ThaiPublica > เกาะกระแส > สรุปผลตรวจสตง. โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ชี้ปมล่าช้า แนะแก้ปัญหาแหล่งเงินทุน 1.49 แสนล.

สรุปผลตรวจสตง. โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ชี้ปมล่าช้า แนะแก้ปัญหาแหล่งเงินทุน 1.49 แสนล.

16 ตุลาคม 2024


โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (โครงการฯ) เป็นโครงสร้างพื้นฐานหลักในการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC) เชื่อมต่อ 3 สนามบินในเขตกรุงเทพมหานคร และ EEC ได้แก่ สนามบินดอนเมือง สนามบินสวรรณภูมิ และสนามบินอู่ตะเภา แบบไร้รอยต่อ รวมถึงพัฒนาพื้นที่เพื่อสนับสนุนบริการรถไฟของโครงการฯ (Transit Oriented Development: TOD) ซึ่งประกอบด้วย พื้นที่มักกะสันและศรีราชา เพื่อให้เป็นศูนย์กลางการเชื่อมโยงกรุงเทพมหานครกับเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC Gateway) และดำเนินกิจการทารทางพาณิชย์ เพื่อสนับสนุนการดำเนินโครงการเกี่ยวกับรถไฟและการให้บริการผู้โดยสาร ซึ่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติโครงการฯ เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2561 โดยให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินโครงการฯ มูลค่าการลงทุน 224,544.36 ล้านบาท กรอบวงเงินที่รัฐร่วมลงทุนกับเอกชนไม่เกิน 149,650.00 ล้านบาท

โดยรฟท. ได้ลงนามในสัญญาร่วมลงทุนกับ บริษัท เอเชีย เอรา วัน จำกัด เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2562 โดยเอกชนคู่สัญญาจะดำเนินการพัฒนาโครงการเกี่ยวกับรถไฟ และพัฒนาพื้นที่เพื่อสนับสนุนบริการรถไฟของโครงการฯ ตั้งแต่วันที่เริ่มต้นนับระยะเวลาของโครงการฯ ตามที่ระบุในหนังสือแจ้งให้เริ่มงาน (Notice to Proceed: NTP) ซึ่งออกโดย รฟท. โดยมีเงื่อนไขที่ต้องดำเนินการให้ครบถ้วน สำหรับการออกหนังสือแจ้งให้เริ่มงาน ดังนี้ (1) รฟท. ส่งมอบพื้นที่โครงการเกี่ยวกับรถไฟให้แก่เอกชนคู่สัญญา ได้แก่ พื้นที่โครงการเกี่ยวกับรถไฟ ช่วงสุวรรณภูมิ – อู่ตะเภา (นอกเมือง) (2) รฟท. ส่งมอบพื้นที่เพื่อสนับสนุนบริการรถไฟของโครงการฯ ได้แก่ พื้นที่มักกะสันและศรีราชา และ (3) เอกชนคู่สัญญาได้รับบัตรส่งเสริมการลงทุนสำหรับโครงการเกี่ยวกับรถไฟ

สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตระหนักถึงความสำคัญของโครงการฯ ดังกล่าว เนื่องจากเป็นโครงการของรัฐบาลที่มีผลกระทบต่อฐานะการคลังของประเทศ หรือโครงการที่มีผลกระทบต่อประชาชน หรือเรื่องที่สาธารณชนให้ความสนใจ จึงได้ดำเนินการตรวจสอบผลสัมฤทธิ์และประสิทธิภาพการดำเนินงานโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ซึ่งเป็นโครงการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (Public Private Partnership: PPP) โดยตรวจสอบเอกสาร สัมภาษณ์ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องของ รฟท. สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ตัวแทนของเอกชนคู่สัญญา และที่ปรึกษาโครงการฯ รวมถึงสังเกตการณ์พื้นที่โครงการฯ ปรากฎผลการตรวจสอบเกี่ยวกับประสิทธิภาพในการดำเนินงานโครงการฯ ที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ของโครงการฯ รวมถึงอาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของโครงการอื่นที่เกี่ยวข้อง รายละเอียดดังนี้

