ThaiPublica > Sustainability > Contributor > ขยะไทยล้น: ถ้านำเข้ายิ่งสำลัก (ตอนจบ)

ขยะไทยล้น: ถ้านำเข้ายิ่งสำลัก (ตอนจบ)

3 ตุลาคม 2021


วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ สมาชิกวุฒิสภา รองประธานคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ของวุฒิสภา

ขยะขวดพลาสติกอัดแน่น

ความตอนที่แล้ว บอกว่า ตอนที่เริ่มปี 2564 มีการแจ้งความประสงค์ขอนำเข้าเศษพลาสติกเข้ามาอีก ทั้งที่ตามแผนที่เคยประกาศกำหนดว่า หลังกันยายน 2563 ไทยจะหมดระยะการผ่อนผันการอนุญาตนำเข้าเศษพลาสติกแล้วก็ตาม

มาเล่ากันต่อครับ

คณะอนุกรรมการบริหารจัดการขยะพลาสติกและขยะอิเล็กทรอนิกส์ จึงให้กรมควบคุมมลพิษเสนอมาตรการมาให้พิจารณา

อันนี้น่าจะอนุมานพอได้มั้ยครับว่า การมีมติแบบนี้ เท่ากับบอกใบ้กลายๆ ว่า ระยะเวลาผ่อนผันที่สิ้นสุดลงไปแล้วนั้น ยังไม่เป็นเด็ดเป็นขาดเสียแล้ว และยังมีมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติให้กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กรมศุลกากร กระทรวงการคลัง กรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ กรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ไปร่วมหารือเพื่อจะได้ออกระเบียบกระทรวงพาณิชย์ ว่าด้วยการอนุญาตให้นำเข้าเศษพลาสติกเข้ามาในราชอาณาจักรอีกด้วย!!

จากนั้น เวลาก็ล่วงมาจนกลางปี 2564 ซึ่งโควิดสายพันธุ์เดลตาอาละวาดหนัก กวาดข่าวทุกข่าวหล่นหายไปจากการรับรู้ของคนทั่วไป

ในช่วงนี้เอง กรมควบคุมมลพิษได้ออกประกาศกรมควบคุมมลพิษ โดยอ้างอิงอำนาจการบริหารงานตามกฎกระทรวงที่ใช้จัดตั้งกรม เพื่อชี้ว่า ความหมายของคำว่า ขยะพลาสติก กับความหมายของคำว่า เศษพลาสติก นั้นต่างกัน

ขยะพลาสติก หมายความว่า ชิ้นงานหรือชิ้นส่วนพลาสติกที่ใช้งานแล้วหรือไม่ก็ตามจนถูกนำไปทิ้ง หรือไม่เป็นที่ต้องการอีกต่อไป หรือเสื่อมสภาพจนไม่สามารถใช้งานได้ หรือมีการปนเปื้อนกับขยะประเภทอื่นหรือวัสดุประเภทอื่น

ส่วนเศษพลาสติกนั้น หมายความว่า เศษ เศษตัดและของที่ใช้ไม่ได้ที่เป็นพลาสติกไม่ว่าใช้แล้วหรือไม่ก็ตาม ตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร ประเภท 39.15 ซึ่งก็น่าจะช่วยให้สังคมแยกแยะของสองประเภทนี้ได้ดีขึ้น

ผมได้มีโอกาสสื่อสารกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมปัจจุบัน คือ ท่านวราวุธ ศิลปอาชา ซึ่งนับเป็นนักบริหารหนุ่มที่มีทั้งความรู้ในฐานะบัณทิตวิศวกรรมศาสตร์ ท่านจึงเข้าใจโครงสร้างของพอลิเมอร์ของพลาสติก เข้าใจว่าอะไรบ้างที่จะกลายเป็นปัญหาต่อสิ่งแวดล้อม ท่านมีดีกรีพ่วงด้วยปริญญาโททางบริหารธุรกิจจากสหรัฐฯ จึงสามารถเข้าใจวิธีการทางธุรกิจ การตรวจสอบบัญชีของธุรกิจ และผมเคยได้เห็นภาพการออกลุยงานสนามอย่างแข็งขัน มีทักษะการสื่อสารได้ดี ท่านได้ให้ความมั่นใจว่า ท่านเห็นประเด็นของเรื่องนี้ชัดและตั้งใจจะลุยต่อเนื่องให้ผลลัพธ์ออกมาในทางที่จะต้องสอดรับกับคำมั่นที่ท่านบอกว่า

