GC และ Cargill ตอกย้ำผู้นำด้านความยั่งยืนระดับโลก สนับสนุนโมเดล BCG Economy สร้างโรงงานพลาสติกชีวภาพแบบครบวงจรแห่งใหม่ในประเทศไทย
10 สิงหาคม 2564 : กรุงเทพมหานคร – บริษัท GC International Corporation บริษัทย่อยของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล (จำกัด) มหาชน (GC) และ บริษัท Cargill Incorporated (Cargill) ในฐานะผู้ถือหุ้นสัดส่วนร้อยละ 50 ในบริษัท NatureWorks LLC (NatureWorks) ประกาศเดินหน้าสร้างโรงงานพลาสติกชีวภาพแบบครบวงจรแห่งใหม่ในประเทศไทย ตอบสนองความต้องการใช้วัสดุที่ยั่งยืนให้ตลาดโลก ภายหลังได้รับการอนุมัติส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
โครงการดังกล่าวนับเป็นหนึ่งในโครงการที่สนับสนุนโมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ BCG Economy Model (Bio-Circular-Green Economy) เพื่อช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจเติบโตแบบก้าวกระโดด ยกระดับความสามารถในการแข่งขัน และขับเคลื่อนให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของโลก (SDGs) ตามเป้าหมายที่วางไว้
ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (GC) กล่าวว่าบริษัทฯ ในฐานะผู้นำธุรกิจเคมีภัณฑ์ของประเทศไทยและผู้ผลิตเคมีภัณฑ์ชีวภาพที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอันดับหนึ่งของโลก มีความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจตามแนวทางความยั่งยืนและหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) เพื่อสร้างสมดุลและการเติบโตไปข้างหน้าร่วมกัน ทั้งในมิติของเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม โดยขับเคลื่อนบนกรอบของเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของโลก (SDGs)
“ในวันนี้ GC และ Cargill ในฐานะผู้ถือหุ้นของ NatureWorks ผู้ผลิตพลาสติกชีวภาพ PLA อันดับหนึ่งของโลก พร้อมเดินหน้าขยายการลงทุนในธุรกิจเคมีภัณฑ์ชีวภาพเพื่อสิ่งแวดล้อม หลังจากที่ BOI ได้อนุมัติส่งเสริมการลงทุนให้กับ NatureWorks โรงงานพลาสติกชีวภาพแบบครบวงจรแห่งใหม่นี้ ใช้เทคโนโลยีพลาสติกชีวภาพอันดับหนึ่งของโลกและใช้น้ำตาลจากอ้อยจากเกษตรกรในประเทศไทยเป็นวัตถุดิบ ซึ่งจะช่วยขยายฐานพันธมิตรในตลาด Bio-Polymer รวมถึงการผลิตและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการด้านการใช้วัสดุที่ยั่งยืน”
โครงการนี้มีมูลค่าการลงทุนประมาณ 20,000 ล้านบาท โดยโรงงานจะตั้งอยู่ที่นครสวรรค์ไบโอ คอมเพล็กซ์ (NBC) จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งเป็นโครงการแห่งแรกของประเทศไทยที่สอดคล้องกับโมเดล BCG Economy ตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขันและขยายโอกาสทางการค้าร่วมกับพันธมิตรต่าง ๆ ในเวทีโลก และสนับสนุนให้ประเทศไทยมีเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างมีเสถียรภาพ
นางสาว คอลลีน เมย์ President บริษัท Cargill’s Bioindustrial Group กล่าวว่า “การก้าวไปข้างหน้าร่วมกับ GC เพื่อสนับสนุนการขยายธุรกิจของ NatureWorks ด้วยการสร้างฐานการผลิตแห่งที่ 2 ซึ่งการลงทุนในครั้งนี้นับเป็นการตอกย้ำที่สำคัญถึงความพยายามอย่างต่อเนื่องของเราในการลงทุนเพื่อพัฒนาโซลูชั่นที่ยั่งยืนสำหรับลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมชีวภาพทั่วโลก”
