EXIM BANK ชี้ปัญหาโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศรุนแรงขึ้น เพิ่มต้นทุนทางธุรกิจมากขึ้น พร้อมร่วมมือกับภาครัฐและภาคเอกชน เร่งขยายสินเชื่อปรับปรุงกระบวนการผลิต ช่วยธุรกิจไทยเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและปฏิบัติตามมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม
ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า ปัญหาภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศส่งผลให้เกิดภัยธรรมชาติที่รุนแรงและบ่อยครั้งทั่วโลก กระทบต่อความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สิน บั่นทอนการพัฒนาทั้งในมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังเพิ่มต้นทุนการดำเนินงานของทุกภาคส่วน โดย The Economist Intelligence Unit (EIU) หน่วยงานวิเคราะห์เศรษฐกิจชั้นนำของโลก คาดการณ์ว่า ภายในปี 2593 ภาวะโลกร้อนจะเพิ่มต้นทุนทางเศรษฐกิจโดยตรงต่อโลกถึง 7.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่ผ่านมาจึงเกิดความพยายามที่จะบูรณาการความร่วมมือกันทั้งในระดับประเทศและระหว่างประเทศ มีการกำหนดเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และก๊าซเรือนกระจก อาทิ การประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 26 (COP26) ที่เมืองกลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์ ได้บรรลุข้อตกลงเพื่อควบคุมปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและผลักดันการยุติการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งประเทศไทยกำหนดเป้าหมายที่จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อขับเคลื่อนให้ประเทศสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ (Carbon Neutrality) ภายในปี 2608
ขณะที่สหภาพยุโรป (EU) กำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมใหม่ โดยมีกลไกการทำงานที่เรียกว่า กลไกการปรับคาร์บอนข้ามพรมแดน (Carbon Border Adjustment Mechanism : CBAM) กำหนดหลักการลดความได้เปรียบด้านต้นทุนของสินค้านำเข้าจากประเทศนอก EU ส่วนสหรัฐฯ และประเทศอื่น ๆ อยู่ระหว่างการพิจารณาออกมาตรการที่มีแนวทางการเรียกเก็บภาษีนำเข้าตามการปล่อยคาร์บอน มาตรการเหล่านี้จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคธุรกิจและ Supply Chain ของระบบเศรษฐกิจโลก ทำให้ผู้ส่งออกของแต่ละประเทศ รวมถึงผู้ส่งออกไทย ต้องเร่งปรับปรุงกระบวนการผลิตเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกหรือซื้อคาร์บอนเครดิตเพื่อชดเชย
ดร.รักษ์กล่าวว่า EXIM BANK ในฐานะธนาคารเฉพาะกิจของรัฐที่มีบทบาทสนับสนุนการพัฒนาประเทศและส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างประเทศ ให้ความสำคัญกับการทำหน้าที่พลเมืองที่ดีของโลก จึงดำเนินธุรกิจภายใต้การกำกับดูแลที่ดีและการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมในกระบวนการทำงาน มุ่งตอบสนองความต้องการและความคาดหวังของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย สู่เป้าหมายการเป็นธนาคารที่รับผิดชอบและยั่งยืน โดยดำเนินภารกิจ “ซ่อม สร้าง เสริม และสานพลัง” การพัฒนาภาคอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะในปัจจุบันซึ่งเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัว การเร่งสร้างอุตสาหกรรมสู่อนาคตจึงดำเนินไปเพื่อตอบโจทย์ดังกล่าว
โดยการเปลี่ยน “แรงกดดันของปัญหาและมาตรฐานใหม่ด้านสิ่งแวดล้อม” เป็น “โอกาสทางธุรกิจ” ที่จะเติบโตไปด้วยกันกับสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน EXIM BANK จึงได้กำหนดและดำเนินนโยบายด้านการบริหารจัดการการเงินอย่างมีความรับผิดชอบ มุ่งสนับสนุนธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากความท้าทายในมิติสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลที่ดี (Environmental, Social, Governance : ESG) และธุรกิจที่มุ่งให้เกิดผลตอบแทนทางการเงิน ควบคู่กับผลตอบแทนด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม อาทิ ธุรกิจสีเขียว และพลังงานทดแทน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ที่ผ่านมา EXIM BANK สนับสนุนทางการเงินให้แก่ธุรกิจพลังงานทดแทนมากกว่า 194 โครงการ กำลังการผลิต 6,455 MW โดยเป็นการสนับสนุนทางการเงินรวม 57,392 ล้านบาท สร้างมูลค่าการลงทุน 373,572 ล้านบาท ทำให้ปัจจุบัน EXIM BANK มีสัดส่วนการสนับสนุนทางการเงินแก่ธุรกิจสีเขียวประมาณ 1 ใน 3 ของยอดคงค้างสินเชื่อโดยรวม
