ThaiPublica > คนในข่าว > “เจเนต เยลเลน” รัฐมนตรีคลังหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ

“เจเนต เยลเลน” รัฐมนตรีคลังหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ

26 มกราคม 2021


ที่มาภาพ :https://www.usatoday.com/story/money/2021/01/25/janet-yellen-joe-biden-treasury-secretary-stimulus-checks-economy/6701233002/

วุฒิสภาสหรัฐฯ เห็นชอบให้นางเจเนต เยลเลน อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในช่วงปี 2014 ถึง 2018 ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีคลังคนใหม่ด้วยคะแนน 84 ต่อ 15 เสียง ส่งผลให้นางเยลเลนเป็นสุภาพสตรีคนแรกที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีคลังในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ

นางเยลเลนยังเป็นผู้หญิงคนแรกที่รับตำแหน่งผู้นำหน่วยงานชั้นนำของสหรัฐฯ ถึง 3 แห่ง โดยนอกจากเป็นประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)ในช่วงปี 2014 ถึง 2018 แล้ว ยังดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีคลังและประธานคณะที่ปรึกษาเศรษฐกิจของทำเนียบขาวในยุคประธานาธิบดีโจ ไบเดน ด้วย

“การยอมรับให้เยลเลนเข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีคลังเป็นการทะลายกำแพงอีกครั้ง (glass ceiling เปรียบเหมือนอุปสรรคที่มองไม่เห็นที่ขวางผู้หญิงไม่ให้ได้รับตำแหน่งในระดับสูง — ไทยพับลิก้า)” ไดแอน ไฟน์สไตน์ วุฒิสมาชิกจากพรรคเดโมแครตให้ความเห็นในแถลงการณ์ “ในสนามที่มีผู้ชายครอบงำ จึงเป็นเรื่องที่เบิกบาน ที่ในที่สุดได้เห็นผู้หญิงเป็นผู้นำกระทรวงการคลัง”

ในแง่การทลายอุปสรรคของก้าวสู่ตำแหน่งสำคัญที่มีอำนาจ เยลเลนซึ่งมีวัย 74 ปีไม่ใช่หน้าใหม่ เพราะได้สร้างประวัติศาสตร์มาแล้วในปี 2014 ด้วยการเป็นผู้หญิงคนแรกที่นั่งเก้าอี้ประธานธนาคารกลาง

“เจเนต เยลเลนเป็นคนที่ยอดเยี่ยมมาก และขึ้นชื่อว่าเป็นคนที่หนักแน่น” เกร็ก วาลลิเอร์ ผู้บริหารฝ่ายกลยุทธ์ จาก เอจีเอฟ อินเวสเม้นท์ให้ความเห็น และเสริมว่า เมื่อมีการรับรู้กันทั่วไปว่ามีการเสนอชื่อเยลเลนให้เข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีคลัง “เยลเลนได้รับความชื่นชอบจากหลายส่วน จากตลาดการเงินไปจนถึงภาคธุรกิจ”

ภาพวาดของเยลเลน ซึ่งเป็นนักเศรษฐศาสตร์และบุตรสาวของแพทย์ประจำครอบครัวในบรู๊คลิน นิวยอร์กจะถูกแขวนร่วมกับอดีตรัฐมนตรีอีก 76 คนในโถงทางเดินของกระทรวงการคลัง ที่มีตั้งแต่อเลกซานเดอร์ แฮมิลตัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนแรกของสหรัฐอเมริกา

นายโอลาฟ โชลซ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของเยอรมนี ได้แสดงความยินดีกับนางเยลเลน และแสดงความหวังว่าเยลเลนจะมีบทบาทในการช่วยให้มีความคืบหน้าในการบรลลุข้อตกลงภาษีดิจิทัลระหว่างประเทศ โดยให้ความเห็นกับสำนักงานข่าวรอยเตอร์สว่า “เจเนต เยลเลน เป็นบุคคลที่น่าประทับใจอย่างมาก”

เจเนต เยลเลน เป็นใคร

เจเนต เยลเลน คือ อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve) หรือเฟด และเป็นที่รู้จักกันดีว่าให้ความสำคัญกับผลกระทบของนโยบายของธนาคารกลางต่อแรงงานและต้นทุนของความเหลื่อมล้ำที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐฯ

ก่อนที่ประธานาธิบดีบารัก โอบามา ในสมัยนั้นจะเสนอชื่อเจเนต เยลเลน ให้เป็นประธานเฟดในปี 2014 เยลเลนได้เป็นกรรมการเฟดมาร่วมทศวรรษซึ่งรวมถึงช่วงที่เป็นรองประธานเฟดอยู่ด้วย 4 ปี แต่อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กลับทำลายธรรมเนียมปฏิบัติที่จะเสนอชื่อเยลเลนให้นั่งประธานเฟดเป็นสมัยที่สองอีก 4 ปี