“เราต้องไม่เป็นที่ทิ้งขยะของประเทศอื่น”

เมื่อติดตามรายงานจากอ่านในสื่อมวลชน ท่านยังได้กำชับถึงความมุ่งมั่นจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจแบบ BCG หรือเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน เศรษฐกิจสีเขียว ซึ่งเป็นอนาคตที่สำคัญสำหรับการมุ่งสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ หรือ UN Sustainable Development Goals

อันนี้น่าอุ่นใจขึ้น

จากนั้นในวันเดียวกัน ท่านได้ให้กรมควบคุมมลพิษ จับมือกับกรมศุลกากร ทหาร กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ลุยสำรวจตรวจและปรากฏว่า พบการสำแดงเท็จหลายรายการที่ท่าเรือแหลมฉบัง ที่ชลบุรี มีการเปิดตู้คอนเทนเนอร์สินค้าพบว่าเป็นขยะเทศบาลเฉยๆ เลย

เข้าเกณฑ์การฝ่าฝืนพระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า 2522 ของกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งมีประกาศกระทรวงพาณิชย์ในปี 2562 โดยรัฐมนตรีช่วยพาณิชย์ ชุติมา บุณยประภัศร ที่กำหนดว่า ขยะเทศบาลเป็นสินค้าต้องห้าม “นำเข้า” และ “ห้ามนำผ่าน” ด้วย

ดังนั้น นี่จึงเป็นอีกเครื่องมือทางกฎหมายที่จะใช้ลุยสู้กับปัญหาการนำเข้าสิ่งที่อาจจะเป็นมลภาวะต่อแผ่นดินไทยได้อีกชิ้น ซึ่งขยะพลาสติก และพวกเครื่องใช้ไฟฟ้าเสื่อมสภาพเป็นซากก็อาจพอได้อาศัยนำมาใช้สกัดการเข้ามาได้อีกทาง

ขอแค่เจ้าหน้าที่แข็งขันในการตรวจตรา และกล้าลุยแบบเข้มๆ หูตาจมูกไว รายงานหน่วยเหนือและประชาสังคมสม่ำเสมอ และกรณีที่แหลมฉบังนี้ ท่านอธิบดีกรมควบคุมมลพิษเปิดเผยด้วยว่า จะบังคับส่งขยะลักลอบเหล่านี้กลับไปยังประเทศแหล่งกำเนิดที่ส่งออกมา

อันนี้ถูกใจชาวบ้านเลย….ขอเจริญพร

ไม่นานมานี้ เครือข่ายภาคประชาสังคมและสมาคมซาเล้งมายื่นเรื่องที่วุฒิสภา เพื่อแสดงเจตจำนงที่จะขอเสียงสนับสนุนให้ช่วยคัดค้านการที่จะไม่ยุติการนำเข้าขยะโดยอ้างว่าเป็นเศษพลาสติกที่ต้องใช้ในฐานะวัตถุดิบ

ผมเรียนรายงานท่านพลเอก สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ ประธานคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแล้ว

ท่านนำเรื่องนี้เข้าที่ประชุมคณะกรรมาธิการในวันถัดมา ที่ประชุมเป็นห่วงใยเรื่องนี้ และมีมติมอบให้ คณะอนุกรรมาธิการด้านสิ่งแวดล้อมที่มี ผศ. ดร.บุญส่ง ไข่เกษ เป็นประธานอนุกรรมาธิการ และคณะอนุกรรมาธิการที่ล้วนแต่เป็นระดับอดีตปลัดกระทรวง ระดับอธิบดีและนักวิชาการที่แม่นยำคร่ำหวอดอยู่กับเรื่องมลพิษมายาวนานติดตามเรื่องนี้ต่ออย่างเป็นทางการ

