ThaiPublica > เกาะกระแส > EIC คาดเศรษฐกิจ CLMV ปี’63โต 6-7% การบริโภคในประเทศหนุน จับตายุโรปถอนสิทธิพิเศษการค้ากัมพูชา-เมียนมา

EIC คาดเศรษฐกิจ CLMV ปี’63โต 6-7% การบริโภคในประเทศหนุน จับตายุโรปถอนสิทธิพิเศษการค้ากัมพูชา-เมียนมา

16 ธันวาคม 2019


เศรษฐกิจกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวีจะขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงมาอยู่ที่ 6-7% ในปี 2020 จากสถานการณ์การค้าโลกที่ยังมีความไม่แน่นอนและการเติบโตที่ชะลอลงในประเทศเศรษฐกิจหลักซึ่งส่งผลกระทบผ่านการส่งออกและการท่องเที่ยวที่ชะลอตัว

การปรับโครงสร้างห่วงโซ่การผลิตในภูมิภาคจากผลกระทบสงครามการค้าถือเป็นผลดีบางส่วนต่อเศรษฐกิจซีแอลเอ็มวี โดยเฉพาะในเวียดนามอย่างน้อยในระยะสั้น จากการที่บริษัทผู้ผลิตจีนและบริษัทข้ามชาติหลายแห่งตัดสินใจย้ายฐานการผลิตมายังกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวีเพื่อเลี่ยงภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ

นอกจากนี้ การบริโภคภายในกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวียังมีแนวโน้มขยายตัวและจะช่วยรองรับผลกระทบทางลบจากความเสี่ยงภายนอกที่ส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอลง

อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจซีแอลเอ็มวียังคงเผชิญความเสี่ยงรายประเทศทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอก โดยกัมพูชาและเมียนมาอาจถูกสหภาพยุโรปถอนสิทธิพิเศษทางการค้า Everything But Arms (EBA) ซึ่งจะทำให้ทั้งสองประเทศสูญเสียความได้เปรียบด้านการส่งออกในระยะกลาง ลาวยังคงมีความเสี่ยงจากปัญหาหนี้สาธารณะที่สูง ในขณะที่เวียดนามอาจเผชิญนโยบายกีดกันการค้าจากสหรัฐฯ มากขึ้น หากกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีเวียดนามเป็นประเทศผู้บิดเบือนค่าเงิน

เศรษฐกิจกัมพูชามีแนวโน้มเติบโตชะลอลงมาอยู่ที่ 6.8% ในปี 2020 จากสถานการณ์การค้าโลกที่ชะลอตัว โดยภาคการท่องเที่ยว และการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศเติบโตชะลอลง แต่ฐานะการคลังและภาคการส่งออกยังคงแข็งแกร่ง อย่างไรก็ดี ความเสี่ยงที่จะสูญเสียสิทธิพิเศษ EBA ยังคงมีอยู่สูงและอาจส่งผลลบต่อการส่งออกไปยังสหภาพยุโรป ซึ่งเป็นตลาดส่งออกหลักที่ใหญ่ที่สุดของกัมพูชา นอกจากนี้ การขยายตัวอย่างรวดเร็วของสินเชื่อรายย่อย (ไมโครไฟแนนซ์) อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อเสถียรภาพระบบการเงินในอนาคต

เศรษฐกิจลาวจะขยายตัวประมาณ 6.5% ในปี 2020 โดยเศรษฐกิจลาวชะลอตัวลงเนื่องจากผลกระทบของภัยพิบัติทางธรรมชาติในปี 2018 สงครามการค้า และการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ขณะเดียวกันลาวยังอาจเผชิญความเสี่ยงในระยะสั้น จากทุนสำรองระหว่างประเทศที่มีอยู่จำกัด การขาดดุลบัญชีเดินสะพัดและภาระทางการคลังเนื่องจากรายได้จากการเก็บภาษียังอยู่ในระดับต่ำ อย่างไรก็ตาม การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานและโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ รวมถึงนโยบายปฏิรูปจากภาครัฐจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ในระยะกลาง

เศรษฐกิจเมียนมาจะเติบโตที่อัตรา 6.3% ในปี 2020 ท่ามกลางความเสี่ยงภายในประเทศก่อนถึงการเลือกตั้งในปี 2020 การลงทุนทางตรงจากต่างประเทศในช่วงที่ผ่านมาหดตัวอย่างมีนัยยะ แต่นโยบายการปฏิรูป การเปิดเสรีทางการเงินอย่างต่อเนื่อง และการลงทุนจากประเทศในเอเชียจะเป็นปัจจัยช่วยการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ส่วนความเสี่ยงหลักต่อเศรษฐกิจมาจากวิกฤติโรฮิงญาที่ยังคงอยู่ในระหว่างการแก้ไข ซึ่งทำให้เมียนมายังมีความเสี่ยงที่จะถูกถอนสิทธิพิเศษ EBA จากสหภาพยุโรป

เศรษฐกิจเวียดนามจะเติบโตราว 6.7% ในปี 2020 ด้วยแรงส่งจากอุปสงค์ภายในประเทศและการส่งออก การบริโภคภาคเอกชนซึ่งได้แรงหนุนจากตลาดแรงงานภายในประเทศที่แข็งแกร่งและภาวะเงินเฟ้อที่ไม่สูงนัก จะช่วยสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ท่ามกลางการส่งออกที่ชะลอตัวและความเสี่ยงภายนอกที่เพิ่มขึ้นจากผลกระทบของนโยบายกีดกันทางการค้าสหรัฐฯ ขณะที่การปฏิรูปเชิงโครงสร้างจะช่วยผลักดันการลงทุนทั้งจากภาคเอกชนภายในประเทศและการลงทุนจากต่างประเทศในระยะข้างหน้า

อ่านเพิ่มเติม EIC CLMV Monitor Q4/2019 ได้ที่ https://bit.ly/2sv6RJT