บริบท
เวลานั้น (ปี 2544) ถือเป็นช่วงเวลาที่รัฐบาลกำลังถูกจับตามอง เนื่องจากอยู่ในช่วงที่จะปิดโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งการออกมาพูดเช่นนั้นของนายกิตติรัตน์ โดยเฉพาะในส่วนที่พยายามจะแสดงความรับผิดชอบที่ว่า “ รัฐบาลพรรคเพื่อไทยคงอยู่ไม่ได้ ไม่ต้องตั้งคำถามเลยว่า ในฐานะรองนายกฯ เศรษฐกิจจะรับผิดชอบอย่างไร" ทำให้หลายๆ ฝ่ายตีความว่านายกิตติรัตน์ได้เอาตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นเดิมพัน หากทำไม่ได้คงต้อง “ลาออก” เป็นแน่
วิเคราะห์ข้อมูล
เมื่อจำนำข้าวขาดทุนเกิน 6 หมื่นล้าน
เมื่อผลจำนำข้าวออกมาฟ้องว่ามีการขาดทุนเกิดขึ้นเกิน 6 หมื่นล้าน ซึ่งตัวเลขาการขาดทุนของโครงการรับจำนำรวมของปี 54/55 สูงถึง 1.3 แสนล้านบาท แบ่งเป็นการขาดทุนจากโครงการรับจำนำข้าวนาปี ฤดูกาลผลิตปี 2554/2555 ประมาณ 42,963.13 ล้านบาท และขาดทุนในโครงการรับจำนำข้าวนาปรับ ฤดูกาลผลิตปี 2555 ประมาณ 93,933.67 ล้านบาท (จากผลการประชุมคณะกรรมการข้าวแห่งชาติ เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2556)
แต่ก็ไม่ได้มีการออกมารับผิดชอบในกรณีดังกล่าวแต่อย่างใด อีกทั้งนายกิตติรัตน์ ได้กล่าวยืนยันกรณีที่มีกระแสข่าวว่า ตนเองจะลาออกจากตำแหน่งหากโครงการรับจำนำข้าวขาดทุนเกิน 6 หมื่นล้านบาท ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด พร้อมระบุว่า ไม่เคยพูดว่าจะลาออกจากตำแหน่งในกรณีดังกล่าวอย่างแน่นอน เพราะหากตนเองพูดจริง ก็คงต้องมีหลักฐาน หรือคลิปมาชี้แจงแล้ว ไม่ใช่แค่ข่าวลือว่าพูดเท่านั้น
หลังจากคำยืนยันของนายกิตติรัตน์ว่าไม่เคยพูดว่าจะลาออก สื่อต่างๆ จึงได้พยายามหาหลักฐานเพื่อมาแสดง ให้เห็นว่านายกิตติรัตน์เคยพูดแสดงความรับผิดชอบ ซึ่งตีความหมายได้ว่าจะ “ลาออก” ไว้จริง
สรุป
ในที่สุดแล้ว จากผลการประชุมคณะกรรมการข้าวแห่งชาติ เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2556 โครงการรับจำนำข้าวก็มีตัวเลขขาดทุนเกินกว่า 6 หมื่นล้านบาท แม้จะยังมีข้อโต้แย้งอยู่ว่าตัวเลขอยู่ที่เท่าไรก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ผลสรุปนี้ รวมไปถึงการที่นายกิตติรัตน์ไม่เคยออกมาแสดงความรับผิดชอบใดๆ ต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น ได้ทำให้คำพูดของนายกิตติรัตน์ที่ว่า “ถ้ารัฐบาลทำโครงการรับจำนำข้าวแล้ว ทำให้รัฐเสียหายมากกว่า 6 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นงบที่รัฐบาลชุดก่อนใช้ชดเชยในระบบประกันรายได้เกษตรกร รัฐบาลพรรคเพื่อไทยคงอยู่ไม่ได้ ไม่ต้องตั้งคำถามเลยว่า ในฐานะรองนายกฯเศรษฐกิจจะรับผิดชอบอย่างไร" อยู่ในเกณฑ์ “เป็นเท็จ”
