บริบท
GT200 คือ อุปกรณ์ตรวจจับสะสารระยะไกล (remote substance detector) ทางผู้ผลิตอ้างว่า สามารถตรวจจับได้ตั้งแต่กระสุน สารระเบิด ยาเสพติด ทองคำ งาช้าง ธนบัตร ยาสูบ ไปจนถึงร่างกายมนุษย์ หลายประเทศทั้งในทวีปแอฟริกา ตะวันออกกลาง รวมถึงทวีปเอเชีย ซื้ออุปกรณ์นี้ไปใช้เพื่อตรวจจับวัตถุต้องสงสัยเป็นจำนวนมาก ในส่วนของประเทศไทย มีการซื้อ GT200 ระหว่างปี 2548-2553 เท่าที่ตรวจสอบพบ อย่างน้อย 15 หน่วยงาน รวมจำนวน 1,398 เครื่อง คิดเป็นเงินกว่า 1,134 ล้านบาท ในราคาเฉลี่ยเครื่องละกว่า 9 แสนบาท โดยกองทัพบกเป็นหน่วยงานที่จัดซื้อมากที่สุดถึง 90% ส่วนใหญ่ ถูกนำไปใช้ในภารกิจตรวจวัตถุต้องสงสัยในพื้นที่ภาคใต้ ไม่ก็ตรวจสอบสารยาเสพติดบริเวณชายแดน
GT200 ผลิตและจำหน่ายโดยบริษัทอังกฤษ โกลบอล เทคนิคอล จำกัด (Global Technical Limited) ที่มี “นายแกรี่ โบลตัน” เป็นเจ้าของ
หลังจากประเทศต่างๆ จัดซื้อไปใช้เป็นจำนวนมาก ในช่วงเวลาหนึ่ง ก็เริ่มเกิดข้อสงสัยเรื่องประสิทธิภาพการทำงานของอุปกรณ์นี้ เป็นเหตุให้หลายๆ ประเทศเริ่มตรวจสอบการทำงานของอุปกรณ์นี้ ก่อนจะพบว่า “ใช้งานไม่ได้จริง” โดยในปี 2553 รัฐบาลอังกฤษได้สั่งงดการส่งออกอุปกรณ์ลักษณะนี้ ไม่ว่าจะ GT200 หรือ ADE-651 ซึ่งมีลักษณะการทำงานใกล้เคียงกัน ผลิตและจำหน่ายโดยบริษัทอังกฤษ เอทีเอสซี จำกัด (ATSC Limited) ของ “นายเจมส์ แม็คคอร์มิค” โดยเฉพาะการส่งออกไปใช้ในประเทศอิรักหรือประเทศอัฟกานิสถาน เพราะเกรงกว่าจะสร้างอันตรายต่อกองทัพอังกฤษที่ยังปฏิบัติงานอยู่ในประเทศนั้นๆ
สำหรับประเทศไทย เริ่มมีข้อสงสัยเรื่องประสิทธิภาพของ GT200 ช่วงปลายปี 2552 เมื่อพบว่าตรวจจับวัตถุต้องสงสัยผิดพลาด กระทั่งเกิดเหตุระเบิดในชายแดนภาคใต้ถึง 2 ครั้งซ้อน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น จึงสั่งการให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเข้ามาตรวจสอบ ก่อนจะพบว่า อุปกรณ์นี้สามารถตรวจจับวัตถุต้องสงสัยได้เพียง 4 ครั้ง จากทั้งหมด 20 ครั้ง หรือมีความแม่นยำไม่ต่างจากการ “เดาสุ่ม”
ในปี 2556 ศาลอังกฤษ ได้ตัดสินให้จำคุกนายโบลตัน ผู้ผลิต GT200 เป็นเวลา 7 ปี จำคุกนายแม็คคอร์มิค ผู้ผลิต ADE-651 เป็นเวลา 10 ปี และจำคุกนายซามูเอล ทรี เจ้าของบริษัทอังกฤษ คอมสแทร็กซ์ จำกัด (Comstrac Limited) ผู้ผลิตและจำหน่าย อุปกรณ์ที่มีลักษณะการทำงานใกล้เคียง ในชื่อว่า Alpha 6 เป็นเวลา 3 ปี 6 เดือน โดยทั้งหมดมีความผิดฐาน “หลอกลวงและฉ้อโกง” ทั้งสิ้น
