทำให้มีโรงเรียนและสถานศึกษาหลายแห่งได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก ปรากฏว่าที่องค์การค้าคุรุสภาหน่วยงานในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา(สกสค.) หรือเรียกว่าองค์การสกสค. แต่เป็นที่รู้จักกันดีในนามขององค์การค้าคุรุสภา หรือร้านศึกษาภัฑณ์พาณิชย์ ก็ได้มีกระบวนการทำสัญญาจัดซื้อจัดจ้างแบบวิธีพิเศษเกิดขึ้น โดยมีการแต่งตั้งนางพรทิพย์ เขมะรัตน์ ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นผู้ประสานการขายองค์การค้าสกสค.ในเขตกรุงเทพฯและพื้นที่ที่นางพรทิพย์มีความคุ้นเคย

เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อนางพรทิพย์มีหนังสือมาถึงสำนักบริหารการตลาดและการขาย ลงเลขรับที่ 47068 มีสาระสำคัญว่า นางพรทิพย์นั้นมีความคุ้นเคยกับส่วนราชการ โรงเรียนและสถานศึกษาต่างๆ และเห็นว่าศึกษาภัณฑ์พาณิชย์เป็นร้านบริการด้านการศึกษา จึงมีความประสงค์จะให้องค์การค้าของสกสค.แต่งตั้งตนเองเป็น “ผู้ประสานการขายหรือตัวแทนขายสินค้า” ให้กับองค์การค้าฯในเขตกรุงเทพฯและพื้นที่ที่นางพรทิพย์มีความคุ้นเคย

ทั้งนี้นางพรทิพย์ได้ประสานงานไปยังไทยทีวีสีช่อง 3 ซึ่งจะได้รับการสนับสนุนอุปกรณ์การเรียนการสอนต่างๆให้กับโรงเรียน 158 แห่ง ที่อยู่ในจังหวัดกระบี่ นครศรีธรรมราช และชุมพร โดยจะสั่งซื้ออุปกรณ์การเรียนการสอนเหล่านี้กับองค์การค้าของสกสค. จึงขอให้แต่งตั้งนางพรทิพย์เป็นผู้ประสานการขายกับองค์การค้าสกสค.ในครั้งนี้

จากนั้นในวันที่ 25 พฤษภาคมที่ผ่านมา เรื่องนี้ได้ส่งขึ้นมาถึงนายสันติภาพ อันทรพัฒน์ ผู้อำนวยการองค์การค้าของสกสค. และได้ลงนามอนุมัติคำสั่งแต่งตั้งนางพรทิพย์เป็นผู้ประสานการขาย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 25 พฤษภาคม 2554 ถึงวันที่ 24 พฤษภาคม 2555

ต่อมาวันที่ 15 มิถุนายน 2554 มีการนัดเซ็นต์สัญญารวบรวมใบสั่งซื้อสินค้าและจัดส่งสินค้า (สัญญาเลขที่ 145/2554 ลว.15มิ.ย.54) ในสัญญาระบุให้เป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้าขององค์การค้าสกสค.ให้กับ “โรงเรียนและทุกหน่วยงานภายในกรุงเทพมหานคร” ที่สัญญากำหนดเช่นนี้เข้าใจว่าผู้สั่งซื้อสินค้ามีสถานประกอบการอยู่ในกรุงเทพฯ

แต่ที่เป็นประเด็นสำคัญคือ ในสัญญาการจัดซื้อจัดจ้างครั้งนี้ กำหนดให้นางพรทิพย์ ผู้รับจ้าง “จะต้องเป็นผู้จัดหาพาหนะ และรับภาระค่าใช้จ่ายในการจัดส่งสินค้าตามใบสั่งซื้อเองทั้งหมด หากผู้รับจ้างไม่ทำการขนส่ง หรือไม่จัดส่งสินค้า ผู้ว่าจ้างมีสิทธิบอกเลิกสัญญาฉบับนี้และเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้รับจ้างได้”

โดยองค์การค้าสกสค.จะจ่ายค่าจ้างให้กับนางพรทิพย์ไม่เกินอัตราส่วนลดสูงสุดของสินค้า (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ที่องค์การค้าสกสค.เป็นผู้ผลิตและเป็นตัวแทนจำหน่าย ยกเว้นหนังสือแบบเรียนบังคับ หรือสินค้าที่มีต้นทุนการจัดซื้อหรือการผลิตสูง ทางองค์การค้าสกสค.จะพิจารณาอัตราส่วนลดเป็นรายกรณีๆไป ซึ่งนางพรทิพย์จะได้รับเงินค่าจ้างภายใน 30 วัน

