ThaiPublica > เกาะกระแส > “อันวาร์ อิบราฮิม” กับการกลับมาอีกครั้ง: “ANWAR RETURNS…THE FINAL TWIST”

“อันวาร์ อิบราฮิม” กับการกลับมาอีกครั้ง: “ANWAR RETURNS…THE FINAL TWIST”

24 พฤศจิกายน 2018


วันที่ 23 พ.ย. 2561 สถาบันอิศรา: มูลนิธิพัฒนาสื่อมวลชนแห่งประเทศไทย แถลงข่าวเปิดตัวหนังสือใหม่ “ANWAR RETURNS…THE FINAL TWIST” ที่เขียนโดย MARK TROWELL QC แห่งออสเตรเลีย ณ โรงแรม รอยัล ออร์คิด เชอราตัน ถ.เจริญกรุง โดยมีนายอันวาร์ อิบราฮิม อดีตรองนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เดินทางมาเปิดตัวหนังสือของตัวเองเล่มใหม่ในประเทศไทย โดยได้บอกเล่าชีวิตทางการเมืองของตัวเองในแง่มุมต่างๆ ทั้งชีวิตในเรือนจำ การดำเนินคดีกับนายกฯ นาจิบ ราซัก และการกลับมาร่วมงานกันอีกครั้งกับ ดอกเตอร์ มหาเธร์ โมฮัมหมัด ผู้นำมาเลเซียคนปัจจุบัน

ดร.ทนง พิทยะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวแนะนำ ท่านดะโต๊ะ เซรี อันวาร์ อิบราฮิม อดีตรองนายกรัฐมนตรีประเทศมาเลเซีย ว่ารู้จักกับนายอันวาร์ตั้งแต่สมัยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และพบกันในการประชุมผู้นำอาเซียน

“คุณอันวาร์ได้คอยช่วยเหลือให้ความรู้และคำแนะนำแก่ผมเรื่องปัญหาทางเศรษฐกิจและการก้าวข้ามปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจของประเทศมาเลเซีย นอกจากนั้นยังเคยได้ร่วมงานกันอีกบางคราว ซึ่งในช่วงเวลานั้น ผมและคุณอันวาร์ได้ปรึกษาหารือกันในเรื่องปัญหาต่างๆ มากมายและยังพูดคุยเล่นกันอยู่เสมอถึงสถานการณ์การเมือง”

พร้อมกล่าวถึงการต่อสู้เพื่อความถูกต้องเป็นธรรมของนายอันวาร์ ที่ชีวิตต้องเจอกับเรื่องราวไม่คาดฝันมากมาย เขาอดทนต่อการถูกวิพากษ์วิจารณ์และความไม่เป็นธรรม ซึ่งมีรากฐานมาจากเรื่องของการคอร์รัปชันมาโดยตลอด

“นายอันวามีโอกาสที่จะลี้ภัยมาประเทศไทยได้แต่เขาก็ไม่ทำ ความเข้มแข็งและความเชื่อที่จะต่อสู้เพื่อความถูกต้องในประเทศบ้านเกิดได้สร้างให้เขาเป็นวีรบุรุษอย่างแท้จริง และหวังว่าเขาจะประสบความสำเร็จบนเส้นทางการเมืองในประเทศบ้านเกิด พร้อมกับนำสันติสุขมาสู่อาเซียนและโลกใบนี้” ดร.ทนงกล่าว

ขณะที่ MARK TROWELL QC ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้กล่าวว่า หนังสือเล่มที่ 3 เกี่ยวกับ “อันวาร์” เป็นเรื่องจริงที่บันทึกชีวิตความน่าเหลือเชื่อของอันวากว่า 20 ปี เกี่ยวกับความยากลำบาก การที่โดนจ้องทำลาย และความยากลำบากทางการเมืองที่ก้าวผ่านเรื่องต่างๆ มาได้ รวมทั้งความเชื่อ การเมือง และบุคคลที่มองเห็นตัวตนอันวาร์จริงๆ หนังสือเล่มนี้นอกจากจะเกี่ยวกับอันวาแล้วยังบันทึกเกี่ยวกับการเมืองของมาเลเซียในช่วงเวลาดังกล่าว