ประเด็นเรื่อง GT200 กลับมาเป็นข่าวในเมืองไทยอีกครั้ง เมื่อศาลอังกฤษสั่งยึดทรัพย์นายแม็คคอร์มิค (ผู้ผลิต ADE-651 ที่มีลักษณะการทำงานใกล้เคียงกับ GT200) เป็นเงิน 7.94 ล้านปอนด์ (ราว 397 ล้านบาท) เพื่อให้นำมาใช้คืนลูกค้าที่ตกเป็นเหยื่อของการฉ้อโกง นำไปสู่การตั้งคำถามเรื่องความคืบหน้าเรื่องคดีความเพื่อเอาผิดกับผู้ที่จัดซื้ออุปกรณ์ที่ไร้ประโยชน์นี้ โดยปัจจุบัน มีคดีความอยู่ระหว่างการไต่สวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รวมทั้งสิ้น 14 คดี
พล.ต.อ. วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการ ป.ป.ช. ระบุว่า ภายในเดือนกันยายน 2559 นี้ คณะอนุกรรมการไต่สวนของ ป.ป.ช. จะสรุปข้อเท็จจริงในคดีที่เกี่ยวกับ GT200 ทั้งหมด ให้ที่ประชุมกรรมการ ป.ป.ช. ชุดใหญ่ ได้พิจารณา
วิเคราะห์ข้อมูล
การตรวจสอบข้อมูลของ GT200 ในประเทศไทย เริ่มต้นจากกลุ่มผู้สนใจเรื่องวิทยาศาสตร์ในห้องหว้ากอของเว็บไซต์พันทิป ในช่วงปี 2552 ซึ่งเจ้าของกระทู้ใช้ชื่อ Geneticist ระบุว่า กระทรวงยุติธรรมของประเทศสหรัฐอเมริกา เคยแถลงเตือนกรณีการซื้อเครื่องมือตรวจวัตถุระเบิดจาก บริษัท โกลบอล เทคนิคอล นั้นไม่สามารถใช้งานได้จริง และมีการปิดบริษัทหนีเมื่อทางการต้องการเข้าไปตรวจสอบ ทั้งนี้ ห้องวิจัย Sandia Laboratory ของประเทศสหรัฐฯ เคยนำเครื่องรุ่นแรกของ GT200 ชื่อ MOLE ไปทดสอบ ปรากฎว่ามีความแม่นยำเพียง 50% ซึ่งไม่ต่างกับการโยนหัวก้อยเสี่ยงทาย
แม้ผู้ซึ่งเคยพบเห็นการใช้งาน GT200 ต่างออกมายืนยันว่า อุปกรณ์ดังกล่าวสามารถตรวจจับวัตถุต้องสงสัย เช่น กระสุนปืน ได้จริงก็ตาม โดยมีบทความซึ่งอธิบายวิธีการทำงานและประสิทธิภาพในการทำงานของ GT200 ซึ่งระบุว่าเขียนโดย “นักข่าวสายทหาร” เผยแพร่ผ่านเว็บบล็อกโอเคเนชั่น เมื่อเดือนเมษายน 2551 เรื่อง จีที200 "ตาทิพย์" จับระเบิด "ตัวช่วย" สรรพาวุธ ทบ. มีเนื้อหาโดยสรุปว่า
ภายใต้หลักการที่ว่า “สสารทุกชนิดบนโลกจะมีสนามแม่เหล็กเป็นตัวเชื่อมต่อ ซึ่งเครื่องจีที 200 จะใช้หลักการค้นหาสนามแม่เหล็กซึ่งจะสามารถตรวจจับสารวัตถุระเบิดได้ทั้งในอากาศ บนดิน ใต้ดิน หรือกระทั่งใต้น้ำ”
ลักษณะของเครื่องจีที200 มีลักษณะเป็นแท่งยาว มีด้ามจับคล้ายๆ “ไมค์ลอย” บริเวณด้านล่างของเครื่องจะมีกล่องใส่การ์ด ซึ่งการ์ดหรือ “ชิพ” ตัวนี้จะทำหน้าที่ตรวจสอบสสารประเภทต่างๆ ที่ต้องการค้นหา หากต้องการตรวจหายาเสพติดก็จะใช้การ์ดหรือชิพแบบหนึ่งหรือหากต้องการตรวจหากระสุนหรืออาวุธปืน และอาวุธสงครามก็จะใช้การ์ดหรือชีพอีกแบบหนึ่ง
แต่ข้อจำกัดประการหนึ่งของการ์ดที่ใช้ตรวจสอบอาวุธก็คือหากอาวุธไม่ผ่านการยิงก็จะตรวจไม่พบ แต่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้โดยตรวจหาจาก “เขม่าดินปืน” หรือ“สารวัตถุระเบิด” ที่ติดมากับอาวุธนั้นๆ การ์ดที่บรรจุในเครื่องจีที200 จะมีอยู่ทั้งหมด 18 การ์ด