ต่อมาทาง”ครอบครัวข่าวช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย 54 ไทยทีวีสีช่อง 3″ ได้สั่งซื้อหนังสือและอุปกรณ์การเรียนการสอน เพื่อนำไปแจกโรงเรียนที่ประสบอุทกภัย 158 แห่ง ผ่านนางพรทิพย์ คิดเป็นเงิน 3,781,800 บาท

จากนั้นเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2554 ทางองค์การค้าสกสค.ได้ทำเรื่องขอเบิกเงินค่าประสานการขายเป็นจำนวนเงิน 757,229.20 บาท ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนถึง 20 % ของยอดการสั่งซื้อ โดยนางพรทิพย์ ได้แจ้งให้องค์การค้าสกสค.หักค่าใช้จ่ายในการจัดส่งและค่าขนส่งออกจากส่วนลดที่นางพรทิพย์จะได้รับออกไป

ปรากฏว่า สำนักบริหารการเงินและบัญชี ขององค์การค้าสกสค.ไม่สามารถอนุมัติเงินค่าประสานการขายให้กับนางพรทิพย์ได้ เพราะนางพรทิพย์ไม่ปฏิบัติตามสัญญาจ้างที่ตกลงกันไว้เมื่อวันที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมา กำหนดให้ผู้รับจ้าง “เป็นผู้จัดหาพาหนะ และรับภาระค่าใช้จ่ายในการจัดส่งสินค้าตามใบสั่งซื้อเองทั้งหมด” ขณะที่องค์การค้าสกสค.ไม่เคยมีหลักเกณฑ์ตามที่นางพรทิพย์ร้องขอ (หักค่าขนส่งออกจากค่าประสานการขาย)

วันที่ 22 กรกฎาคมที่ผ่านมา ทางสำนักบริหารการตลาดการขาย จึงต้องทำบันทึกข้อความด่วนที่สุด เพื่อขออนุมัติจ่ายเงินให้กับนางพรทิพย์เป็นกรณีพิเศษ โดยเนื้อหาของบันทึกข้อความฉบับนี้ ระบุว่า การขายผ่านผู้ประสานการขายเป็นกลยุทธ์การขายที่จะช่วยลดข้อจำกัดในการแข่งขันกับเอกชนที่เป็นคู่แข่งได้ องค์การค้าของสกสค. มีช่องทางในการจำหน่ายหลายช่องทางดังนี้

ในกรณีนี้ผู้ประสานการขายไม่ได้จัดส่งสินค้าจากองค์การค้าสกสค.ไปให้ลูกค้า แต่ได้ทำหนังสือยินยอมให้หักค่าขนส่งออกจากส่วนลดการขาย ซึ่งองค์การค้าสกสค.ไม่ได้เสียประโยชน์ เมื่อเปรียบเทียบกับช่องทางการขายอื่นๆ แต่เนื่องจากสัญญาจ้าง (สัญญาเลขที่ 145/2554 ลว.15มิ.ย.54) ไม่ได้ระบุไว้ ดังนั้นเพื่อให้เป็นหลักการและแนวทางปฎิบัติในการเบิกจ่ายเงินครั้งต่อไป ทางองค์การค้าสกสค.จึงทำเรื่องขออนุมัติให้มีการจ่ายเงินค่าประสานการขายแก่นางพรทิพย์ เขมะรัตน์ เป็นกรณีพิเศษ และอนุมัติหลักการและแนวทางในการปฎิบัติ กรณีที่ผู้ประสานการขายไม่สามารถมารับสินค้าเพื่อจัดส่งให้ลูกค้าได้ แต่ผู้ประสานการขายจะต้องทำเรื่องแจ้งความประสงค์ให้หักค่าขนส่งออกจากส่วนลดที่จะได้รับ โดยนายสันติภาพ อินทรพัฒน์ ผู้อำนายการองค์การค้าสกสค.ลงนามอนุมัติหลักเกณฑ์ใหม่ไปเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคมที่ผ่านมา