ศาลให้ประกันตัวนายทักษิณ ชินวัตร คดี ม.112 โดยไม่มีเงื่อนไข ใช้วงเงิน 5 แสนบาท นัดไต่สวนพยานอีกครั้งวันที่ 19 สิงหาคม ขณะที่ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ยื่นประกันเยาวชนคดี ม.112 และคดีการเมือง 12 ราย หลังยื่นขอประกันตัวมาแล้ว 10 ครั้ง แต่ยังไม่ได้รับการประกันตัว

หลังจากวันที่ 29 พ.ค. 2567 ที่ผ่านมาสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) แถลงความเห็นสั่งฟ้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในความผิดตามมาตรา 112 และนายทักษิณขอเลื่อนพบอัยการเนื่องจากป่วยเป็นโควิด-19 ซึ่งอัยการนัดใหม่อีกครั้งในวันที่ 18 มิ.ย.2567
เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 2567 นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางถึงศาลอาญา ก่อนเวลา 09.00 น. โดยได้นั่งรถยนต์มาเข้ารับฟังคำสั่งฟ้องตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ตามที่อัยการสูงสุดนัดไว้
บรรยากาศบริเวณหน้าศาลอาญา มีกลุ่มคนเสื้อแดงจำนวนหนึ่งเดินทางมาให้กำลังใจ ขณะที่นายทักษิณ ได้เดินทางรับฟังคำสั่งศาล เข้าทางด้านข้างบริเวณของศาล โดยไม่ได้เดินทางไปที่สำนักงานอัยการสูงสุดตามขั้นตอน
หลังศาลอาญาได้อ่านคำฟ้องของสำนักงานอัยการสูงสุด โดยทนายความของนายทักษิณได้ขอยื่นประกัน และศาลได้พิจารณาอนุญาตให้ประกันตัวนายทักษิณวงเงินประกัน 5 แสนบาท โดยนัดไต่สวนพยานอีกครั้งวันที่ 19 สิงหาคม เวลา 09.30 น.
สำหรับรายละเอียดการประกันตัวครั้งนี้ ศาลพิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดีแล้วเห็นว่า จำเลยให้การปฏิเสธมาตลอด อายุมาก ได้รับการปล่อยชั่วคราวในชั้นสอบสวนมีที่พักอาศัยเป็นหลักแหล่งแน่นอนอยู่กับครอบครัว ประกอบกับโจทก์ไม่คัดค้านการปล่อยชั่วคราวมีเหตุสมควรเชื่อว่าหากได้รับการปล่อยชั่วคราวระหว่างพิจารณา จำเลยจะหลบหนีหรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานหรือไปก่อเหตุอันตรายประการอื่นหรือขัดขวางการพิจารณาของศาลอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยระหว่างพิจารณาโดยให้ตีราคาหลักประกัน 500,000 บาท กับให้จำเลยวางหนังสือเดินทางยึดหนังสือเดินทาง และหลักประกันทำสัญญาห้ามจำเลยเดินทางออกนอกราชอาณาจักรเว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาลแจ้งสตม.ทราบตรวจคือหลักประกันเมื่อสัญญาประกันสิ้นผลผูกพัน
ต่อมานายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของนายทักษิณ ชินวัตร ได้ให้สัมภาษณ์ ขอขอบคุณต่อศาลที่พิจารณาคำร้องปล่อยตัวชั่วคราว โดยมีเงื่อนไขการประกันตัวยึดหนังสือเดินทางของนายทักษิณ หากจะเดินทางไปต่างประเทศจะต้องขออนุญาตต่อศาลเป็นครั้งๆไป เป็นเงื่อนไขตามขั้นตอนที่ศาลเคยพิจารณาตามขั้นตอนการประกันตัว ซึ่งหนังสือเดินทางที่จะใช้ในการวางต่อศาลนั้นเป็นของประเทศไทย ส่วนของต่างประเทศไม่สามารถวางได้เนื่องจากไม่ได้ใช้มานานแล้ว
ส่วนกรณีที่มีข่าวว่า ศาลมีเงื่อนไขไม่ให้ทักษิณแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเงื่อนไขการประกันตัวและความเห็นเกี่ยวกับมาตรา 112 นั้น นายวิญญัติ กล่าวว่า ไม่มีเงื่อนไขเรื่องการห้ามพูดถึงมาตรา 112 เพียงแค่ต้องระวังไม่ให้พูดอะไรในการที่จะหมิ่นประมาทศาล
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงข้อหาที่อัยการยื่นฟ้องต่อศาลทั้งสองข้อหานั้น ทนายความหนักใจหรือไม่ นายวิญญัติ กล่าวว่าไม่มีความหนักใจ เพราะการแสวงหาพยานหลักฐานหรือบุคคลที่จะมาร่วมกระทำความผิดยังไม่ทราบว่าเป็นใครจึงไม่มีความหนักใจ
นายวิญญัติ ระบุว่า ศาลจะนัดตรวจพยานหลักฐานในวันที่ วันที่ 19 ส.ค.2567 ซึ่งหลักฐานที่ทางพนักงานสอบสวนและอัยการมายื่นฟ้องต่อศาลนั้นไม่ได้ทำการสอบสวนให้สิ้นกระแสความถือว่าพยานหลักฐานยังไม่สมบูรณ์หลายประการ
“หลักฐานและข้อกล่าวหาไม่สมบูรณ์ ไม่ทำการแสวงหาหลักฐานที่ควรจะเป็น เพื่อการค้นหาความจริงให้ปรากฏต่อศาล ผมมั่นใจว่านายทักษิณ ไม่ได้กระทำความผิด และฝากถามกลับไปยังอัยการว่าจะรับผิดชอบต่อเรื่องนี้อย่างไร”
“อัยการ” ยันฟ้องตามขั้นตอนไม่เลือกปฏิบัติ