ดร.รักษ์กล่าวต่อว่า EXIM BANK ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยสามารถปรับตัวตามหลัก ESG และมาตรฐานสากลด้านสิ่งแวดล้อม รวมถึงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก อาทิ “สินเชื่อ EXIM Biz Transformation Loan” สนับสนุนการลงทุนเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพในกระบวนการผลิต อัตราดอกเบี้ยต่ำสุด 2% ต่อปี วงเงินกู้สูงสุด 100 ล้านบาทต่อราย ระยะเวลาผ่อนสูงสุด 7 ปี และ “สินเชื่อ Solar Orchestra Loan” โดยความร่วมมือระหว่าง EXIM BANK กับองค์การบริหารก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) บริษัท ผลิตไฟฟ้าและพลังงานร่วม จำกัด และบริษัท นีโอ คลีน เอนเนอร์ยี่ จำกัด เพื่อสนับสนุนการลงทุนติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา พร้อมขึ้นทะเบียนขายคาร์บอนเครดิตให้แก่ผู้ประกอบการไทย ภายใต้การสนับสนุนเงินทุนจาก EXIM BANK 100% ของมูลค่าการลงทุน อัตราดอกเบี้ยต่ำสุด 2.75% ต่อปี ระยะเวลาผ่อนสูงสุด 7 ปี
นอกจากการสนับสนุนทางการเงินเพื่อส่งเสริมการลงทุนในธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และช่วยผู้ประกอบการไทยปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการลดและบรรเทาผลกระทบจากภาวะโลกร้อนแล้ว ที่ผ่านมา EXIM BANK ยังมีส่วนริเริ่มและผลักดันให้เกิดความร่วมมือกับภาครัฐและภาคเอกชน โดยการเข้าเป็นสมาชิกก่อตั้งและกรรมการในองค์กรต่าง ๆ ที่มีวัตถุประสงค์การจัดตั้งเพื่อส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาและการลงทุนในธุรกิจสีเขียว อาทิ Thailand Carbon Neutral Network, Carbon Market Club และ RE100 Thailand Club ซึ่งอยู่ระหว่างพัฒนาจัดตั้งตลาดซื้อขายคาร์บอนเครดิตของไทยเพื่อสนับสนุนให้ธุรกิจไทยบรรลุเป้าหมายในการลดการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Carbon Net Zero) รวมทั้งอยู่ระหว่างการพัฒนากลไกความร่วมมือเพื่อสนับสนุนทางการเงินให้แก่ธุรกิจที่มีส่วนลดหรือแก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อน
อย่างไรก็ตาม “EXIM BANK พร้อมใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญ และเครือข่ายความร่วมมือทั้งในและต่างประเทศ ในการออกแบบและให้บริการเพื่อซ่อม สร้าง เสริม และสานพลังที่จะพัฒนาภาคอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการไทยให้แข่งขันทางธุรกิจได้ในระยะยาว ควบคู่กับการเสริมสร้างการพัฒนาสังคมและบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดยสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ ทั้งนี้ เพื่อเป็นก้าวแรกของการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยปรับตัวและฟื้นธุรกิจในโลกยุค Next Normal ได้เร็วที่สุด และแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมโลกที่ต้องอาศัยความร่วมมือขนานใหญ่ของทุกภาคส่วนและทุกประเทศทั่วโลกช่วยกันทำให้เกิดผลเป็นรูปธรรม เพื่อสร้างโลกที่น่าอยู่และดีกว่าเดิมในวันข้างหน้า” ดร.รักษ์ กล่าว
………
EXIM Thailand Provides ESG Loan to Combat Global Warming and Climate Change
EXIM Thailand has pointed out that global warming and climate change have been intensifying and caused the rises in costs of business operations. The Bank is, therefore, fully ready to cooperate with the public and private sectors in accelerating expansion of loans for improvement of manufacturing processes to assist Thai business entities in reduction of greenhouse gas (GHG) emissions and compliance with environmental standards.
