ThaiPublica > ประเด็นร้อน > เชื่อมโลกให้ไทยแล่น > “คณิศ” แจง 4 ปี อนุมัติการลงทุนในอีอีซีเข้าเป้าฯก่อนกำหนด- ชงนายกฯผ่านแผน 5 ปี 2.2 ล้านล้านบาท ต.ค.นี้

“คณิศ” แจง 4 ปี อนุมัติการลงทุนในอีอีซีเข้าเป้าฯก่อนกำหนด- ชงนายกฯผ่านแผน 5 ปี 2.2 ล้านล้านบาท ต.ค.นี้

13 กันยายน 2021


“คณิศ” แจงผลงาน 4 ปี อนุมัติโครงการลงทุนในพื้นที่อีอีซีเข้าเป้าหมาย 1.7 ล้านล้านบาท เร็วกว่าที่กำหนดในแผน 1 ปี เตรียมเสนอแผนงาน 5 ปีฉบับใหม่วงเงินลงทุนกว่า 2.2 ล้านล้านบาท เข้าที่ประชุม กพอ.ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานฯ ผ่านความเป็นชอบเดือน ต.ค.นี้

เมื่อวันที่ 13 กันายน 2564 นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการบริหารการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กบอ.) ครั้งที่ 5/2564 ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดย ดร.คณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก กล่าวว่าวันนี้ที่ประชุม กบอ.ได้รับทราบ และพิจารณาความก้าวหน้าการดำเนินงานในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) โดยมีรายละเอียดที่สำคัญดังนี้

1. 3 ปี อีอีซี เดินหน้าลงทุนเป็นรูปธรรม สร้างเงินลงทุนรวม 1.6 ล้านล้านบาท เสริมแกร่งเศรษฐกิจไทย

ที่ประชุม กบอ. รับทราบ ความก้าวหน้าลงทุนในพื้นที่ อีอีซี นับตั้งแต่เกิด พ.ร.บ. อีอีซี ปี 2561 – มิถุนายน 2564 มีโครงการลงทุนที่ได้รับอนุมัติไปแล้ว 1.6 ล้านล้านบาท หรือ คิดเป็นร้อยละ 94 จากเป้าหมายแผน 5 ปี (2561-65) ของอีอีซี 1.7 ล้านล้านบาท เร็วกว่าเป้าที่กำหนดไว้ แบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่

    1.1. การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเอกชนร่วมลงทุน (PPP) 4 โครงการหลัก (รถไฟฯ/สนามบินฯ/ท่าเรืออุตสาหกรรม 2 แห่ง) มูลค่ารวม 633,401 ล้านบาท แบ่งเป็น ทุนจากภาคเอกชน 387,018 ล้านบาท (ร้อยละ 61) จากภาครัฐ 196,940 ล้านบาท (ร้อยละ 39)
    1.2. การลงทุนอุตสาหกรรมเป้าหมาย (จากการออกบัตรส่งเสริมบีโอไอ) มูลค่า 878,881 ล้านบาท (โครงการที่ขอยื่นส่งเสริมลงทุน ช่วงปี 2560 – มิ.ย. 2564 ลงทุนจริงแล้วกว่าร้อยละ 85)
    1.3. การลงทุนผ่านงบบูรณาการอีอีซีมูลค่า 82,000 ล้านบาท

“ช่วง 3 ปี 8 เดือนที่ผ่านมา สกพอ.ได้อนุมัติโครงการลงทุนในพื้นที่อีอีซีไปแล้วกว่า 1.6 ล้านล้านบาท เปรียบเทียบกับเป้าหมายเดิมที่กำหนดไว้ในแผน 5 ปี จะต้องมีโครงการลงทุนในพื้นที่ไม่น้อยกว่า 1.7 ล้านล้านบาท หากบีโอไอเร่งส่งเสริมการลงทุนในปีนี้ได้ 2-2.5 แสนล้านบาท ในปีนี้อีอีซีก็จะบรรลุเป้าหมายเร็วกว่ากำหนด 1 ปี วันนี้ทีมงานของรองนายกรัฐมนตรีจึงเสนอให้มีการปรับแผนการลงทุนของอีอีซีในช่วง 5 ปีข้างหน้าใหม่ (2565-2569) โดยกำหนดวงเงินลงทุนเอาไว้ไม่ต่ำกว่า 2.2 ล้านล้านบาท” ดร.คณิศ กล่าว

