บริบท
เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2557 รายงานข่าวจากเว็บไซต์ไทยโพสต์ รายงานว่า "ในวันนี้กลุ่มต่อต้านการรัฐประหาร ได้นัดกันแสดงสัญลักษณ์ต้านรัฐประหารทั่วประเทศ โดยพื้นที่กรุงเทพมหานคร เวลา 11.30 น. กลุ่มต้านรัฐประหารได้ย้ายจากแยกราชประสงค์มาที่เทอร์มินอล 21 และได้มีประชาชนทยอยเดินทางมาเคลื่อนไหวเชิงสัญลักษณ์บริเวณชั้น 2 บริเวณทางเชื่อรถไฟฟ้าบีทีเอสอโศกประมาณ 200 คน และได้ชู 3 นิ้ว แสดงนัยยะถึงความเสมอภาค ภราดรภาพ และเสรีภาพ พร้อมเปล่งเสียงฟรีดอม สลับกับตะโกนโห่ไล่เจ้าหน้าที่เป็นช่วงๆ บ้างตะโกนเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งโดยเร็ว
ขณะที่กำลังทหารและตำรวจประมาณ 2 กองร้อยได้รีบเคลื่อนย้ายมาบริเวณดังกล่าว และพยายามกระชับขอคืนพื้นที่ แต่กลุ่มผู้ชุมนุมกลับไม่ยอม และต่อต้านรุนแรงขึ้นด้วยการโห่ร้อง พร้อมทั้งขยับเข้าประชิดกำลังเจ้าหน้าที่ จนเจ้าหน้าที่ต้องถอยออกมาตั้งรับบริเวณด้านหน้าโรงแรมเชอราตันแกรนด์ สุขุมวิท ท่ามกลางชาวต่างชาติและสื่อมวลชนที่มาสังเกตการณ์และสัญจรในบริเวณนั้น
จากนั้นกำลังทหารได้เข้าควบคุมพื้นที่และสั่งปิดหน้าห้างเทอร์มินอล 21 และสั่งปิดทางขึ้น-ลงรถไฟฟ้าบีทีเอสสถานีอโศกสำเร็จ จนทำให้สถานการณ์คลี่คลาย และไม่เกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายขึ้นแต่อย่างใด โดยกลุ่มผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ได้ทยอยเดินทางกลับในช่วงบ่ายวันเดียวกัน
ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลาประมาณ 11.40 น. นายสมบัติ บุญงามอนงค์ แกนนำกลุ่มวันอาทิตย์สีแดง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัวว่า “ให้ผู้ชุมนุมไปพบกันที่ห้างสรรพสินค้าเทอร์มินอล 21”
ถัดมาเวลา 14 .30 น. นายสมบัติได้เปิดเผยข้อมูลซึ่งเป็นคลิปวิดีโอในเฟซบุ๊กส่วนตัวอีกครั้ง โดยเป็นคลิปที่อ้างว่าเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบ จำนวน 2 นาย จับตัว นางสาวไพริน พ่วงศิริ อายุประมาณ 30-40 ปี ขณะชู 3 นิ้วขึ้นรถแท็กซี่สีชมพูไป โดยภายในรถก็มีผู้ชาย 2 คนรออยู่ก่อนแล้ว"
วิเคราะห์ข้อมูล
ขณะที่เว็บไซต์ประชาไทย ประจำวันที่ 2 มิถุนายน 2557 ได้รายงานเพิ่มเติมถึงรายชื่อผู้ถูกคุมขังที่กองปราบมีจำนวนเพิ่มขึ้น 6 ราย จากการจับกุมในวันที่ 1 มิถุนายน 2557 ซึ่งหนึ่งในหกรายนั้นเป็นหญิงที่ถูกนำตัวขึ้นรถแท็กซี่
ช่วงเวลา 17.00 น. ของวันที่ 2 มิถุนายน เว็บไซต์ข่าวสดออนไลน์รายงานว่า พ.ต.อ. ไชยา คงทรัพย์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลลุมพินี เปิดเผยว่า ชายที่นำตัวหญิงชู 3 นิ้ว ขึ้นแท็กซี่นั้น เป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนของ สน.ลุมพินี จากนั้นได้ควบคุมตัวหญิงคนดังกล่าวมาที่ สน. ซึ่งไม่ได้ลงบันทึกประจำวันแต่อย่างใด และไม่ทราบชื่อ กระทั่งมีเจ้าหน้าที่ทหารมาควบคุมตัวไปเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยไม่ทราบสถานที่
ในวันเดียวกัน เว็บไซต์เดลินิวส์ ระบุว่า พ.อ. ณัฐวัฒน์ จันทร์เจริญ รองโฆษก กองทัพบก ได้กล่าวว่า การประท้วงด้วยการ “ชู 3 นิ้ว” และปิดปาก เป็นการกระทำที่ไม่ถือว่าเป็นความผิด เพราะเป็นการแสดงออกซึ่งความคิดเห็นส่วนบุคคลเชิงสัญลักษณ์ ไม่มีการใช้วาจาหยาบคายหรือจาบจ้วง แต่การชุมนุมเกิน 5 คนนั้น ผู้ที่เข้าร่วมจะมีความผิดตามกฎอัยการศึก ทั้งนี้ ก็ต้องดูเจตนาหลักของการชุมนุมว่ามีการใช้ความรุนแรงหรือสร้างความเสียหายหรือไม่ ถ้าหากมีก็จะถูกจับกุม
สรุป
จากเหตุการณ์ชายฉกรรจ์คุมตัวหญิงสาวขึ้นรถแท็กซี่ บริเวณห้างสรรพสินค้าเทอร์มินอล 21 เนื่องจากการทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ ชู 3 นิ้ว ต้านรัฐประหาร เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2557 ตามรายงานข่าวทราบว่าหญิงรายนั้นคือ นางสาวไพริน พ่วงสิริ ได้ถูกคุมตัวอยู่ที่สถานีตำรวจ เป็นสิ่งที่แสดงว่าชายที่จับตัวเธอไปนั้นไม่ใช่สามี แต่เป็น “เจ้าหน้าที่ตำรวจ”
โดยการยืนยันของ พ.ต.อ. ไชยา คงทรัพย์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลลุมพินี ยอมรับชัดเจนว่าชายที่คุมตัวนางสาวไพรินมานั้น เป็นเจ้าหน้าที่ “ตำรวจ” ของ สน.ลุพินีเอง พร้อมระบุด้วยว่า “ทหาร” ได้มาคุมตัวนางสาวไพรินไปต่อเพื่อดำเนินคดี ทั้งที่ พ.อ. ณัฐวัฒน์ ได้ออกมาระบุว่าการกระทำเชิงสัญลักษณ์ ชู 3 นิ้ว ไม่ถือว่าเป็นความผิด
ดังนั้น คำกล่าวของ พล.ต.อ. สมยศ ที่ว่า " …อันนั้นผมก็ไม่แน่ใจ ว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจนะครับ อาจจะเป็นสามีเค้าก็ได้ซึ่งไม่ต้องการให้ผู้ชุมนุมมาชุมนุม ก็เลยมาพาตัวภรรยาเค้ากลับบ้าน แต่ส่วนที่เราจับเราก็จับโดยเปิดเผย…ทหารตำรวจไม่ปฏิบัติโดยใช้วิธีแบบนั้น (ฉุดผู้ชุมนุมหญิงขึ้นแท็กซี่)" จึงอยู่ในเกณฑ์ “เป็นเท็จ”