Dr. Rak Vorrakitpokatorn, President of Export-Import Bank of Thailand (EXIM Thailand), remarked that global warming and climate change are the major causes of several natural disasters around the world and have threatened the safety of lives and properties, as well as impeded development in economic, social and environmental dimensions and pushed up operation costs of all sectors. According to the Economist Intelligence Unit (EIU), the world’s leading resource for economic and business research, global warming is predicted to directly cause a surge in global economic costs by as high as 7.9 trillion US dollars by 2050. There has thus been broad ranging integration of cooperation at both national and international levels to set the target for reduction of GHG and carbon dioxide emissions. For example, the 26th UN Climate Change Conference (COP26) in Glasgow of Scotland has reached a conclusion for participating countries to limit the climate change and to end the use of fossil fuels. Thailand has accordingly targeted to reduce carbon dioxide emissions in order to drive Carbon Neutrality by 2065, while the European Union (EU) has worked out a new industrial development strategy involving a mechanism called Carbon Border Adjustment Mechanism (CBAM) which outlines criteria to lessen cost advantage of imported goods from countries outside the EU, and the US and countries elsewhere are considering to issue measures to impose import duties based on the extent of carbon emissions. These measures would directly affect business sectors and supply chains of global economy. Therefore, exporters in countries around the world, including Thai exporters, need to make a fast move to improve their production processes to reduce GHG emissions or buy carbon credit as a compensation.
EXIM Thailand President said that EXIM Thailand, as a specialized financial institution with the role to support national development and promote international trade and investment, has all along placed on the top of its agenda performance of duty as a good citizen of the world. The Bank has operated business under corporate governance and corporate social responsibility in its work process and with responsiveness to the demand and expectations of its stakeholders toward responsible and sustainable banking. It has carried out its mission to “reboot, restructure, rebalance and resynergize” development of Thai industries and entrepreneurs. Most importantly, as Thai and global economies are on the recovery pace at present, building of industries for the future should be accelerated and carried on in response to such trend by way of transformation of the “pressures from new environmental standards and emerging problems” into “business opportunities” for businesses to grow sustainably alongside the society and the environment. In view of such circumstances, EXIM Thailand has thus worked out and executed a responsible finance management policy, aiming to support businesses hit by challenges in environmental, social and governance (ESG) dimensions in conjunction with supporting businesses committed to generating financial returns along with social and environmental returns, such as green businesses and renewable energy power plants both domestically and overseas. EXIM Thailand has for the past decades rendered financial facilities to more than 194 renewable energy power projects with a total generating capacity of 6,455 MW, contributing to investment value of 373,572 million baht. Such green financing of EXIM Thailand represents one-third of its overall outstanding loan portfolio.
EXIM Thailand President further said that EXIM Thailand has developed products to support Thai entrepreneurs’ adaptation to the ESG framework and international environmental standards, including movement to reduce GHG emissions. These product schemes include “EXIM Biz Transformation Loan” to support investment for improvement of efficiency in production process with offering of lowest interest rate of 2% per annum, credit line of up to 100 million baht per entrepreneur and 7-year repayment term; and “Solar Orchestra Loan” in collaboration with Thailand Greenhouse Gas Management Organization, Global Power Synergy Plc., Combined Heat and Power Producing Co., Ltd., and Neo Clean Energy Co., Ltd. to support investment in installation of solar rooftop systems for power generation and registration for sales of carbon credits for Thai entrepreneurs under EXIM Thailand’s financial support covering 100% of investment cost, with offering of lowest interest rate of 2.75% per annum and 7-year maximum repayment term.
Besides provision of financial support for investment in eco-friendly businesses and enhancement of production efficiency, which is part of the efforts to reduce and relieve global warming impacts, EXIM Thailand has also participated in initiating and driving cooperation with both public and private sectors by joining as founding member and committee member in several organizations which have establishment objectives to promote development of and investment in green businesses, namely Thailand Carbon Neutral Network, Carbon Market Club and RE100 Thailand Club which is in the process of development and establishment of Thailand’s carbon trade exchange with a view to supporting Thai businesses’ achievement of the Carbon Net Zero target and development of collaboration mechanism to provide financial support for businesses that take part in reduction or relief of global warming.
“EXIM Thailand is fully equipped with expertise and cooperation networks both at home and overseas to design and provide services to reboot, restructure, rebalance and resynergize development of Thai industries and entrepreneurs so that they can well compete in the long run alongside enhancement of sustainable social development and environmental management. Our undertaking as such has placed us on track to achieve the United Nations’ Sustainable Development Goals (SDGs). We remain steadfast in working and paving way for supporting Thai entrepreneurs’ fast adjustments and revival of their businesses amid the Next Normal context along with solutions of global environmental crisis which needs drastic cooperation from all sectors and all countries across the world to generate concrete outcomes toward creation of a better world and a better tomorrow,” added Dr. Rak.
ข่าวหรือบทความที่เกี่ยวข้อง