ดร.คณิศ กล่าวต่อว่า สำหรับโครงการลงทุนตามแผนงานใหม่นั้นจะประกอบไปด้วย การลงทุนในโครงการเมืองการบินภาคตะวันออก 100,000 ล้านบาท , โครงการพัฒนาพื้นที่รอบสถานีรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน 100,000 ล้านบาท และคาดว่าจะมีการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายเพิ่มขึ้นอีกปีละ 400,000 ล้านบาท ในส่วนหลังนี้จะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ โครงการลงทุนในพื้นที่อีอีซีผ่านบีโอไอปีละ 250,000 ล้านบาท และส่วนที่ 2 สกพอ.จะเร่งรัดโครงการลงทุนเพิ่มอีกปีละ 150,000 ล้านบาท ประกอบด้วย อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ 40,000 ล้านบาทต่อปี , อุตสาหกรรม 5G ดิจิตอลและอิเล็กทรอนิกส์ 50,000 ล้านบาทต่อปี , อุตสาหกรรมการแพทย์สมัยใหม่ 30,000 ล้านต่อปี และอุตสาหกรรมขนส่งโลจิสติกส์อีก 30,000 ล้านบาทต่อปี ทั้งนี้ ยังไม่นับรวมโครงการเมืองใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น และการลงทุนอสังหารัมทรัพย์ของภาคเอกชนในพื้นที่ ซึ่งที่ประชุม กบอ.ได้มอบหมายให้ สกพอ.ไปศึกษาละประมาณการมูลค่าการลงทุนในอุตสาหกรรมเกษตรสมัยใหม่เข้ามาเสริมด้วย

สำหรับการลงทุนช่วง 6 เดือนที่ผ่าน (มกราคม-มิถุนายน 2564) มีการขอรับส่งเสริมลงทุน 232 โครงการ เงินลงทุน 126,643 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 53 (จากช่วงเดียวกันปี 2563) การอนุมัติส่งเสริมลงทุน 195 โครงการ เงินลงทุน 74,250 ล้านบาท และออกบัตรส่งเสริม 187 โครงการ เงินลงทุน 88,083 ล้านบาท โดยจำนวนขอโครงการสูงสุดคือ อุตสาหกรรมยานยนต์ชิ้นส่วน ส่วนเงินลงทุนสูงสุดคือ เครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็คทรอนิกส์ สำหรับการลงทุนตรงจากต่างประเทศ (FDI) คิดเป็นร้อยละ 64ของคำขอลงทุนในอีอีซี ซึ่งนักลงทุนที่สนใจมากที่สุดคือ ญี่ปุ่น จีน ฮ่องกง ตามลำดับ

2.วางกรอบสิทธิประโยชน์ เน้นความต้องการผู้ประกอบการ จูงใจนักลงทุน ใช้เทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ที่ประชุม กบอ. พิจารณา แผนการดำเนินงานด้านสิทธิประโยชน์ โดยขยายมาตรการสนับสนุนการลงทุนจากโครงการที่เป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล สู่การให้สิทธิประโยชน์แก่ผู้ประกอบการกิจการในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ โดยเริ่มนำร่องที่เขตส่งเสริมฯ เมืองการบินภาคตะวันออก (EECa) ให้เป็น พื้นที่ต้นแบบ (Sandbox) “การปฏิรูปและยกระดับประเทศไทย ก้าวสู่ 10 อันดับของประเทศที่ประกอบธุรกิจง่ายที่สุด” และที่ประชุมได้มอบหมายให้ สกพอ. จัดทำ (ร่าง) ประกาศสิทธิประโยชน์สำหรับผู้ประกอบกิจการในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ ที่ครอบคลุม สิทธิประโยชน์ด้านภาษีอากรและที่มิใช่ภาษีอากร เพื่อสนับสนุนการลงทุนในพื้นที่ อีอีซี โดยมุ่งเน้นกลุ่มนักลงทุนที่มีศักยภาพ ใช้นวัตกรรมขั้นสูงและเป็นมิตรสิ่งแวดล้อม ภายใต้การออกแบบสิทธิประโยชน์ที่ตรงตามความต้องการของผู้ประกอบการ (Demand Driven Customization) เป็นต้นแบบของการปฏิรูประบบราชการที่ใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ ลดอุปสรรคในการลงทุน และเน้นการสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน

3. เตรียมพัฒนาพื้นที่ EECd เป็นเมืองดิจิทัลแห่งภูมิภาค ดึงดูดการลงทุนสู่พื้นที่อีอีซี

ที่ประชุม กบอ. พิจารณา แผนดำเนินการโครงการเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล (EECd) กำหนดแผนปฏิบัติการ ปี 2564 – 2565 จำนวน 4 แผนหลัก คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนกันยายนนี้ ได้แก่ 1) จัดทำแผนการดำเนินโครงการ (Master Plan) 2) จัดทำแนวคิดออกแบบโครงการฯ (Conceptual Design) 3) วางแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภค และ 4) จัดทำแผนดึงดูดนักลงทุนและสิทธิประโยชน์ และตั้งเป้าหมายไตรมาส 4 จะทำความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ-เอกชน เพื่อศึกษาการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภคต่างๆ ของโครงการฯ พร้อมเจรจาร่วมกับบริษัท-หน่วยงานที่สนใจเข้าร่วมลงทุน และออกแบบรายละเอียดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภคต่างๆภายในพื้นที่โครงการ ฯ ช่วงไตรมาส 1-2 ของปี 2565 สำหรับการพัฒนาโครงการ EECd แบ่งเป็น 4 ระยะ ได้แก่

