ThaiPublica > จับเท็จ: ประเด็น > กระแสไฟฟ้าในตัวคนมีผลต่อการใช้จีที 200

กระแสไฟฟ้าในตัวคนมีผลต่อการใช้จีที 200

5 สิงหาคม 2014


ปูมหลัง

จีที200 คือ อุปกรณ์ตรวจสอบวัตถุระเบิดซึ่งเป็นที่สงสัยถึงความสามารถในการตรวจจับ โดยบริษัท โกลบอลเทคนิค จำกัด ผู้ผลิตในสหราชอาณาจักร อ้างว่าเครื่องสามารถตรวจจับวัตถุระเบิดและยาเสพติด โดยมีราคาจำหน่ายในแต่ละประเทศสูงกว่า 22,000 ปอนด์ต่อเครื่อง หากเครื่องนี้ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่ต่างจาก "ไม้ล้างป่าช้า" ปราศจากซึ่งหลักการคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ในการทำงาน

อุปกรณ์นี้ได้รับการตรวจสอบความสามารถในการตรวจจับอย่างละเอียด ตามด้วยการตรวจสอบอุปกรณ์ เอดีอี651 ซึ่งเป็นอีกเครื่องมือหนึ่งในการตรวจสอบวัตถุ จนกลายเป็นประเด็นการสอบสวนการหลอกลวงที่เกิดขึ้นในสหราชอาณาจักร รัฐบาลสหราชอาณาจักรมีคำสั่งห้ามการส่งอุปกรณ์นี้ออกไปยังประเทศอิรักและประเทศอัฟกานิสถานในคำสั่งซื้อของกองทัพในเดือนมกราคม ค.ศ. 2010 ภายใต้พระราชบัญญัติควบคุมการส่งออก ค.ศ. 2002 (อังกฤษ: Export Control Act 2002) และได้ส่งสารเตือนไปยังรัฐบาลในต่างประเทศว่าเครื่องจีที200 และ เอดีอี651 เป็นเครื่องที่ "ไร้ประสิทธิภาพโดยสิ้นเชิง" ในการตรวจสอบวัตถุระเบิด

ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2556 ศาลอังกฤษได้พิพากษาให้จำคุกเจมส์ แมคคอร์มิค เป็นเวลา 10 ปีในข้อหาหลอกขายเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดปลอม หรือจีที200 ในหลายประเทศ รวมทั้งประเทศไทย

 

บทวิเคราะห์: GT200 ลวงยังไง

ภาพ GT200 และส่วนประกอบ

โดยเริ่มมีการตรวจสอบกันในโลกออนไลน์จากเว็บพันทิพย์ และชี้ว่าการทำงานของเครื่องนี้ไม่ต่างกับการ Dowsing และปมเริ่มขยายใหญ่ขึ้นเมื่อสื่อต่างชาติรายงานว่าไทยโดนหลอกให้ซื้อเครื่องตรวจสอบระเบิดชนิดนี้ ส่วนตัวผู้จำหน่ายชาวอังกฤษเองก็ถูกศาลตัดสินจำคุกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คนไทยจึงนำมาขยายประเด็นต่อ ในการตรวจสอบถึงที่มาที่ไป และประสิทธิภาพการใช้งานของเครื่องจีทีสองร้อย จากประเด็นในโลกออนไลน์ 

สื่อไทยต่างให้ความสำคัญกับประเด็นนี้ พร้อมนำเหตุผลด้านการใช้งานประกอบกับการตั้งข้อสังเกต ต่างๆ มีการลงพื้นที่ไปยังสามจังหวัดชายแดนใต้ที่ทหารใช้เครื่องนี้ และมีกรณีผิดพลาดจากการใช้เครื่องจีทีสองร้อยเกิดขึ้น

ตามข้อมูลการใช้งานเบื้องต้นแล้วนั้นมีการบอกเล่าจากผู้ผ่านการอบรมการใช้งานว่าต้องอาศัยประจุไฟฟ้าจากร่างกาย ที่ร่างกายจะต้องมีความพร้อม ซึ่งสิ่งต่างๆ ข้างต้นนำไปสู่การพิสูจน์อย่างจริงจังทั้งการเอ็กซ์เรย์ และการแกะตัวเครื่องดู