การที่ได้ก้าวสู่ตำแหน่งสูงสุดในงานอาชีพด้านเศรษฐศาสตร์ ทำให้เยลเลนกลายเป็นตัวแทนผู้หญิงในโลกเศรษฐศาสตร์

เมื่อลงจากตำแหน่งประธานเฟดในปี 2018 หลายฝ่ายยกย่องความเป็นผู้นำของเยลเลน ด้วยการเลียนแบบสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ของเยลเลนที่มักสวมเสื้อเบลเซอร์และยกปกคอเสื้อขึ้น

เยลเลนเป็นคนที่สามารถตอบสนองได้ทั้งสมาชิกพรรคเดโมแครตของประธานาธิบดีไบเดน ทั้งพวกหัวก้าวหน้า และพวกเป็นกลาง ขณะที่การเสนอชื่อเยลเลนเป็นประธานเฟดในปี 2014 ก็ไดรับการสนับสนุนจากพรรครีพับลิกัน

การให้ความสำคัญกับการจ้างงานมากกว่าเงินเฟ้อ ทำให้เยลเลนขึ้นชื่อว่าโน้มเอียงไปทางอัตราดอกเบี้ยต่ำที่กระตุ้นการขยายตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจจากการกู้เงินที่มีต้นทุนต่ำ

แต่ภายใต้การนำของเยลเลน เฟดได้ปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วิกฤติการเงินปี 2008

การเป็นผู้นำของเยลเลนได้รับความชื่นชมจากวอลล์ สตรีต แม้ว่ายังคงเป็นประเด็นที่มีการถกเถียงกันอยู่

ที่มาภาพ: https://www.bbc.com/news/world-us-canada-55806017

คาดเป็นกาวใจประสานรอยร้าว

การแต่งตั้งรัฐมนตรีคลังครั้งประวัติศาสตร์นี้ จะทำให้นางเยลเลนจะมีบทบาทหลักในการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่มีเป้าหมายเพื่อการฟื้นตัวทางศรษฐกิจและเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 รวมทั้งทำงานร่วมกับสภาคองเกรสในประเด็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและแผนที่จะลงทุน 2 ล้านล้านดอลลาร์ในโครงสร้างพื้นฐาน รวมไปถึงโครงการพลังงานสีเขียว การศึกษาและวิจัยเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของสหรัฐอเมริกา

กระทรวงการคลังจะดูแลแผนของประธานาธิบดีไบเดน เพื่อจัดหาเงินมาสนับสนุนโครงการเหล่านี้ด้วยการจูงใจให้สภาคองเกรสเห็นชอบกับการปรับขึ้นอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็น 28% จาก 21% และขึ้นภาษีเงินได้สำหรับชาวอเมริกันที่มีเงินได้ 400,000 ดอลลาร์ต่อปีขึ้นไป

“ในตำแหน่งรัฐมนตรีคลัง และอยู่ในลำดับที่ 5 ที่มีสิทธิก้าวสู่ตำแหน่งประธานาธิบดี เยลเลนจะดูแลทุกอย่างตั้งแต่การจัดเก็บภาษีไปจนถึงการบริหารหนี้สาธารณะ และการใช้มาตรการคว่ำบาตรระหว่างประเทศ” ลินด์ซีย์ เอ็ม เพียจซา หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากสไตเฟลให้ความเห็น “ในระยะสั้น ประเด็นงานสำคัญเร่งด่วนของงาน คือ การกำกับดูแลและการจัดการให้เศรษฐกิจฟื้นตัว”

ผู้เชี่ยวชาญมองว่า นางเยลเลนอาจจะเป็นกาวใจท่ามกลางการแตกแยกอย่างหนักที่เกิดขึ้นในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ในทุกด้าน ตั้งแต่วงเงินมาตรการเยียวยาผลกระทบโควิด ไปจนถึงภาษีและนโยบายการใช้จ่าย

“ผมคิดว่าเยลเลนจะทำให้ความร้อนแรงลดลงได้บ้าง” คารล์ โทเบียส ศาตราจารย์ด้านกฎหมายจากมหาวิทยาลัยริชมอนด์ และผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองในสภา

เยลเลนไม่เพียงมีประสบการณ์ในการแก้ไขการว่างงานมานาน แต่ยังมีชื่อเสียงในฐานะทำให้กลุ่มที่เห็นต่างกันกลับมาให้ฉันทามติร่วมกันได้