ข้อตรวจพบ การดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ไม่เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้

การดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินยังไม่สามารถเริ่มต้นดำเนินโครงการฯ ได้ โดยล่าช้ากว่าแผนที่กำหนดไว้เป็นระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 2 ปี 10 เดือน (วันที่ 24 ตุลาคม 2564 – วันที่ 28 สิงหาคม 2567) โดยมีประเด็นปัญหาเกี่ยวกับการดำเนินการในพื้นที่โครงการเกี่ยวกับรถไฟ ช่วงสุวรรณภูมิ – อู่ตะเภา (นอกเมือง) พื้นที่เพื่อสนับสนุนบริการรถไฟของโครงการฯ (พื้นที่มักกะสันและศรีราชา) และการดำเนินการขอรับบัตรส่งเสริมการลงทุน รวมถึงการดำเนินการในพื้นที่อื่นล่าช้ากว่าแผนที่กำหนด โดยมีรายละเอียดดังนี้

1. การดำเนินการในพื้นที่โครงการเกี่ยวกับรถไฟ ช่วงสุวรรณภูมิ – อู่ตะเภา (นอกเมือง) ล่าช้ากว่าแผนที่กำหนด โดยที่ผ่านมา ภายหลังจากเอกชนคู่สัญญาได้รับเอกสารการส่งมอบพื้นที่จาก รฟท. เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2564 ได้จัดทำแผนร่วมกันสำหรับลงสำรวจพื้นที่และใช้ระยะเวลาในการตรวจสอบข้อมูลที่มีจำนวนมากก่อนลงนามในเอกสารการตรวจร่วม และจัดทำบันทึกข้อตกลงที่เอกชนคู่สัญญาตกลงและยินยอมรับมอบพื้นที่ เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2567 ทำให้การส่งมอบพื้นที่ล่าช้ากว่าแผนที่กำหนดไว้ตามสัญญาร่วมลงทุนเป็นระยะเวลา 2 ปี 8 เดือน (วันที่ 24 ตุลาคม 2564 – 7 มิถุนายน 2567)

นอกจากนี้ ยังมีประเด็นปัญหาการเวนคืนบริเวณหมู่บ้านประชาสุข 6 ที่ รฟท. ยังไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายในการรื้อถอนได้สำเร็จ และปัญหาเอกชนคู่สัญญาของโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา และเมืองการบินภาคตะวันออกมีการปรับเปลี่ยนแผนแม่บท ทำให้ตำแหน่งสถานีและแนวเส้นทางของโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน เปลี่ยนแปลงไป

2. การดำเนินการในพื้นที่เพื่อสนับสนุนบริการรถไฟของโครงการฯ (พื้นที่มักกะสันและศรีราชา) ล่าช้ากว่าแผนที่กำหนด โดยที่ผ่านมา รฟท. ส่งมอบพื้นที่ เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2564 และเอกชนคู่สัญญาตกลงและยินยอมรับมอบพื้นที่ เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2567 ทำให้การส่งมอบพื้นที่เสร็จสิ้นและสมบูรณ์ล่าช้ากว่าแผนที่กำหนดเป็นระยะเวลาประมาณ 2 ปี 8 เดือน (วันที่ 24 ตุลาคม 2564 – 7 มิถุนายน 2567) ยกเว้นการจัดหาพื้นที่ทดแทนพื้นที่ส่วนที่เป็นลำรางสาธารณประโยชน์ โดยต้องให้ได้ข้อสรุปก่อนการออกหนังสือแจ้งให้เริ่มงาน ซึ่ง รฟท. อยู่ระหว่างการเจรจากับเอกชนคู่สัญญา โดยเบื้องต้นจะพิจารณาพื้นที่ที่ติดกับพื้นที่ TOD เป็นพื้นที่ทดแทน ซึ่งปัญหาดังกล่าวเกิดจากเอกชนคู่สัญญาพบว่า ในโฉนดที่ดินมีการระบุลำรางสาธารณประโยชน์ จำนวน 2 ลำราง ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาพื้นที่ให้เต็มศักยภาพ และการดำเนินการในพื้นที่ดังกล่าวอาจไม่เป็นไปตามกฎหมาย โดยมีสาเหตุจาก รฟท. ตรวจสอบพื้นที่จากผังกรรมสิทธิ์ที่อ้างอิงจากพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งไม่มีข้อมูลครอบคลุมถึงทางสาธารณประโยชน์หรือลำรารางสาธาธารณประโยชน์ เทียบเท่ากับโฉนดที่ดินที่เป็นหนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดินก่อนที่จะออกเอกสารสำหรับการคัดเลือกเอกชน (Request for Proposal: RFP) ประกอบกับการศึกษาเกี่ยวกับการใช้พื้นที่และความพร้อมของพื้นที่ที่ใช้ในการดำเนินโครงการฯ ในรายงานผลการศึกษาและวิเคราะห์โครงการ (ฉบับสมบูรณ์) ยังไม่ครอบคลุมเรื่องกรรมสิทธิ์ในพื้นที่ TOD