โดยจะมีการ์ดที่สามารถตรวจหาวัตถุต้องสงสัยต่างๆ ได้ทั้ง วัตถุระเบิด ยาเสพติด อาวุธปืน อาวุธสงคราม และ กระสุน ตัวการ์ดหรือชิพจะมีราคาสูงหลายหมื่นบาทต่อชิ้น ซึ่งเมื่อรวมราคาตัวเครื่องจีที 200 กับการ์ดทั้งหมด จำนวน 18 การ์ดจะมีสนนราคาประมาณ 1.25 ล้านบาทต่อเครื่อง
ผู้เชี่ยวชาญวัตถุระเบิดคนเดิมบอกว่า เครื่อง GT200 แบบมาตรฐานจะบรรจุ 13 การ์ด แต่กองทัพบกระบุว่า ต้องการถึง 18 การ์ด ทางบริษัทผู้ผลิตจึงผลิตให้ตามที่ร้องขอ นอกจากการ์ดหรือชิพแล้วอุปกรณ์ที่มีความสำคัญยิ่งในการค้นหาวัตถุระเบิด คือ “เสาอากาศ” ซึ่งจะมีลักษณะเป็นก้านยาวๆ ชี้ไปทางด้านหน้า เมื่อตรวจพบสารวัตถุระเบิด…เสาอากาศก็จะทำการ “ชี้เป้า” ไปยังทิศทางที่ตรวจพบทันที
และตามข้อมูลวิธีการใช้งาน นั้นก็ระบุว่า GT200 ต้องอาศัยการทำงานของ “ไฟฟ้าสถิต” ไฟฟ้าสถิตที่กล่าวถึงนี้หมายถึงไฟฟ้าสถิตบนร่างกายของผู้ใช้ โดยผู้ใช้จะต้องผ่านการอบรมการใช้งานเครื่อง และต้องตระเตรียมร่างกายให้พร้อมอย่างถูกต้องตามวิธีการที่บริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์นี้กำหนดไว้ อย่างไรก็ตาม แม้ไฟฟ้าสถิตที่เกิดขึ้นจะมีอยู่ตลอดเวลา แต่ปัญหาก็คือประจุที่เกี่ยวข้องกับไฟฟ้าสถิตดังกล่าวมีปริมาณน้อยมากจนเป็นไปไม่ได้ว่าจะสามารถนำไปใช้ในการทำให้ชิ้นส่วนของอุปกรณ์ขยับเขยื้อนได้
ในช่วงเวลาเดียวกันกับที่ห้องหว้ากอ เว็บไซต์พันทิป เริ่มตั้งข้อสงสัย สื่อไทยอย่าง “หนังสือพิมพ์คมชัดลึก” ก็เริ่มรายงานถึงความผิดปกติ และความไม่เป็นวิทยาศาสตร์ของ GT200 จากข้อสงสัยในประสิทธิภาพ เมื่อเครื่องดังกล่าวทำงานผิดพลาดจนทำให้เกิดเหตุระเบิดข้างโรงแรมเมอร์ลิน จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2552 และตลาดสด จ.ยะลา เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2552
และเมื่อสื่อต่างชาติอย่าง BBC รายงานข่าวเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2553 ถึงความไร้ประสิทธิภาพของเครื่องตรวจจับระเบิด ADE-651 ที่มีการทำงานแบบเดียวกับ GT 200 ประเด็นดังกล่าวเริ่มเป็นที่สนใจและถูกตรวจสอบมากขึ้น โดยผู้มีความรู้ทางวิศาสตร์ออกมาแสดงความเห็นว่าหลักการทำงานของเครื่องมือดังกล่าวไม่ต่างอะไรกับเครื่อง Dowsing ที่เอาไว้ตรวจหาแหล่งน้ำบาดาล ซึ่งหลักการ Dowsing นี้ก็ได้รับการพิสูจน์ในต่างประเทศแล้วว่าเป็นเพียงแค่ “การเดาสุ่ม”