“เคยมีคนถามผมว่าอันวาร์ผิดหรือไม่ ผมตอบได้ว่าไม่ผิด หลักฐานแสดงให้เห็นว่าไม่ผิด ดีเอ็นเอเป็นของปลอม แม้จะมีคนมาร้องเรียนว่าถูกกระทำ และมีเรื่องราวไม่ชอบมาพากลมากมายช่วงพิจารณาคดี ทั้งที่ผู้เชี่ยวชาญก็ยืนยันแล้วว่ามีความเป็นไปได้ที่ไม่ใช่อันวาร์ แต่ก็ยังตัดสินอย่างไม่ชอบธรรมและคอร์รัปชัน อันวาร์ถูกกระทำเพราะความกลัว ในช่วงระยะเวลาที่จะมีการเลือกตั้ง ความกลัวที่กลุ่มอำนาจเก่าจะต้องสูญเสียอำนาจไปและถูกเปิดโปงและดำเนินคดี จึงส่งผลให้อันวาและผู้นำทางการเมืองหลายคนต้องถูกกระทำย่างไม่เป็นธรรม

“ผมมาเขียนหนังสือเล่มนี้ เนื่องจากได้รับมอบหมายให้เฝ้าสังเกตการการพิจารณาคดีของอันวาร์ ซึ่งหนังสือเล่มสองเกี่ยวกับช่วงอุทธรณ์ ฎีกา และความไม่ชอบมาพากลหลายๆ อย่างเกี่ยวกับการพิจารณาคดี ส่วนหนังสือเล่มสาม Final Twist เนื่องจากทุกอยางที่เคยเกิดขึ้นนั้นเปลี่ยนแปลงไปหมด หนังสือเล่มนี้มีแง่มุมของเศรษฐกิจสังคม และให้แง่มุมเรื่องความมีเสถียรภาพของประเทศ ประชาชนจะต้องตระหนักถึงการคอรร์รัปชันของประเทศ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับแค่เงินแต่ยังกระทบถึงประชาชนทุกคน”

MARK TROWELL QC กล่าวต่อว่า ในสภา อันวาร์ตั้งคำถามแทนประชาชนทุกคน จึงถูกมองว่าเป็นภัยและต้องถูกกำจัด อันวาร์มีความเที่ยงตรง ทำเพื่อประชาชน แม้ในกระทั่งช่วงเวลาที่ถูกศาลตัดสิน อันวาร์ยังคิดว่านี่คือสิ่งที่ดีแล้วสำหรับการแสดงให้ประชาชนเห็นว่ารัฐบาลคอรร์รัปชันทำอะไรกับประเทศบ้าง

พร้อมกล่าวว่า “เรื่องของอันวาร์ อาจเป็นบทเรียนให้กับประเทศไทยได้ และหนังสือเล่มนี้ควรอ่านโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่กำลังจะเข้าสู่การเมือง”

ต่อจากนั้นเป็นการสัมภาษณ์นายอันวาร์ โดยมล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล เกี่ยวกับเรื่องราวชีวิตในช่วงเวลาที่อยู้ในเรือนจำ กระบวนการพิจารณาคดี การกลับมาร่วมงานกันอีกครั้งกับดอกเตอร์มหาเธร์ โมฮัมหมัด ผู้นำมาเลเซียคนปัจจุบัน และการดำเนินคดีกับนายราจิบ ราซัก อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยอันวาร์ตอบคำถามในประเด็นต่างๆ ว่า

“ความถูกต้องทุกอย่างที่เกิดขึ้นในศาลได้รับการบันทึกไว้หมด มาร์กมีความเข้าใจในกฎหมายและความละเลยต่อกฎหมายที่เกิดชึ้น มาร์กบันทึกทุกอย่างไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม ผมมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่หนังสือเล่มนี้ออกมา”