“เยลเลนเป็นคนถ่อมตัวและมีความเป็นกลางทางการเมือง” เจฟฟรีย์ เบิร์กสแตรนด์ ศาสตราจารย์ด้านการเงินแห่งมหาวิทยาลัยและอดีตนักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารกลางสหรัฐฯ ให้ความเห็น

ปัญหาใหญ่ที่รออยู่

เยลเลนเผชิญกับวังวนของปัญหา การฟื้นตัวจากภาวะถดถอยที่เกิดขึ้นจากการระบาดของโควิด-19 กำลังชะลอตัวลง และเกิดการระบาดรอบสองในสหรัฐฯ

สภาคองเกรสกำลังพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและเยียวยาผลกระทบจากการระบาดของไวรัส การช่วยเหลือประชาชนที่ตกงานและธุรกิจขนาดเล็กและหน่วยงานระดับรัฐและเมืองที่กำลังประสบปัญหาการเงิน

เมื่อเร็วๆ นี้สภาคองเกรสได้เห็นชอบมาตรการเยียวยาวงเงิน 900 พันล้านดอลลาร์เพื่อเยียวยาการตกงานและช่วยธุรกิจขนาดเล็ก ด้วยการแจกเงินประชาชนคนละ 600 ดอลลาร์และจัดสรรเงินเพิ่มขึ้นสำหรับการจัดหาวัคซีน

ประธานาธิบดีไบเดนได้เสนอมาตรการที่มีวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ที่จะขยายความช่วยเหลือคนตกงานทั้งจำนวนเงินและระยะเวลา ด้วยการเพิ่มเงินช่วยเหลืออีกคนละ 1,400 ดอลลาร์ ให้ความช่วยเหลือเรื่องค่าเช่าและขยายเวลาการให้คูปองอาหารออกไปจนถึงเดือนกันยายนพร้อมเพิ่มวงเงิน 15%

ในระยะยาวนอกจากจะดูแลแผนลงทุน 2 ล้านล้านดอลลาร์ยกระดับโครงสร้างพื้นฐานของประเทศแล้ว เป็นคนสำคัญในการดูแลงบประมาณและการขาดดุลบประมาณที่เพิ่มขึ้น 3 เท่าเป็น 3.1 ล้านล้านดอลลาร์ในปีนี้ เป็นผลจากการดำเนินนโยบายของรัฐบาลชุดเก่า ด้านวิกฤติสาธารณสุขและการปิดกิจการ อันเป็นจากการใช้มาตรการล็อกดาวน์ที่ทำให้เศรษฐกิจถดถอย

ในช่วงที่เยลเลนแสดงความกังวลต่อการขาดดุลงบประมาณนั้น แต่ก็ชี้ให้เห็นว่า ต้นทุนการกู้ยืมต่ำมากเป็นประวัติการณ์และภาระทางการเงินของครัวเรือนก็เพิ่มขึ้น จึงไม่ใช่เวลาที่จะระงับการใช้จ่าย

ในเดือนมกราคมในการสัมมนาของสมาคมเศรษฐศาสตร์ (American Economic Association ) เยลเลนระบุว่า “แม้แต่ในสถานการณ์ปัจจุบัน ดิฉันคิดว่าเราสามารถเพิ่มการใช้จ่ายของรัฐหรือลดภาษีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้ หากกลับมาติดลบ

แม้เยลเลนขึ้นชื่อว่าเป็นคนที่สร้างฉันทามติร่วมกัน แต่ก็จะถูกผลักดันให้เข้าสู่บทบาทที่ไม่คุ้นเคย และเป็นจุดสนใจของสมาชิกสภาที่หัวแข็ง

“รัฐมนตรีคลังเป็นเรื่องการเมืองมากกว่าเฟดเสียอีก” เจฟฟรีย์ เบิร์กสแตรนด์ ระบุ

ที่มาภาพ:
https://www.theguardian.com/business/2021/jan/25/janet-yellen-confirmed-treasury-secretary-first-woman

เยลเลนจะโชว์ฝีมือได้แค่ไหนในถ้ำเสือ

“นี่เป็นเรื่องใหญ่ที่ยังไม่รู้” อลัน บลินเดอร์ นักเศรษฐศาสตร์ของมหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน ซึ่งทำงานร่วมกับเยลเลนในคณะกรรมการเฟดในช่วงทศวรรษ 1990 ให้ความเห็น

มีคำถาม 2-3 ข้อเกี่ยวกับประสบการณ์มากมายของเยลเลน เยลเลนเป็นประธานที่ปรึกษาเศรษฐกิจในช่วงที่คลินตันดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นประธานธนาคารกลางสาขาซานฟรานซิสโก และเป็นรองประธานเฟดก่อนที่จะเข้ามากุมบังเหียน