นอกจากนี้ เอกชนคู่สัญญาได้ร้องขอให้มีการเปลี่ยนแปลงสภาพบึงเสือดำ ซึ่งอยู่ภายในพื้นที่มักกะสัน และเป็นพื้นที่รองรับน้ำและเก็บกักน้ำฝน โดยคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเห็นชอบและรับทราบแนวทางการพัฒนาพื้นที่เก็บกักน้ำทดแทนบึงเสือดำแล้ว

3. การดำเนินการขอรับบัตรส่งเสริมการลงทุนสำหรับโครงการเกี่ยวกับรถไฟยังไม่แล้วเสร็จ เอกชนคู่สัญญามีความเห็นว่าข้อมูลที่สำคัญของโครงการฯ บางส่วนมีความไม่ชัดเจน ทำให้ไม่สามารถระบุข้อมูลโครงการฯ เช่น ข้อมูลเรื่องแหล่งเงินกู้ที่คาดว่าจะได้รับ เนื่องจากเอกชนคู่สัญญาไม่สามารถจัดหาแหล่งเงินทุนจากสถาบันการเงินได้ และปัญหาโครงสร้างโยธาร่วมช่วงบางซื่อ – ดอนเมือง ที่ยังไม่ได้ข้อสรุป ทำให้ไม่สามารถระบุแผนการดำเนินงานที่ชัดเจน โดยปัญหาการจัดหาแหล่งเงินทุนจากสถาบันการเงินของเอกชนคู่สัญญา เกิดจากสมมติฐานทางการเงินของโครงการฯ เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งมีสาเหตุจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และสงครามรัสเซีย – ยูเครน ประกอบกับ ในขณะนั้น รฟท. ก็ยังไม่สามารถส่งมอบพื้นที่ได้เสร็จสิ้นและสมบูรณ์ โดย รฟท. และเอกชนคู่สัญญาร่วมกันแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยตกลงปรับวิธีการชำระเงินที่รัฐร่วมลงทุนในโครงการฯ (Public Investment Cost: PIC) ทั้งโครงการ จำนวนไม่เกิน 149,650.00 ล้านบาท โดยรัฐต้องจ่ายเร็วขึ้น จากเดิมกำหนดชำระเงินเมื่อก่อสร้างโครงการฯ แล้วเสร็จและเริ่มเปิดให้บริการเดินรถของโครงการฯ แล้ว และการแบ่งชำระค่าให้สิทธิร่วมลงทุนในแอร์พอร์ต เรลลิงก์ ของเอกชนคู่สัญญาให้แก่ รฟท. จำนวน 10,671.09 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น 7 งวด จากเดิมกำหนดชำระงวดเดียวภายในวันที่ 24 ตุลาคม 2564 ซึ่งต้องดำเนินการแก้ไขหลักการหรือเงื่อนไขของโครงการฯ ต่อไป