การเดินหน้าตรวจสอบของสื่อดำเนินการคู่ขนานกับนักวิทยาศาสตร์อย่างนายเจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์คณะวิทยาศาตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่เชื่อว่าเครื่องมือนี้ไม่ต่างอะไรกับ “ไม้ล้างป่าช้า” ไม่สามารถใช้งานได้ เพราะไม่มีหลักการวิทยาศาสตร์อะไรรองรับในการทำงาน ไม่สามารถมีอะไรรายงาน หรือค่าที่อ่านเป็นตัวเลขได้ ทุกเครื่องไม่มีเสียง ไม่มีแสง ไม่มีตัวเลขขึ้น
ซึ่งสื่อไทยพยายามนำเหตุผลด้านการใช้งานประกอบกับการตั้งข้อสังเกต ต่างๆ มาเปรียบเทียบกับข้อสันนิษฐานของภาคประชาชน มีการลงพื้นที่ไปยังสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ทหารใช้เครื่องนี้ และมีกรณีผิดพลาดจากการใช้เครื่อง GT200เกิดขึ้น ซึ่งผู้ใช้งานที่ผ่านการอบรมยังคงแสดงความเชื่อมั่นในประสิทธิภาพของเครื่องมือดังกล่าว โดยระบุว่า ตามข้อมูลการใช้งานเบื้องต้น GT200 ต้องอาศัยประจุไฟฟ้าจากร่างกาย ที่ร่างกายจะต้องมีความพร้อม
ในที่สุดก็นำไปสู่การทดสอบอย่างจริงจังตามหลักวิทยาศาสตร์ ใช้การตรวจสอบแบบตาบอดสองทาง (Double Blind Test) ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2553) ซึ่งผลก็ออกมาว่า GT200 นั้นไร้ประสิทธิภาพจริง จากการตรวจหาวัตถุระเบิดซีโฟร์ได้ถูกต้องเพียง 4 ครั้ง จากทั้งหมด 20 ครั้ง มีนัยทางสถิติไม่ต่างอะไรจากการ “เดาสุ่ม” แปลว่า ไม่สามารถใช้งานได้จริง
ในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2553 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีขณะนั้น ออกมาแถลงผลการทดสอบ GT200 และสั่งให้ทุกหน่วยงานยกเลิกการจัดซื้อโดยทันที
การพิสูจน์ดังกล่าวถูกย้ำชัดถึงความไร้ประสิทธิภาพของเครื่อง GT200 โดยสำนักข่าวบีบีซี (เผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ยูทูปเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2553) ได้นำเสนอสกู๊ปข่าว GT200 มีการย้อนให้ดูการผ่าพิสูจน์จากหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดของอังกฤษอีกครั้งสั้นๆ ที่แสดงให้เห็นว่าอุปกรณ์ดังกล่าวเป็นแต่พลาสติกธรมดา และศาสตรจารย์ บรูซ ฮูด จากมหาวิทยาลัยบริสตอล ที่ระบุว่า มันไม่ได้มีค่าอะไรมากไปกว่าลวด Dowsing ตอนนี้สิ่งที่ต้องรีบทำคือสั่งหยุดการขายทั้งหมดทันที แต่แทนที่จะเป็นเช่นนั้น บริษัทนี้กลับทำมันออกขายไปทั่วโลก และหลอกลวงขายด้ามจับพลาสติกติดเสาอากาศวิทยุอ้างว่าทำงานได้ด้วยหลักวิทยาศาสตร์ที่เลิศหรู