จากการเติบโตในย่านชนชั้นแรงงานในบรูกลิน นิวยอร์ก เยลเลนตระหนักถึงหายนะจากการว่างงานของพ่อ ผู้เป็นหมอ และแม่ของเธอซึ่งเป็นครูโรงเรียนประถม ทั้งคู่ได้ใช้ชีวิตร่วมกันในช่วงภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ เยลเลนเรียนเศรษฐศาสตร์จากสถาบันการศึกษาและตัดสินใจที่จะนำความรู้ไปใช้เพื่อช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส

“สำหรับดิฉัน นีไม่ใช่เป็นเพียงตัวเลขข้อมูลสถิติ” เยลเลนกล่าวในสุนทรพจน์ปี 2013 เกี่ยวกับผลของการว่างงาน

“เรารู้ว่า การว่างงานในระยะยาวคือหายนะของแรงงานและครอบครัว”

เยลเลนสำเร็จการศึกษาด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่งจากมหาวิทยาลัยบราวน์ และจบการศึกษาระดับปริญญาเอกด้านเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัย และยังสามารถคาดการณ์ได้อย่างแม่นยำอีกด้วย ในปี 2007 เยลเลนเป็นผู้บริหารเฟดเพียงคนเดียวที่มองเห็นถึงความเสี่ยงของเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากตลาดที่อยู่อาศัยได้ล่วงหน้าและได้เตือนในที่ประชุมเฟดเดือนมิถนายนปีเดียวกัน

ในช่วงที่ทำงานสองช่วงที่เฟด เยลเลนถูกมองว่าเป็นหนึ่งในผู้ออกนโยบายสายพิราบ (dovish) หรือผ่อนปรนและให้ส่งเสริมการเติบโต ซึ่งหมายถึงว่าเยลเลนมุ่งไปที่การรักษาอัตราดอกบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำเพื่อกระตุ้นการขยายตัวมากกว่าการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อคุมเงินเฟ้อ

แต่เยลเลนได้ให้ความเห็นทั้งการการลดและขึ้นดอกเบี้ย แม้จะหมายถึงการวิจารณ์ อลัน กรีนสแปน อดีตประธานเฟดที่เป็นตำนานในเดือนกรกฎาคม 1996 เมื่อกรีนสแปนให้ความเห็นแย้งเรื่องการพยายามกดเงินเฟ้อให้เป็นศูนย์ แต่เยลเลนไม่เห็นด้วยโดยกล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อบางส่วนจะช่วยให้การว่างงานลดลง

ในปลายปีเดียวกัน เยลเลนเริ่มกังวลกับเงินเฟ้อ หลังจากมีการเตรียมอย่างดีตามปกติเยลเลนและสมาชิกในคณะกรรมการอีกคนหนึ่งไปพบกรีนสแปน และไม่ประสบความสำเร็จในการขอให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อคุมราคาที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

“เยลเลนให้ความสำคัญกับมุมมองของคนอื่นอย่างจริงจัง และในอีกด้านหนึ่งก็โต้แย้งโดยที่ไม่ต้องสร้างความขุ่นเคือง” บลินเดอร์ให้ความเห็นก่อนหน้านี้

ในขณะที่เศรษฐกิจดีขึ้นหลังภาวะถดถอยครั้งใหญ่ในปี 2007-2009 เยลเลนเป็นหัวหอกในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไป ตั้งแต่ปลายปี 2015 ถึงปลายปี 2017 ทำให้อัตราดอกเบี้ยของเฟดจากระดับใกล้ศูนย์ขึ้นมาที่ช่วง 1.25-1.5% และเป็นการดำเนินการที่เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ว่า ทำก่อนเวลาที่เหมาะสมระหว่างที่เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างช้าๆ

ไบรอัน การ์ดเนอร์ ผู้บริหารฝ่ายกลยุทธ์ของสไตเฟล กล่าวว่า เยลเลนอาจต้องปรับตัวเข้ากับบทบาทใหม่

“เยลเลนไม่ใช่เจ้าหน้าที่ฝ่ายขาย” หรืออยู่ท่ามกลางการเมืองที่ต้องเลือกข้าง การ์ดเนอร์ระบุ “ไม่ใช่เรื่องที่เยลเลนเกี่ยวข้องมากนักก่อนหน้านี้”

บลินเดอร์กล่าวว่า ไม่กังวลมากนัก

“หากว่าต้องพนันกันแล้ว ผมเลือกแทงข้างเยลเลน” บลินเดอร์ระบุ

เรียบเรียงจาก
Janet Yellen becomes the first female Treasury chief; may be a calming influence in a divided Washington
Janet Yellen to be first female US treasury secretary
Janet Yellen is confirmed as the first female Treasury secretary in US history
U.S. Senate votes overwhelmingly to confirm Yellen as first female Treasury chief