นอกจากนี้ ปัญหาโครงสร้างโยธาร่วมช่วงบางชื่อ – ดอนเมือง กับโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย – จีน ซึ่งต้องให้ใช้โครงสร้างร่วมกัน แต่กำหนดความเร็วการเดินรถสูงสุดและมาตรฐานการออกแบบโครงสร้างที่แตกต่างกัน ซึ่งมีสาเหตุเกิดจาก รฟท. ไม่ได้นำรายละเอียดข้อมูลดังกล่าวของโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย – จีน มาประกอบการพิจารณาจัดทำโครงการฯ ทั้งนี้ รฟท. ได้ข้อสรุปในการแก้ไขปัญหาโครงสร้างโยธาร่วมช่วงบางชื่อ – ดอนเมือง โดยฝ่ายจีนตกลงปรับงานออกแบบรายละเอียดความเร็วที่ใช้เดินรถ แต่ต้องให้ฝ่ายจีนพิจารณาก่อนเพื่อรักษาความยึดหยุ่นและสอดคล้องกับมาตรฐานทางเทคนิคของรถไฟความเร็วสูงไทย – จีน

4. การดำเนินการในพื้นที่อื่นล่าช้ากว่าแผนที่กำหนด การส่งมอบพื้นที่โครงการแอร์พอร์ต เรลลิงก์ (สถานีพญาไท – สถานีสุวรรณภูมิ) ให้เอกชนคู่สัญญายังไม่เสร็จสมบูรณ์และครบถ้วน โดยล่าช้ากว่าแผนที่กำหนดเป็นระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 2 ปี 10 เดือน (วันที่ 24 ตุลาคม 2564 – วันที่ 28 สิงหาคม 2567) และการส่งมอบพื้นที่โครงการเกี่ยวกับรถไฟในส่วนของแอร์พอร์ต เรลลิงก์ ส่วนต่อขยาย (ช่วงพญาไท – ดอนเมือง) ให้เอกชนคู่สัญญายังไม่เสร็จสิ้นและสมบูรณ์ โดย รฟท. ส่งมอบพื้นที่ และยินยอมให้เอกชนคู่สัญญาสามารถเข้าใช้ประโยชนในพื้นที่ เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2565 แต่ยังไม่เสร็จสิ้นและสมบูรณ์ เนื่องจากมีพื้นที่บางส่วนยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ และเอกชนคู่สัญญายังไม่ตกลงรับมอบพื้นที่ ทำให้ล่าช้ากว่าแผนที่กำหนดไว้เป็นระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 10 เดือน (วันที่ 24 ตุลาคม 2566 – วันที่ 28 สิงหาคม 2567) รายละเอียดดังนี้