นับว่าเป็นเรื่องน่ายินดีที่จะได้อีกทีมเก่งๆ เข้ามาช่วยดูแลเรื่องร้อนเรื่องนี้ให้ทันท่วงที

ข้อมูลที่ผมเล่ามานี้ ผมหวังใจว่าจะช่วยให้การดำริพิจารณาของหน่วยงาน ผู้บริหารกรมกอง กระทรวง และคณะกรรมการใดๆ ของรัฐได้ตระหนักว่า ไม่ว่ามติของคณะอนุกรรมการ ชุดที่มีมติให้ขยายการผ่อนผันให้ยังคงนำเข้าขยะ เอ๊ย เศษพลาสติกมาเป็นวัตถุดิบอุตสาหกรรม จะถูกเสียงข้างมากลากพาไปมายังไงก็ตาม แต่ในทางกฎหมายบริหารราชการแผ่นดิน มันยังต้องถูกทบทวนได้

และมติอนุกรรมการจะมีผล ก็ต้องนำไปผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการแม่ คือคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติที่มีระดับนายกฯ ที่มอบรองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานเสียก่อน และในบางประเด็นที่ต้องไปออกกฎกระทรวงหรือแก้ไขหลักการอะไร ก็จะต้องอาศัยมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมส่งไปยัง ครม. (คณะรัฐมนตรี) อันเป็นองค์กรสูงสุดของฝ่ายบริหารมิใช่หรือครับ?

ดังนั้น ยังไงเสีย ถ้าตั้งใจ ต้องเบรกกันทัน! ทบทวน หรือยับยั้งเถอะครับ

    1. ถ้าเราจะอยากมีรายได้จากการส่งออก เราก็ต้องไม่ยอมให้มีการเอาของอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมเข้ามาทำกิจกรรมรีไซเคิลที่สุ่มเสี่ยงในบ้านเรา โดยทำราวกับว่าเขามาสร้างเศรษฐกิจให้เราท่าเดียว แต่ควรพิจารณาถึงกระบวนการทำกิจกรรมของเขา ว่าพูดจริงทำจริงอย่างที่ยื่นขอหรือไม่

    2. และแม้จะทำตามที่แจ้งไว้ได้ ก็ยังต้องพึงพิจารณาว่า สิ่งที่จะทำต่อไปนั้น ไปเบียดเบียนโอกาสของชุมชนไทยและกลไกตลาด กลไกราคาของเศษวัสดุเหลือใช้ ชนิดต่างๆ ของไทยแค่ไหน มันมีผลให้เพิ่มภาระ หรือลดภาระต่อเป้าหมายการจะทำประเทศไทยให้เป็นสังคมขยะเป็นศูนย์หรือไม่

    3. ถ้าจีนบีบจนเจ้าของทุนกิจการอันขมุกขมัวนี้ต้องกระเจิงออกมา ถ้ากิจกรรมแบบนี้ไม่ได้ไปยุโรป ไม่ได้อยู่ต่อในอเมริกา แต่มาที่ภูมิภาคนี้ แถมหลายประเทศในภูมิภาคนี้ก็ไม่ต้อนรับแล้วไทยยังอ้าแขนรับไว้ ย่อมน่าคิดว่าเราแน่วแน่ต่อเป้าหมายการมีสังคมสิ่งแวดล้อมที่ดีจริงแล้วหรือ

    4. ถ้ารัฐคิดว่าข้อเรียกร้องของฟากอุตสาหกรรมนี้พยายามชี้ว่า เศษพลาสติกในบ้านเรามีไม่พอหรือสะอาดไม่พอสำหรับกระบวนการรีไซเคิลเพื่อนำไปใช้ใหม่ ก็ควรที่จะหันมาช่วยเสริมประสิทธิภาพการจัดการร่วมกัน เพื่อจะได้ทำให้มดงานในสนามที่ช่วยลดกองภูเขาขยะต่างๆ ยังทำอาชีพที่อุดมไปด้วยความไม่แน่นอนของพวกเขาได้รับการคุ้มครองพัฒนาดียิ่งขึ้น เพราะเขาอยู่ได้ สิ่งแวดล้อมเราก็จะเสียหายน้อยลง