อย่างไรก็ตามก่อนหน้าที่ศาลจะพิจารณารับฟ้องเวลา 09:00 น. ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ได้แถลงรายละเอียดคำสั่งฟ้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ หรือ ม.112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ โดยมีนายประยุทธ เพชรคุณ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด พร้อมด้วย นายนาเคนทร์ ทองไพรวัลย์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ร่วมกันแแถลงข่าว
นายประยุทธกล่าวว่าเมื่อเวลา 08:56 น. นายวิพุธ บุญประสาท อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 8 ในฐานะหัวหน้าพนักงานอัยการที่ได้รับมอบหมายจากอัยการสูงสุด ให้เป็นผู้รับผิดชอบคดีได้ส่งฟ้อง นายทักษิณ ต่อศาลอาญา ตามข้อกล่าวหาดังกล่าวข้างต้นเรียบร้อยแล้ว โดยศาลประทับรับฟ้องไว้ตามหมายเลขคดีดำที่ อ.1860/2567 ซึ่งบัดนี้คดีได้เข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาลอาญาแล้ว
ส่วนในแนวทางปฏิบัติทางกฎหมายนายทักษิณหรือผู้ต้องหา หรือ ไม่ว่าใครก็ตาม หากได้รับการอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวในชั้นอัยการ โดยมีสัญญาประกัน จนกว่าศาลจะได้รับตัวต่อจากพนักงานอัยการเมื่อส่งตัวฟ้อง และ เมื่อศาลประทับรับฟ้องก็จะกลายเป็นจำเลยตามขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งนายประกันได้มารายงานตัวกับพนักงานอัยการผู้รับผิดชอบคดี และมีตัวผู้ต้องหาไปส่งฟ้องต่อศาลถือว่าเป็นการทำตามขั้นตอนทุกอย่าง
นายประยุทธ กล่าวว่า ขั้นตอนการส่งตัวฟ้องศาลของนายทักษิณครั้งนี้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ไม่ได้เป็นการเลือกปฏิบัติหรือการอำนวยความสะดวกให้แก่อภิสิทธิ์ชนหรือสองมาตรฐานตามที่สังคมเข้าใจ
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่านายทักษิณได้ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรม กับสำนักงานอัยการสูงสุดก่อนหน้านี้ นายประยุทธ์ ยืนยันว่า ไม่มีหนังสือดังกล่าวผ่านมาที่สำนักงานอัยการสูงสุด

ศูนย์ทนายสิทธิ ยืนประกันเยาวชน ม.112
ในวันเดียวกัน ที่ศาลอาญา นายกฤษฎางค์ นุตจรัส หรือทนายด่าง ทนายความด้านสิทธิมนุษยชน ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้เดินทางมายื่นคำร้องไต่สวนการตายของนางสาวเนติพร เสน่ห์สังคม หรือ บุ้ง ทะลุวัง และยื่นขอประกันตัวผู้ต้องขังคดีทางการเมือง และยื่นคำร้องขอประกันตัวผู้ต้องขังคดี ม.112 จำนวน 6 คดีและคดีการเคลื่อนไหวทางการเมืองอีก 4 คดีที่ไม่ได้รับอนุญาตจากศาลให้ประกันตัวซึ่งตรงกับที่นายทักษิณ ชินวัตร ต้องมาศาลในคดีม.112 เหมือนกัน
“ไม่ได้มีเจตนามายื่นประกันตัววันเดียวกับ คุณทักษิณ แต่มีการนัดหมายกันอยู่ก่อนแล้ว โดยเดินทางมายื่นประกันผู้ต้องขังทางการเมือง และคดี 112 จำนวน 10 คน ส่วนอีก 2 คน เป็นคดีในศาลอาญากรุงเทพใต้ ซึ่งที่ผ่านมามีการยื่นประกันตัวหลายครั้งแต่ศาลมีเหตุไม่ให้ประกันตัวด้วยเหตุผลว่าเกรงจะหลบหนี เนื่องจากเป็นคดีมีโทษสูง ซึ่งก็ยืนยันกับศาลว่าบางคนเป็นนักศึกษาปริญญาโทไม่หลบหนีหรอกยังเรียนหนังสืออยู่จะหนีได้อย่างไร ทั้งนี้ได้ยื่นไปทั้งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์แต่ไม่รับพิจารณา”
นายกฤษฎางค์กล่าวว่า โดยหลักของกฎหมายที่ยุติธรรมนายทักษิณต้องได้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ สิทธิในการประกันตัวปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างสู้คดีเป็นสิทธิของเขาอยู่แล้วเหมือนกับคดีของเยาวชนที่ต้องได้รับการพิจารณาเช่นเดียวกัน เพราะรัฐธรรมนูญและประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาระบุไว้ชัดเจนว่าการคุมขังคนไว้ระหว่างการพิจารณาคดีทำไม่ได้ เว้นแต่ป้องกันการหลบหนี แต่คดีของเยาวชนทั้งหมด 12 รายไม่เคยมีพฤติการณ์หลบหนีเพราะฉะนั้นต้องให้สิทธิ์เขาออกมาต่อสู้คดี
“วันนี้ก็จะเป็นบทพิสูจน์อันหนึ่งของกระบวนการยุติธรรมว่าดุลพินิจในการปล่อยตัวชั่วคราวเป็นไปตามหลักกฎหมายหรือไม่ เพราะคดีของนายอานนท์ นำภา ยื่นขอประกันมามากถึง 10 ครั้ง และคดีของเยาวชนยื่นขอประกันไปแล้วมากกว่า 4 ครั้ง”