    4.1 พื้นที่ของโครงการแอร์พอร์ต เรลลิงก์ (สถานีพญาไท – สถานีสุวรรณภูมิ) พบปัญหาการดำเนินการของงานระยะที่ 1 ในส่วนของแอร์พอร์ต เรลลิงก์ ของเอกชนคู่สัญญาล่าช้า โดยสาเหตุเกิดจากเอกชนคู่สัญญาได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ส่งผลให้ไม่สามารถทำงานได้ช่วงระยะเวลาหนึ่ง และความล่าช้าในการสั่งซื้อและจัดส่งอุปกรณ์บางรายการ ประกอบกับเอกชนคู่สัญญาชาขาดบุคลากรที่มีความชำนาญและประสบการณ์ด้านการจัดเตรียมเอกสารทางเทคนิค รวมทั้งปัญหาเอกชนคู่สัญญายังไม่ชำระค่าให้สิทธิร่วมลงทุนในแอร์พอร์ตเรลลิงก์ ให้แก่ รฟท. อันเนื่องมาจากเอกชนคู่สัญญาประสบปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน และปัญหาการจัดหาแหล่งเงินทุน
    4.2 พื้นที่โครงการเกี่ยวกับรถไฟในส่วนของแอร์พอร์ต เรลลิงก์ส่วนต่อขยาย (ช่วงพญาไท – ตอนเมือง) พบปัญหาความล่าช้าในการขอใช้พื้นที่สถานสงเคราะห์เด็กหญิงบ้านราชวิถี โดยสาเหตุเกิดจากการศึกษาและสำรวจข้อมูลพื้นที่ที่ถูกเวนคืนในรายงานผลการศึกษาและวิเคราะห์โครงการ (ฉบับสมบูรณ์) ยังไม่ครอบคลุมรายละเอียดของที่ดินมากเพียงพอ จึงต้องชะลอการดำเนินการก่อสร้างในบริเวณดังกล่าวจนกว่าจะได้รับพระบรมราชานุญาต ในส่วนการรื้อย้ายระบบบำบัดน้ำเสียของสำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร บริเวณคลองสามเสนยังไม่เริ่มต้นดำเนินการ เกิดจากการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างโครงการปรับปรุงระบบรวบรวมน้ำเสียโรงควบคุมคุณภาพน้ำดินแดงของกรุงเทพมหานครมีความล่าช้า โดยมีการเปลี่ยนแปลงวิธีการจัดซื้อจัดจ้างโครงการ รวมถึงการขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณล่าช้า นอกจากนี้ ยังมีความล่าช้าในการขอขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการ ซึ่งยังไม่เสนอวาระดังกล่าวต่อสภากรุงเทพมหานคร ในขณะที่การรื้อย้ายท่อขนส่งน้ำมันของ บริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด พบว่า การก่อสร้างท่อขนส่งน้ำมันใหม่ดำเนินการเรียบร้อยแล้ว โดยอยู่ระหว่างการทดสอบท่อขนส่งน้ำมันและบ่อวาล์วช่วงสุดท้าย ซึ่งดำเนินงานล่าช้ากว่าแผนที่กำหนดไว้ เนื่องจากในระหว่างดำเนินการขุดเจาะ บริษัทฯ พบปัญหาอุปสรรคนอกเหนือจากการคาดการณ์ เช่น อุปสรรคฐานรากคอนกรีตใต้ดิน ระบบสาธารณูปโภคใต้ดิน ทำให้ต้องใช้ระยะเวลาในการแก้ไขปัญหา ส่งผลให้การดำเนินงานไม่เป็นไปตามแผนที่กำหนด

การดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ไม่เป็นไปตามแผนที่กำหนด โดยการเริ่มต้นดำเนินโครงการฯ ล่าช้า ทำให้การก่อสร้างและการเปิดให้บริการเดินรถของโครงการฯ ล่าช้าส่งผลให้ประชาชนเสียโอกาสในการใช้บริการรถไฟความเร็วสูง และ รฟท. เสียโอกาสที่จะได้รับผลประโยชน์ตอบแทนจากเอกชนคู่สัญญาภายในระยะเวลาที่เหมาะสม เพื่อนำมาเสริมสภาพคล่องการดำเนินกิจการ หรือลงทุนในโครงการอื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศ รวมถึงอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงที่จะต้องชุดเชยความเสียหายจากการดำเนินโครงการฯ ไม่เป็นไปตามแผนที่กำหนดในส่วนที่เกี่ยวข้องกับโครงการอื่น ได้แก่ โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก และโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย – จีน

นอกจากนี้ แนวทางการแก้ไขปัญหาการดำเนินโครงการฯ ของเอกชนคู่สัญญา โดยการปรับการชำระเงินโดยรัฐต้องจ่ายเร็วขึ้น และการแบ่งชำระค่าให้สิทธิร่วมลงทุนในแอร์พอร์ต เรลลิงก์ ที่ รฟท. ยังไม่ได้รับการชำระจากเอกชนคู่สัญญามีความเสี่ยงที่จะกระทบต่อหลักการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนบางส่วนที่มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มศักยภาพในการลงทุนและลดภาระทางการเงินและการคลังของรัฐและวัตถุประสงค์เพื่อถ่ายโอนความเสียงให้เอกชน อีกทั้งจะทำให้ รฟท. และรัฐเสียโอกาสในการนำเงินที่รัฐร่วมลงทุนในโครงการฯ เพื่อไปใช้สำหรับการบริหารงานหรือดำเนินโครงการอื่น ๆ ที่จำเป็นเป็นเร่งด่วน ทั้งนี้ ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบผลสัมฤทธิ์และประสิทธิภาพการดำเนินงานโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้มีหนังสือแจ้งผลการตรวจสอบเชิงป้องกัน เพื่อให้ รฟท. ดำเนินการแก้ไขปัญหาการดำเนินโครงการฯ โดยต้องให้มีความเหมาะสมและเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย และให้ความสำคัญกับวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของหลักการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน อีกทั้งคำนึงถึงประโยชน์สาธารณะเป็นสำคัญ เพื่อให้โครงการฯ สามารถขับเคลื่อนต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพเกิดประโยชน์ต่อภาครัฐและประชาชน และไม่สูญเสีญหลักการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน

ข้อเสนอแนะ

เพื่อให้การดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน และโครงการในลักษณะเดียวกันในอนาคตของ รฟท. มีประสิทธิภาพ ลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อผลสัมฤทธิ์ของโครงการ ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินมีข้อเสนอแนะให้ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทยพิจารณาดำเนินการ ดังนี้

1. สั่งการเร่งรัด/กำกับติดตามการดำเนินการส่งมอบพื้นที่ให้สำเร็จลุล่วงโดยเร็ว ดังนี้

    1.1 สั่งการเร่งรัดการดำเนินการในพื้นที่โครงการเกี่ยวกับรถไนส่วนของแอร์พอร์ต เรลลิงก์ ส่วนต่อขยาย (ช่วงพญาไท – ดอนเมือง) ที่ยังไม่แล้วเสร็จ เพื่อให้การส่งมอบพื้นที่ดังกล่าวเสร็จสิ้นและสมบูรณ์ รวมถึงกำหนดแนวทางที่เหมาะสมในการบริหารสัญญาสำหรับงานรื้อย้ายชากท่อขนส่งน้ำมันแนวเดิมที่ไม่ใช้งาน ในระหว่างการเข้าดำเนินการก่อสร้างโครงการฯ เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินโครงการฯ ของเอกชนคู่สัญญา

    1.2 กำกับติดตามการดำเนินการเจรจากับเอกชนคู่สัญญาในการจัดหาพื้นที่อื่นทดแทนพื้นที่ที่เป็นลำรางสาธารณะบริเวณพื้นที่มักกะสันให้ได้ข้อสรุปโดยเร็ว เพื่อป้องกันความเสียงที่จะเป็นเงื่อนไขในการออกหนังสือแจ้งให้เริ่มงาน

2. สั่งการเร่งรัดให้ดำเนินการตามที่ รฟท. และเอกชนคู่สัญญาได้พิจารณาตกลงแนวทางการแก้ไขปัญหาการจัดหาแหล่งเงินทุนจากสถาบันการเงินของเอกชนคู่สัญญา เช่น การปรับวิธีการชำระเงินที่รัฐร่วมลงทุนในโครงการฯ (PIC) ทั้งโครงการ และการแบ่งชำระค่าให้สิทธิร่วมลงทุนในแอร์พอร์ต เรลลิงก์ของเอกชนคู่สัญญาให้แก่ รฟท. รวมถึงกรณีอื่นที่ รฟท. ประเมินแล้วว่าจะกระทบต่อหลักการหรือเงื่อนไขของโครงการฯ ตามมติ ครม. และสัญญาร่วมลงทุนโครงการฯ โดยเสนอให้ ครม. หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาอนุมัติแก้ไขปรับปรุงหลักการหรือเงื่อนไขของโครงการฯ เพื่อให้กระบวนการแก้ไขสัญญาร่วมลงทุน หรือข้อตกลงเสร็จสิ้นโดยเร็ว ทั้งนี้ การดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวต้องมีความเหมาะสมและเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย และคำนึงถึงวัตถุประสงค์ของหลักการร่วมลงทุนระหว่างฐและเอกชน รวมถึงประโยชน์สาธารณะ โดยให้รัฐเสียประโยชน์น้อยที่สุด

3. กำกับติดตามการดำเนินการพิจารณาแนวทางการขอยกเว้นเงื่อนไขการขอรับบัตรส่งเสริมการลงทุนสำหรับโครงการเกี่ยวกับรถไฟของเอกชนคู่สัญญา ซึ่งเป็นเงื่อนไขการออกหนังสือแจ้งให้เริ่มงานให้ได้ข้อสรุปโดยเร็ว เพื่อให้เงื่อนไขการออกหนังสือแจ้งให้เริ่มงานสำเร็จครบถ้วน และการเริ่มต้นดำเนินโครงการฯ เกิดขึ้นโดยเร็ว

4. เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาการดำเนินงานโครงการในลักษณะเดียวกันในอนาคต ให้ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทยพิจารณาดำเนินการ ดังนี้

    4.1 สั่งการ/มอบแนวนโยบายให้ผู้รับผิดชอบโครงการดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดตามอำนาจที่กำหนดไว้ในมาตรา 39 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนและการได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2562 โดยคำนึงถึงถึงประโยชน์สาธารณะเป็นสำคัญ
    4.2 สั่งการให้พิจารณากำหนดหลักเกณฑ์ หรือแนวปฏิบัติที่ที่ชัดเจนให้ผู้รับผิดชอบโครงการดำเนินการตรวจสอบความพร้อมของพื้นที่ซึ่งอยู่ในความครอบครองของ รฟท. ให้เรียบร้อยก่อนที่จะนำพื้นที่มาใช้ดำเนินโครงการ โดยให้ความสำคัญในการตรวจสอบเอกสารแสดงกรรมสิทธิ์ในที่ดิน (โฉนดที่ดิน) กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ทราบถึงตำแหน่งที่ตั้ง ขอบเขต และลักษณะของที่ดินที่ครอบครอง รวมถึงทางสาธารณประโยชน์หรือลำรางสาธารณประโยชน์ที่พาดผ่านหรือมีอาณาเขตติดต่อกับที่ดินที่จะดำเนินโครงการ และหากพบว่าเป็นที่ดินสาธารณประโยชน์ และอาจเป็นความเสี่ยงที่จะทำให้เอกชนคู่สัญญานำมาเป็นเงื่อนไขในการไม่รับมอบพื้นที่ในอนาคต ก็ให้ดำเนินการให้เรียบร้อยหรือให้ได้ข้อยุติก่อนนำพื้นที่มาใช้ดำเนินโครงการ
    4.3 สั่งการให้พิจารณากำหนดแนวปฏิบัติที่ชัดเจนให้แก่คณะทำงางานแต่ละคณะดำเนินการบูรณาการข้อมูลร่วมกัน ในกรณีที่ รฟท. ต้องรับผิดชอบดำเนินการหลายโครงการในระยะเวลาที่ใกล้เคียงกัน
    4.4 สั่งการให้พิจารณากำหนดแนวปฏิบัติที่ชัดเจนให้ผู้รับผิดชอบโครงการดำเนินการศึกษาข้อมูลพื้นที่ ขั้นตอน และระยะเวลาที่ใช้ในการดำเนินการเวนคืนและการขอใช้ประโยชน์พื้นที่จากหน่วยงานอื่นที่มีลักษณะเฉพาะ เช่น สถานสงเคราะห์เด็กหญิงบ้านราชวิถี ก่อนเริ่มดำเนินโครงการเพื่อนำมาเป็นข้อมูลในการกำหนดแผนการเวนคืนที่ดินได้อย่างสอดคล้องเหมาะสม และสามารถนำมาปฏิบัติได้จริง
    4.5 สั่งการให้พิจารณากำหนดแนวทางที่เหมาะสมเพื่อใช้ในการบริหารและจัดการความเสี่ยงที่เป็นเหตุสุดวิสัยหรือต้องบูรณาการกับหน่วยงานอื่น ๆ เช่น การเปลี่ยนแปลงแนวเส้นทางและตำแหน่งสถานีรถไฟความเร็วสูงบริเวณพื้นที่สนามบินอู่ตะเภาของโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก การรื้อย้ายระบบบำบัดน้ำเสียที่เป็นอำนาจหน้าที่ในการจัดซื้อซื้อจัดจ้างของกรุงเทพมหานคร การก่อสร้างท่อขนส่งน้ำมันใหม่เพื่อทดแทนท่อขนส่งน้ำมันเดิมที่พบปัญหาอุปสรรคนอกเหนือจากการคาดการณ์ เป็นต้น เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมและสามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