    5. ถ้าวัตถุดิบเศษพลาสติกประเภทใดที่มีไม่พอจริงๆ ในการจะใช้สร้างธุรกิจที่ว่าก็ควรพิจารณาให้นำเข้ามาในรูปเม็ดพลาสติกสำเร็จรูปแล้ว ซึ่งแม้มีราคาสูงกว่าก็จริง แต่จะขจัดปัญหาความเป็นไปได้ที่จะมีการนำเข้ามาเพื่อทอดทิ้ง หรือทำลายในบ้านเรา

    6. เขตปลอดอากรก็ดี เขตประกอบการเสรีก็ดี น่าจะต้องมีกระบวนการกำกับที่ใช้มาตรฐานการมีส่วนร่วมที่มีความรอบด้านเพียงพอ มีความโปร่งใสเพียงพอ โดยไม่ไปสร้างภาระอันไม่จำเป็นหรือเกินสมควรต่อทั้งผู้ลงทุนและสังคมไทย รวมทั้งต่อสิ่งแวดล้อมไทย

    7. กราฟที่แสดงสถิติการนำเข้ามาซึ่งสิ่งที่อ้างว่า เป็น “เศษพลาสติก” ซึ่งนับว่าสุ่มเสี่ยงยิ่งที่จะถูกตบตาสวมรอยด้วย “ขยะพลาสติก” แต่พอไปดูกราฟการส่งออกของสิ่งที่เป็นผลผลิตจากการรีไซเคิลนี้แล้ว ควรเห็นความน่าสงสัยได้อย่างรวดเร็ว ว่าเป็นไปได้หรือ ที่การนำเข้าสิ่งที่เรียกว่า “เศษพลาสติก” มากขึ้นอย่างพรวดพราด สูงปรี๊ด ในห้วงปีที่ผ่านมา จะมีวิธีรีไซเคิลก้าวหน้าอะไรยังไงขนาดนั้นหรือ ที่ถึงขนาดที่ทำให้น้ำหนักของที่ส่งกลับออกไปนอกราชอาณาจักรมีน้ำหนักเหลือน้อยขนาดนั้น มีการเล่นกลซ่อนอะไรไปหรือไม่ ถ้าวันข้างหน้ามีกรณีแบบนี้บ่อย เราอาจถูกกีดกันทางการค้า หรือให้เรตติงเกี่ยวกับการลงทุนที่ถูกตลาดนานาชาติตั้งแง่ได้ ซึ่งย่อมไม่คุ้มกัน

    8. น่าจะมีการสืบเสาะป้องกันในทางลับด้วย ว่าต้องไม่ให้มีผู้ใดมีนอกในด้านผลประโยชน์อย่างเด็ดขาด

    9. เรื่องขยะ เป็นเรื่องที่สร้างผลเสียหายได้มาก และได้นาน ยากจะแก้ไข การกันไว้ให้มากกว่าแก้ เป็นวัฒนธรรมของสากลและประชาคมคนไทยยอมให้ความสำคัญและร่วมมือแข็งขันขึ้นเรื่อยๆ

จึงนับเป็นทุนทางสังคมที่ดีมาก การสร้างความโปร่งใสไว้วางใจเปิดเผยข้อมูลแก่กันและกันจะเป็นรากฐานที่เราจะสามารถใช้ต่อยอดในการพากันไปทำเรื่องยากขึ้นกว่านี้ไปได้อีกมาก

พลังร่วมด้านการบริหารขยะจะแปรและปลุกได้อีกหลายพลังในสังคม ในชุมชน และในราชการตลอดจนหน่วยงาน ให้ลุกขึ้นมาทำเรื่องการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย หลัง (และระหว่าง) โควิด รักษาสิ่งแวดล้อมโลก และทำให้ประชาชนไทยสามารถยืดอกในการการร่วมแก้ไข ปัญหา ภูมิอากาศโลกเปลี่ยนแปลง หรือ climate change ที่กำลังต้องการ climate action ที่ยิ่งใหญ่กว่าได้ต่อๆ ไป