    ระยะที่ 1 พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภค
    ระยะที่ 2 พัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ ศูนย์เรียนรู้ ศูนย์บริการต่างๆ
    ระยะที่ 3 พัฒนาพื้นที่กลุ่มอุตสาหกรรมดิจิทัล และ
    ระยะที่ 4 พัฒนาพื้นที่ธุรกิจเชิงพาณิชย์ผสมผสานระบบนิเวศน์ เพื่อการอยู่อาศัยในโลกยุคใหม่ โดยตั้งเป้าให้ EECd เป็นเมืองดิจิทัลระดับโลกในภูมิภาค เป็นศูนย์กลางลงทุนและพัฒนาอุตสาหกรรมด้านดิจิทัลแห่งอนาคต และเป็นเมืองอัจฉริยะโดยใช้หลักคิดการพัฒนาเมืองที่เติบโตอย่างยั่งยืนและพึ่งพาตนเองได้

4. ขับเคลื่อนแผนเกษตรอีอีซี คู่ EFC พัฒนาเศรษฐกิจชุมชน มีคุณภาพชีวิตและรายได้ดีขึ้นอย่างสมดุลและยั่งยืน

ที่ประชุม กบอ. รับทราบ ร่างแผนพัฒนาการเกษตรในอีอีซี (พ.ศ.2566 -2570) ที่ สกพอ. จัดทำร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยมีกรอบแนวคิด เน้นตลาดนำการผลิต (Demand Pull) ใช้เทคโนโลยีสร้างรายได้ (Technology Push) สร้างโอกาสการตลาดให้กับสินค้าเกษตรคุณภาพดี พร้อมเป็นต้นแบบการพัฒนาภาคเกษตรเข้าถึงตลาดสินค้ามูลค่าสูงโดยเริ่มพัฒนา 5 คลัสเตอร์สำคัญ ได้แก่ ผลไม้ ทุเรียน มังคุด มะม่วง ประมงเพาะเลี้ยง สัตว์น้ำทดแทนนำเข้า พืชอุตสาหกรรมชีวภาพ มันสำปะหลัง พืชสมุนไพร ฟ้าทะลายโจร และเกษตรมูลค่าสูง โคเนื้อพรีเมียม ตั้งเป้าหมายยกระดับรายได้ให้ชุมชนเกษตรกรในพื้นที่ อีอีซี เทียบเท่ากลุ่มอุตสาหกรรม-บริการ พร้อมผลักดันให้ GDP ภาคเกษตรในอีอีซีมีมูลค่าเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ ที่ประชุม กบอ. ยังได้พิจารณา โครงการจัดตั้งระเบียงผลไม้ภาคตะวันออก (EFC) ดำเนินการ 4 เรื่องหลัก 1) สร้างสินค้าให้มีคุณภาพตามความต้องการตลาด มุ่งเน้นตลาดกลุ่มลูกค้าทุเรียนพรีเมียม 2) วางระบบการค้าสมัยใหม่ผ่านระบบ e-commerce และ e-auction สร้างมูลค่าให้ทุเรียนของภาคตะวันออก 3) จัดทำห้องเย็นเทคโนโลยีทันสมัยเก็บรักษาความสดใหม่ โดย สกพอ. เร่งดำเนินการให้ทันช่วงฤดูทุเรียนปี 2565 4) จัดระบบสมาชิกชาวสวนผลไม้ สหกรณ์ที่เข้าร่วม ให้พัฒนาคุณภาพผลผลิตในระดับพรีเมียม ทั้งนี้เพื่อพัฒนาเชิงคุณภาพ ทำให้เกษตรกร ชุมชน คนรุ่นใหม่มีคุณภาพชีวิตและรายได้ดีขึ้นอย่างสมดุลและยั่งยืน

“ทั้งนี้ สกพอ.จะรายงานความก้าวหน้าลงทุนในพื้นที่อีอีซี พร้อมกับนำเสนอแผนการลงทุน 5 ปี ตามเป้าหมายใหม่วงเงินไม่ต่ำกว่า 2.2 ล้านล้านบาท ให้ที่ประชุม กพอ.ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ฯพิจารณาอนุมัติในเดือนตุลาคมนี้” ดร.คณิศ กล่าว