ผ่า GT200 พบข้างในว่างเปล่า

พบว่าภายในเครื่องไม่มีวงจรอิเล็กทรอนิกส์ใดๆ เป็นเพียงกระบอกกลวงๆ และตัวการ์ดที่ใช้แต่ละใบก็เป็นเพียงกระดาษธรรมดาไม่ได้ติดตั้งโปรแกรม หรือมีการบรรจุข้อมูลใดๆ ไว้ภายใน

ในที่สุดก็นำไปสู่การทดสอบอย่างจริงจังตามขั้นตอนการทดทดสอบที่เป็นสากล (ใช้การตรวจสอบแบบตาบอดสองทาง (Double Blind Test) ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2553) ซึ่งผลก็ออกมาว่าเครื่องจีทีสองร้อยนั้นไร้ประสิทธิภาพจริง (ตรวจหาวัตถุระเบิดซีโฟร์ได้ถูกต้องเพียง 4 ครั้ง จาก 20 ครั้ง) ทางนายอภิสิทธิ์ นายกรัฐมนตรีขณะนั้นได้ออกแถลงการณ์งดการสั่งซื้อ และจะทยอย เลิกใช้ไปในแต่ละพื้นที่ มีการประมวลผลรวมต่างของเครื่อง GT 200 ออกมาให้ประชาชนได้รับทราบข้อเท็จจริง 

 ซึ่งในเบื้องต้นตามวิธีการใช้งานนั้นก็ระบุว่าต้องอาศัยการทำงานของ “ไฟฟ้าสถิต” ไฟฟ้าสถิตที่กล่าวถึงนี้หมายถึงไฟฟ้าสถิตบนร่างกายของผู้ใช้ โดยผู้ใช้จะต้องผ่านการอบรมการใช้งานเครื่อง และต้องตระเตรียมร่างกายให้พร้อมอย่างถูกต้องตามวิธีการที่บริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์นี้กำหนดไว้ อย่างไรก็ตาม แม้ไฟฟ้าสถิตที่เกิดขึ้นจะมีอยู่ตลอดเวลา แต่ปัญหาก็คือประจุที่เกี่ยวข้องกับไฟฟ้าสถิตดังกล่าวมีปริมาณน้อยมากจนเป็นไปไม่ได้ว่าจะสามารถนำไปใช้ในการทำให้ชิ้นส่วนของอุปกรณ์ขยับเขยื้อนได้

 

สรุป

แม้ข้อมูลในเบื้องต้นจะมีการระบุว่าการทำงานของเครื่อง GT200 ต้องอาศัยประจุไฟฟ้าจากตัวผู้ใช้ ทำให้ผู้ใช้ต้องมีการเตรียมสภาพร่างกายให้พร้อมจริง แต่เมื่อมีผลพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ออกมาแล้วนั้น การทำงานของเครื่องที่บอกว่ามีความเกี่ยวข้องกับไฟฟ้าสถิตในตัวคนจึงเป็นอันตกไป และเครื่องมือดังกล่าวนั้นก็มิสามารถนำมาใช้การได้จริง อาจมีประโยชน์ก็เพียงด้านจิตใจของผู้ใช้ที่เชื่อว่ามันทำงานได้ ทำให้รู้สึกปลอดภัย

ดังนั้นทางเราจัดให้คำพูดของนายอภิสิทธิ์ ที่ว่า “…มีการพบนะครับว่ามีจุดอ่อน (เครื่องGT200) คือเท่าที่ผมพูดคุยกับผู้ที่เกี่ยวข้องก็คือว่า มีจุดอ่อนในเรื่องของการใช้กระแสไฟฟ้าในตัวคน เพราะฉะนั้นบางทีสภาพของตัวบุคคลที่ไปตรวจนะครับ ถ้าหาก อาจจะพักผ่อนน้อยไปหรือไม่มีความพร้อมเนี่ย ก็จะทำให้เครื่องนี้ (เครื่องGT200) เนี่ย ขาดประสิทธิภาพ” อยู่ในเกณฑ์ “เป็นเท็จ”

ป้ายคำ :