พร้อมให้ความเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงความเป็นอิสระของตุลาการกลายเป็น reform agenda ด้วย เราจะต้องทำให้มั่นใจว่าเรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก โดยการเคารพ rule of law ไม่ใช่ด้วยการตั้งรัฐบาลหรือล้มล้างใครเพื่อที่จะทำให้มั่นใจว่าเรื่องราวจะเป็นไปตามที่ต้องการ แต่จะต้องเชื่อ judicial process และเรื่องแบบนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้นกับใครทั้งสิ้น

“มีคนเสนอให้ผมลี้ภัย มีคนบอกผมว่าคุณไม่ต้องพิสูจน์อะไรทั้งนั้น ขอให้หนีไปที่อื่น ขออย่าให้กลับประเทศ แต่ผมจะทนตัวเองไม่ได้ มีคนสนับสนุนผมมากมาย คนเหล่านั้นจะว่าอย่างไรถ้าผมหนีไปมีชีวิตที่ดีที่เมืองนอก ผมไม่มีทางเลือก จึงต้องอยู่และสู้ แม้จะต้องเข้าคุกอีกรอบ ถึงแม้จะเป็นความเจ็บปวดที่ต้องแยกกับครอบครัวไม่ได้เห็นพวกเค้าเติบโต แต่ในท้ายที่สุดผมรู้ว่าผมเลือกทำสิ่งที่ถูกต้อง”

เมื่อถามถึงชีวิตในเรือนจำ อันวาร์ได้เล่าว่า อยู่ในห้องว่างๆ ตอนแรกไม่มีเตียง ไม่มีหมอน หลังจากนั้นค่อยได้หมอน และถูกแยกขังเดี่ยวเป็นเวลานาน ไม่ได้พูดคุยกับใครในการถูกจองจำทั้งสองครั้ง แต่ตั้งสติด้วยการร้องเพลง ด้วยความมุ่งมั่นว่าจะต้องกลับไปสู้เพื่อประชาชน เพื่อคนจน สู้ความไม่ถูกต้อง นอกจากนั้นมีคนส่งหนังสือมาให้ก็อ่าน ช่วยให้เกิดปัญญามากขึ้น อ่านหนังสือทุกประเภทศาสนา เศรษฐกิจ สังคม การอ่าน การเขียน ช่วยสะท้อนความคิด การตัดสินใจต่อๆ มาก็เกิดจากการอ่านทั้งนั้น ผมโชคดีมากที่มีครอบครัวที่เข้มแข็งทุกคน เสียสละ ให้ความรักความเข้มแข็งกับผม ซึ่งส่งผลอย่างมาก ในคืนที่ได้รับการปล่อยตัวรู้สึกดีใจมากที่ครอบครัวและผู้คนมากมายเป็นกำลังใจ

พร้อมให้ความเห็นถึงการทำงานร่วมกับ ดร.มหาเธร์ว่า “ผมคิดว่าการที่ได้ร่วมงานกับมหาเธร์คือจุดเปลี่ยนที่ทำให้เรามีโอกาสชนะมากขึ้น เพราะทำให้เราได้คะแนนเพิ่มจากประชาชนในชนบทมากขึ้น ในความคิดผม คนที่อยู่ในเขตเมืองไม่ว่าจะเป็นคนจีน อินเดีย หรือมาเลย์ ล้วนสนับสนุนเราอย่างชัดเจน แต่ในชนบท สื่อเข้าถึงได้ยากและถูกควบคุม มหาเธร์จึงมีบทบาทสำคัญในการทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมให้กับเรา

เมื่อถามว่าถ้าเป็นนายกรัฐมนตรีจะทำอะไรก่อน “ตอนนี้มหาเธร์ก็ยึดมั่นอยู่กลับการเปลี่ยนแปลงประเทศ reform agenda ซึ่งผมก็เห็นด้วย ถึงแม้ปัญหาจะมีความยากลำบากมากขึ้น ผมจึงให้ความสนับสนุนมหาเธร์ในเรื่องของ reform agenda ถ้าหากผมเป็นนายกฯ ผมก็จะดำเนินนโยบายนั้นต่อ”