และหลังจากนั้นสื่อไทยก็ได้นำ เครื่อง GT200 มาทำการเอ็กซ์เรย์ และแกะตัวเครื่อง ต่างพบว่า ภายในตัวเครื่องว่างเปล่า เป็นเพียงพลาสติกเปล่า ไร้วงจรอิเล็กทรอนิกส์ มีเพียงเสาอากาศติดอยู่ที่กล่อง ซึ่งผู้จำหน่ายพยายามอ้างว่าประสิทธิภาพของเครื่องมือยู่ที่การ์ดซึ่งบรรจุสนามไฟฟ้าแม่เหล็กของสารชนิดต่างๆ ที่ต้องการค้นหา เมื่อแกะการ์ดดังกล่าวก็พบว่าเป็นเพียงแผ่นพลาสติกไม่มีวงจรหน่วยความจำใดๆ หรือชิพที่ระบุว่าเป็นตัวตรวจจับวัตถุต้องส่งสัยแต่อย่างใด อาทิ รายการเช้าข่าวข้นทางช่องโมเดิร์นไนทีวี (เผยแพร่ทางเว็บไซต์ยูทูปเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2553) ได้เชิญ พล.อ. ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ อดีตประธานที่ปรึกษากองบัญชาการกองทัพไทย นำเครื่อง GT200 ส่วนตัว พร้อมการ์ดต่างๆ มาชำแหละให้ดู
ดร.บัญชา ธนบุญสมบัติ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้อธิบายรายละเอียดการวิเคราะห์ผลการทดสอบผ่านการคำนวณทางสถิติ และการอธิบายรายละเอียดด้านหลักการทำงานของเครื่อง GT 200 ที่ไม่น่าเป็นไปได้จากสรรพคุณทางวิทยาศาตร์ที่กล่าวอ้าง ในบทความ “กรณี GT200 มุมมองทางวิชาการ & ข้อสังเกตสำหรับอนาคต” ทางเว็บไซต์สารคดี เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2555 ซึ่งสรุปได้ว่าข้อมูลทางเทคนิคของ GT200 เพียงแค่กล่าวอ้างศัพท์เทคนิคทางวิทยาศาสตร์เพื่อให้ดูมีหลักการและน่าเชื่อถือ แต่ในทางปฏิบัติเทคโนโลยีในปัจจุบันยังไม่สามารถทำได้
สรุป
แม้หลักการทำงานของเครื่อง GT 200 จะมีการอ้างอิงหลักวิทยาศาสตร์ เช่น กระแสไฟฟ้าสถิตในร่างกายมนุษย์ การใช้สนามแม่เหล็กตรวจจับ แต่ในทางวิทยาศาสตร์ยังไม่มีเครื่องมือใดที่สามารถตรวจจับกระแสไฟฟ้าสถิต และสนามแม่เหล็กในวัตถุต่างๆ ที่อยู่อย่างอ่อนๆ ได้
เมื่อมีการทดสอบตามหลักสากลโดยใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ ผลทางสถิติที่ออกมาระบุว่าประสิทธิภาพของเครื่องมือไม่ต่างจากการเดาสุ่ม
และเมื่อมีการชำแหละตัวเครื่องและการ์ดดู ก็พบว่าเป็นเพียงพลาสติกเปล่า ไร้วงจรอิเล็กทรอนิกส์ มีเพียงเสาอากาศติดอยู่ที่กล่อง หมายถึงเครื่อง GT200 ไม่สามารถทำงานได้จริง ซึ่งนักวิทยาสาตร์และผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดในต่างประเทศได้ยืนยันแล้วว่าเครื่องมือดังกล่าวไม่สามารถใช้งานได้ ทำให้ทางการอังกฤษได้สั่งระงับการขายทั้งหมดทันที
ดังนั้น ทางเราจัดให้คำพูดของนายอภิสิทธิ์ ที่ว่า “มีการพบว่ามีจุดอ่อน (เครื่องGT200) …ในเรื่องของการใช้กระแสไฟฟ้าในตัวคน เพราะฉะนั้นบางทีสภาพของตัวบุคคลที่ไปตรวจ ถ้าหากพักผ่อนน้อยไปหรือไม่มีความพร้อม ก็จะทำให้เครื่องนี้ (เครื่องGT200) ขาดประสิทธิภาพ” อยู่ในเกณฑ์ “เป็นเท็จ”