โรงงานพลาสติกชีวภาพแบบครบวงจรแห่งใหม่ในประเทศไทย
โรงงานแห่งใหม่นี้เป็นโรงงานพลาสติกชีวภาพโพลีแลคติก แอซิด (Polylactic Acid : PLA) ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แห่งที่ 2 ภายใต้ชื่อทางการค้า Ingeo™ และส่งเสริมการต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มกับวัตถุดิบทางการเกษตรของประเทศไทย ตอบสนองการขยายตัวของตลาด ซึ่งคาดว่าจะสามารถดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ภายใน ปี 2567
Ingeo™ PLA เป็นโพลิเมอร์ชีวภาพที่สามารถย่อยสลายได้ มีคาร์บอนฟุตปริ้นท์ต่ำ สามารถนำไปใช้งานได้หลากหลายประเภท เช่น นำไปผลิตเป็นถุงชา แคปซูลกาแฟ บรรจุภัณฑ์อาหาร เส้นใยใช้ในงานพิมพ์ชิ้นงานสามมิติ เส้นใยที่นำมาใช้ผลิตผ้าอ้อม ผ้าเช็ดทำความสะอาด หน้ากากอนามัย รวมถึงอุปกรณ์ใช้ภายในบ้าน เป็นต้น โดยโรงงานนี้จะใช้น้ำตาลจากอ้อยจากเกษตรกรในประเทศไทยเป็นวัตถุดิบ ปีละประมาณ 110,000 ตัน นำไปผลิตเป็นกรดแลคติก (Lactic Acid) แลคไทด์ (Lactide) และโพลิเมอร์ (Polymer) จนได้เป็นโพลิแลคไทด์ (Polylactide) ส่งผลให้โรงงานนี้เป็นโรงงานผลิตโพลิแลคไทด์แบบครบวงจรแห่งแรกของโลก โดยมีกำลังการผลิตโพลิเมอร์ชีวภาพอยู่ที่ 75,000 ตันต่อปี
โรงงานนี้เป็นโรงงานแห่งแรกของโลกที่ออกแบบมาให้บูรณาการร่วมกันอย่างสมบูรณ์ ด้วยกระบวนการผลิตและการใช้พลังงานที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับพลาสติกชีวภาพ Ingeo™ ทำให้สามารถตอบสนองความต้องการสำหรับวัสดุที่ยั่งยืนให้กับตลาดโลก
เกี่ยวกับ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC
บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC เป็นผู้ดำเนินธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นครบวงจรที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และเป็นบริษัทชั้นนำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ทั้งในด้านขนาด ความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ ในการผลิตผลิตภัณฑ์ขั้นต้น ขั้นกลาง และขั้นปลาย ใน 8 กลุ่มธุรกิจหลัก ปัจจุบันมีกำลังการผลิตปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์มากกว่า 12.79 ล้านตันต่อปี มีกำลังการกลั่นน้ำมันดิบและคอนเดนเสทรวม 280,000 บาร์เรลต่อวัน บริษัทฯ ได้รับการจัดอันดับ 1 ใน 10 ด้านความสามารถในการผลิตเอทิลีนในภูมิภาคเอเชีย รวมถึงเป็นผู้ผลิตพลาสติกชีวภาพที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอันดับ 1 ของโลก นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างความเป็นผู้นำในธุรกิจเคมีภัณฑ์ โดยการรวมนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเข้ากับเทคโนโลยีขั้นสูง เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เสริมสร้างความเป็นอยู่ของผู้คนให้ดีขึ้นต่อไป บริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะสร้างการเติบโตอย่างมั่นคง ด้วยศักยภาพทางการแข่งขันและความโดดเด่นในอุตสาหกรรม รวมถึงการลงทุนในประเทศต่างๆ ที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง บริษัทฯ ได้รับการจัดอันดับให้เป็นอันดับ 1 ของโลกในกลุ่มดัชนี Dow Jones Sustainability Indices หรือ DJSI ปี 2020 ด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน 2 ปีซ้อน