สำหรับการดำเนินคดีกับอดีตนายกรัฐมนตรี นาจิบ ราซัก นั้น นายอันวาร์ยืนยันว่ากระบวนการพิจารณาเรื่องนี้จะเป็นไปอย่างอิสระ แต่ท้ายที่สุดก็ต้องขึ้นอยู่กับศาลว่าจะตัดสินใจอย่างไร

“ผมได้คุยกับมหาเธร์ในเรื่องนี้ เรามีความเห็นเหมือนกันว่าคดีนี้ต้องไม่ใช่แค่ว่าดูเหมือนเป็นอิสระ แต่คนที่ถูกกล่าวหาต้องเชื่อมั่นว่าการดำเนินคดีเป็นไปอย่างอิสระ หลายคนไม่พอใจที่มีเรื่องอื้อฉาวเกิดขึ้น ไม่พอใจที่มีการทุจริตเงินหลายล้านดอลลาร์ แต่ก็ต้องปล่อยให้เป็นการตัดสินใจของศาล”

นายอันวาร์ อิบราฮิม

เมื่อถามถึงมุมมองต่อเมืองไทย อันวาร์ให้ความเห็นว่า “ผมมีคนรู้จักมากมายในเมืองไทย แต่ทุกคนก็ทราบว่าผมเป็น democrat และทราบจุดยืนทางการเมืองของผมดี ในช่วงเวลาของการรัฐประหาร ถึงแม้ผมจะเข้าใจแต่ผมก็ไม่สามารถพูดได้ว่าผมสนับสนุน ตัวผมเองก็ไม่มีคำตอบให้กับเมืองไทย แต่อย่างน้อยเราก็ควรที่จะมองไปยัง meaningful future ของเมืองไทย ผมยังมองในแง่ดีเทียบกับช่วงเวลาที่ยากลำบากของมาเลเซียที่เคยถูกควบคุมอย่างมากโดยรัฐบาลในทุกภาคส่วน แต่สำหรับเมืองไทยอย่างน้อยภาคเอกชนยังเดินหน้าต่อได้ในช่วงเวลาที่การเมืองไม่มั่นคง อย่างไรก็ตาม คำตอบสุดท้ายของประเทศคือประชาชน ประเทศจะต้องเข้มแข็งและมีเสถียรภาพ ซึ่งจะต้องประกอบไปด้วยความอดทนของคนในประเทศไทยที่จะมองไปข้างหน้าและก้าวต่อไปข้างหน้า ที่ไม่ว่าจะยากลำบากขนาดไหนสุดท้ายก็จะต้องทำเพื่อประโยชน์ของประเทศ”

พร้อมกล่าวต่อว่า “ผมเห็นว่าเมืองไทยต้องเข้มแข็งต่อรัฐบาลที่ไม่ถูกต้อง เมืองไทยปัจจุบันถูกปกครองโดยคนกลุ่มน้อยและคนกลุ่มนั้นก็ส่งต่ออำนาจ เพราะฉะนั้นเราจะต้องตั้งคำถามและเข้มแข็ง รู้จักปกป้องสิทธิของตัวเอง แต่ต้องไม่ให้อภัยความรุนแรง สิ่งที่เราต้องทำคือเราต้องแสดงให้เห็นถึงความยุติธรรม สู้เพื่อสิทธิมนุษยชน ตั้งคำถาม ทางแก้คือ engagement building trust environment (การมีส่วนร่วมจะช่วยสร้างสภาพแวดล้อมแห่งความไว้วางใจ)“

ดร.ทนง พิทยะ นายอันวาร์ อิบราฮิม และ MARK TROWELL QC (ภาพจากซ้ายไปขวา)