นายกฯ ประกาศยกระดับการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ เข้มชายแดนกัมพูชา

นายกฯ ประกาศยกระดับการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ เข้มชายแดนกัมพูชา “สกัดนักเล่น-คุมเส้นทางบิน-ตัดเน็ตใต้น้ำ-คว่ำบาตรฟอกเงิน-ระงับส่งออกน้ำมัน-ไฟฟ้า”

วันนี้ (23 มิ.ย. 68) เวลา 15.20 น. ภายหลังการเป็นประธานการประชุมติดตามมาตรการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีร่วมแถลงข่าวอาชญากรรมข้ามชาติ โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม, นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ, พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม, นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย, พลเอก ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด, พลเอก ธงชัย รอดย้อย เสนาธิการทหารบก (เสธ.ทบ.), นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย, นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ, พลตำรวจเอก ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ, นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์, นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ รักษาการแทน เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (เลขาธิการ กสทช.) และนายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเข้าร่วม สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

นายกรัฐมนตรีกล่าว่า รัฐบาลประกาศยกระดับการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ โดยที่ไทยอาสาเป็นเจ้าภาพในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติในการหาความร่วมมือกับนานาประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ที่กระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน รวมไปถึงความเชื่อมั่นของประเทศไทยในระดับนานาชาติ ซึ่งข้อมูลของ UN หรือสหประชาชาติ ระบุว่า กัมพูชาถือเป็นแหล่งศูนย์รวมอาชญากรรมระดับโลกที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ โดยมีมูลค่ากว่า 600,000 ล้านบาท/ปี

นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า ประเทศไทย โดยหน่วยงานความมั่นคงทุกหน่วยงาน กระทรวง DE กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ เร่งดำเนินการปราบปรามอย่างเด็ดขาดตามแนวชายแดน โดยได้กำหนดมาตรการดังนี้

ด้านความมั่นคง จะเพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมการเข้า-ออก จุดผ่านแดน ทั้งการจำกัดเวลาเปิด-ปิดด่านชายแดน 7 จังหวัด ห้ามรถยนต์ และบุคคลเข้า-ออก ยกเว้นในกรณีมีเหตุจำเป็นชัดเจน เช่น นักเรียน นักศึกษา คนป่วย และการจับจ่ายที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต นอกจากนี้ ห้ามให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไปเล่นการพนันในพื้นที่ชายแดน รวมถึงการเข้มงวดการเดินทางโดยเครื่องบินไปยังเสียมราฐ เพื่อไปเล่นการพนัน 

ด้านอาชญากรรมทางเทคโนโลยี กระทรวง DE โดยศูนย์ AOC จะดำเนินการตรวจสอบบัญชีม้า และเส้นทางการเงิน ที่เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติอย่างเข้มงวด รวมถึงการระงับการบริการอินเทอร์เน็ต และประตูอินเทอร์เน็ตใต้น้ำ ที่ไปยังหน่วยงานทางการทหาร และความมั่นคงของรัฐบาลกัมพูชาทั้งหมด นอกจากนี้ จะต้องร่วมมือกับทาง ปปง. (สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน) ในการสร้างมาตรการคว่ำบาตรผู้ที่เป็นอาชญากรข้ามชาติที่พบว่ามีการฟอกเงิน รวมถึงการยึดหรืออายัดทรัพย์สินที่โยกย้ายไปต่างประเทศด้วย

ด้านการส่งออกไฟฟ้า น้ำมัน และสินค้าผ่านชายแดน ต้องระงับการส่งออกสินค้าที่เกื้อหนุนต่อกิจกรรมของกลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพิจารณาถึงความเหมาะสมในการระงับการส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิงไปยังกัมพูชา ที่จะนำเอาไปใช้ในกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย

ด้านการพาณิชย์ กระทรวงพาณิชย์มีมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร และ SME ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดน โดยขอความร่วมมือกับภาครัฐและภาคเอกชนในการรับซื้อสินค้า

ด้านการประสานความร่วมมือกับนานาชาติ กระทรวงต่างประเทศ จะประสานกับประเทศต่างๆ และองค์กรระหว่างประเทศ ในการปราบปรามเครือข่ายอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยให้ไทยเป็นศูนย์กลางปฏิบัติการร่วมในภูมิภาค

“ดิฉัน ได้กำหนดให้ทุกภาคส่วนในการกำหนดไทม์ไลน์และตั้ง KPI ในการดำเนินมาตรการอย่างชัดเจน โดยขอให้ภายใน 3 เดือน สถิติการแจ้งความของคนไทย ความเสียหาย การยึดทรัพย์ และการดำเนินคดีเครือข่าย จะต้องเห็นผลลดลงอย่างเป็นรูปธรรม รัฐบาลขอย้ำว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับปัญหานี้ที่จะต้องเร่งแก้ไขให้หมดไปโดยเร็ว และให้มีการสื่อสารที่ถูกต้องกับพี่น้องประชาชน” นายกรัฐมนตรีกล่าว